สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคตแล้ว ความใฝ่ฝันของใครหลายคนคือการมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายมากมาย หลายคนอาจจะเลือกซื้อบ้านมือสอง สภาพดี ที่มีราคาต่ำกว่า และสามารถรีโนเวทให้สวยงาม มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้
สำหรับใครที่คิดจะซื้อบ้านมือสองสักหลัง แต่ไม่รู้จะเริ่มจากไหน วันนี้ ในบ้าน ได้นำประสบการณ์ รีโนเวททาวเฮ้าส์เก่า 30 ปี จาก คุณวศิน มาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการรีโนเวทบ้าน พร้อมแล้วไปติดตามกันเลยค่ะ
รีโนเวททาวเฮ้าส์เก่า 30 ปี ให้กลับมามีชีวิต ตามแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน
(โดย Wasin Saengkaew)
สวัสดีครับชาวพันทิป ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์การซื้อทาวเฮ้าส์มือสองมา renovate นะครับ
เกริ่นนำก่อนเลยคือ ผมเป็นคนต่างจังหวัด เริ่มมาทำงาน กทม. ปี 2557 มาแรกๆ ก็เช่า apartment อยู่แถว BTS อ่อนนุช เพราะไม่ไกลที่ทำงาน apartment ที่อยู่ก็ดีมาก เงียบสงบ ไม่ไกลจาก BTS ผมอยู่ได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่อยากซื้อบ้านก็เพราะสวัสดิการของบริษัทนี่แหละ คือบริษัทที่ผมทำงานจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้านให้ไม่เกิน 5% ซึ่งดอกบ้านก็ประมาณนี้อยู่แล้ว สรุปคือผมจะซื้อบ้านได้โดยแทบจะผ่อนแค่เงินต้น เลยตัดสินใจซื้อครับ ถือว่าได้สินทรัพย์ด้วย ถึงเช่าอยู่ต่อก็เสียค่าเช่ารายเดือนเท่ากับผ่อนเงินต้นอย่างเดียวอยู่ดี
ผมขอแบ่งขั้นตอนทั้งหมดตามนี้ครับ
1. กำหนดความต้องการและหาบ้าน
2. ขั้นตอนการซื้อบ้าน
3. คุยกับสถาปนิกและหา ผรม
4. เริ่มงานรีโนเวท
กำหนดวามต้องการและหาบ้าน
เริ่มหาจากอินเตอร์เน็ต google ดู ก็ได้เข้าไปดูเว็ป ddproperty, thaihometown กรมบังคับคดี และอื่นๆ อีกหลายเว็ป โดยโจทย์ของผมคือผมอยากได้บ้านที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมาก ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า และราคาไม่แรงมาก ด้วย condition แบบนี้จากที่ผมหาๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะเอาบ้านมือหนึ่ง ก็เลยมองทาวเฮ้าส์มือสอง กะว่าจะรีโนเวตเอา ดูอยู่หลายที่ครับ โทรไปขอดูบ้านไม่น่าจะต่ำกว่า 15 ที่ ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน สุดท้ายก็มาลงเอยที่หมู่บ้านๆ หนึ่ง ใกล้ๆ BTS อุดมสุข หมู่บ้านเงียบสงบ ต้นไม้เยอะ ไม่ห่าง BTS มาก (ไม่เกิน 2 กิโล) ใกล้ทางด่วน โดยผมซื้อบ้านหลังนี้จากการที่เห็นป้ายติดหน้าบ้าน เลยโทรไปหาเจ้าของ คุยๆ แล้วดีล ก่อนหน้านี้กะจะเอาอีกหลังในหมู่บ้านเดียวกัน เพราะไปดูหลังนั้นก่อน เห็นจากอินเตอร์เน็ต เข้าไปดู วางเงินมัดจำไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ดันมาเจอหลังที่ซื้อจริงๆ ตอนหลัง เนื้อที่เยอะกว่า แล้วได้ราคาดีกว่า เลยจำใจยอมเสียเงินมัดจำหลังแรก ดีว่ามัดจำไปไม่กี่หมื่น
นี่เป็นรุปตอนเข้าไปดูครั้งแรกๆ เลย (เละนิดหนึ่ง แต่คิดว่าไม่แย่มาก)
.
ระเบียงชั้น 3
หลังบ้าน พอมี พท. ต่อครัวนิดหน่อย
.
.
มีน้ำรั่วตรงห้องนอนชั้น 2 ด้วย แบบนองพื้นเลย เครียดอยู่เหมือนกัน แต่ ผรม กับวิศวะบอกว่าแก้ได้ตรงได้ เด๋วไปไล่หาจุดรั่วแล้วอุดได้
ห้องน้ำชั้น 1 เล็กมาก เลยบอกสถาปนิกว่าจะขยาย
ขั้นตอนการซื้อบ้าน
การซื้อบ้านก็ไม่ได้ยากอะไรครับ ผมก็หาๆอ่านจากอินเตอร์เน็ต หลักๆ ก็คือ
– ติดต่อผู้ขาย ดีลราคาให้ลงตัว
– ทำสัญญาจะซื้อจะขาย (อันนี้จะทำไม่ทำก็ได้ แล้วแต่ แต่ผมแนะนำว่าทำดีกว่า เพราะว่าทุกอย่างจะได้ชัดเจนและมีหลักประกัน) วางเงินมัดจำบ้านก็วางตอนเซ็นสัญญานี้นะครับ
– ไปโอนที่สำนักงานที่ดิน แนะนำให้ไปแต่เช้าและไม่ใช่ช่วงปลายไตรมาส ผมไปช่วงใกล้ปิดไตรมาสซึ่งพวกคอนโดพยายามปิดยอดกัน เลยมีการโอนเยอะ ผมไปเที่ยง เสร็จเกือบสามทุ่ม ขั้นตอนการโอนที่สำนักงานที่ดินจริงๆ แปปเดียวครับ ไม่เกิน 20 นาที ที่นานคือรอคิว รอจนหลับไปหลายตื่นเลย
– พอได้บ้านมาเป็นชื่อเราแล้ว ก็จัดการย้ายชื่อเราเข้าในทะเบียนบ้าน และไปขอมิเตอร์น้ำไฟใหม่ให้เรียบร้อยครับ ตอนเซ็นจะซื้อจะขายกันสัญญาผมเขียนไว้ว่าผู้ขายมีหน้าที่โอนมิเตอร์น้ำไฟมาให้ผม แต่ปรากฏว่าพอผมไปติดต่อการไฟฟ้ากับการประปาปรากฏว่ามิเตอร์มันถูกตัดไปหมดแล้ว เพราะบ้านไม่มีใครอยู่มาจะ 10 ปีแล้ว ผมก็เลยจัดการติดตั้งใหม่ เสียเงินไปราวๆ หมื่นบาท รวมค่าน้ำไฟค้างชำระ โดยจำนวนเงินนี้ผมเอาไปเบิกกับผู้ขายภายหลัง เค้าก็โอนมาให้ ไม่มีปัญหาอะไรครับ
คุยกับสถาปนิกและหาผู้รับใหม่
ผมมีเพื่อนเป็นสถาปนิกก็เลยใช้บริการเพื่อน ก็บอกความต้องการไป ว่าอยากได้สไตล์ไหน เจอรูปไอเดียบ้านสวยๆ ในอินเตอร์เน็ตก็เซฟๆ ไว้ แล้วส่งให้เพื่อนดูเป็นตัวอย่าง คุยเสร็จเพื่อนสถาปนิกก็เข้ามาวัดบ้านและเขียนแบบครับ โดยเขียนแบบนี่ใช้เวลาประมาณเดือนกว่า ของผมค่าสถาปนิกไม่แพง เพราะเป็นเพื่อนกัน สิ่งที่ได้คือ แบบ sketchup แบบ 3 มิติ แล้วก็แบบ interior ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเพื่อนผมเค้าไปจ้าง interior เขียนอีกที แบบ interior นี่จะมีผังไฟ ผังเฟอร์นิเจอร์ สเปค ค่อนข้างละเอียดเลยครับ
ส่วนเรื่องผู้รับเหมา ผมได้ยินได้อ่านมาเยอะ ว่าหาดีๆ ยาก บางเจ้าถึงขั้นทิ้งงาน เชิดเงินหนีไป อ่านแล้วก็กลัวครับ ผมก็เลยพยายามเอาผู้รับเหมาที่พอจะมี connection กับเพื่อนทีเป็นสถาปนิก โดยเอา ผรม เข้ามาดูและตีราคา 3 เจ้า คิดว่าจะได้เปรียบเทียบกัน 2 เจ้าเป็น ผรม ที่มี connection กับเพื่อนสปานิกผม ส่วนอีกเจ้าผมหามาเองจาก Facebook ผมมีราคาในใจไว้ว่าไม่อยากให้เกิน 1.3 ล้าน แต่ ผรมทั้ง 3 รายตีออกมา 1.6-1.7 ล้านหมดเลย ก็ทำไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรมครับ จะทำปริมาณงานขนาดนี้ก็คงต้องยอมเสียแล้วแหละ แล้วในเมื่อตีราคามาเท่าๆ กัน ผมเลยเลือกผู้รับใหม่ ที่เพื่อนรู้จักดี อย่างน้อยๆ ก็น่าจะไม่ทิ้งงานและคุยกันง่าย ตัดสินใจได้แล้วก็ไปเซ็นสัญญารีโนเวทกับผู้รับใหม่ ครับ หลังจากเซ็นประมาณครึ่งเดือนก็เริ่มงานเลย
เริ่มรีโนเวทบ้าน
ตรงนี้จะขอเล่าไปด้วยภาพละกันนะครับ
อันดับแรกก็เริ่มจากงานรื้อเลยครับผม
.
.
.
มีต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่หน้าบ้าน เอาแบคโฮมาจัดการเลยครับ
รื้อไปรื้อมาไปเจอว่าท่อน้ำที่ถ่ายน้ำเสียออกนอกบ้านแตก ทุกวันนี้น้ำไหลลงใต้บ้านตลอด เลยจำใจต้องวางท่อใหม่ด้วย
ขั้นตอนการรื้อไม่นานครับ 4-5 วันก็เสร็จ หลังจากรื้อแล้วถ้าจำไม่ผิดก็จะเป็นการทำงานโครงสร้างหลักๆ บ้านผมไม่ได้เปลี่ยน layout อะไรมาก เนื่องด้วยงบประมาณที่จำกัด จะมีหลักๆ ก็คือการต่อห้องครัวขนาด 4*3 เมตรออกไปตรงหลังบ้าน และต่อห้องนอนชั้น 3 ออกไปตรงระเบียง เพราะพื้นที่ห้องนอนชั้น 3 เล็กมาก วางเตียง 6 ฟุตแทบจะไม่ได้
เริ่มด้วยครัวเลย
ลงเสา 6 เหลี่ยม ยาว 6 เมตร จำไม่ได้แล้วว่ากี่ต้น เท่าที่อ่านมาถ้าลงเป็นไมโครไพล์ 15-21 นิ้ว ให้ถึงชั้นดินแข็งเลยจะดีกว่า เสา 6 เมตรยังอยู่ในชั้นดินอ่อนอยู่ ในอนาคตมีโอกาสทรุด
.
หลังจากลงเสาแล้วก็ก่อโครงเหล้ก หลังคาจะเป็นเมทัลชีทครับ
เริ่มมีโครงละๆ ก่อครัวใช้อิฐบวลเบาหมดครับ เพราะเสาไม่ได้ลงลึก ไม่อยากให้หนักมาก เด๋วระยะยาวจะทรุดเยอะ
ห้องนอนชั้น 3 ที่ต่อออกไป
.
.
.
หลังจากนั้นก็เริ่มเดินไฟ แล้วก็ใส่ฝ้า จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบฝ้าสักเท่าไร่ เพราะมันลงมาถึงระดับคานเลย วัดจากพื้นถึงฝ้าประมาณ 2.5 เมตร ผมรู้สึกมันอึดอัดไป อาจะเพราะผมเป็นคนตัวสูงด้วย สูง 186 ซม. แต่ถ้าไม่ทำฝ้าลงมาถึงระดับคานสถาปนิกบอกว่ามันจะไม่ค่อยสวย ต้องทำใจครับ 2.5 เมตรก็ไม่แย่มาก คอนโดก็ประมาณนี้
พื้นผมเลือกเป็นกระเบื้องยางลายไม้ เพราะจากที่อ่านมาเบื้องต้นน่าจะดูแลรักษาง่ายกว่าลามิเนต และมีโอกาสบวมต่ำกว่า ก่อนจะปูกระเบื้องยางก็ทำการปรับพื้นผิวให้เรียบครับ
มาถึงขั้นตอนท้ายๆ แล้ว คือการใส่วงกบหน้าต่าง แล้วก็ทาสี
บันไดเอาลูกตั้งมาปิดครับ ถ้าโล่งๆ แล้วดูแปลกๆ สงสัยผมฝังใจกับหนังผีตอนเด็กๆ มากไป ที่เดินขึ้นบันไดแล้วมีผียื่นมือมาจับขา 555+ พท ใต้บันใดปิดทึบและทำเป็นที่เก็บของ ตรงผนังที่เก็บของทำเป็นที่แขวนทีวี
.
หลังจากทำรวมๆ กันแล้วประมาณ 5-6 เดือนก็เสร็จครับ อาจจะช้าหน่อย เพราะว่าติดช่วงสงกรานต์ที่ช่างกลับบ้านไปครึ่งเดือนเลย เสร็จสักที !!!
.
.
.
.
โซนนั่งกินข้าว เนื่องจากผมอยู่คนเดียว เลยซื้อโต๊ะกินข้าวตัวเล็กๆ จาก Ikea ไม่อยากให้โต๊ะใหญ่จนกิน พท บ้านมากครับ เพราะตัวบ้านก็ไม่ได้ใหญ่อะไรอยุ่แล้ว แต่โต๊ะตัวนี้ถ้าเพื่อนหรือครอบครัวมา ก็ขยายออกได้ครับ
.
.
.
.
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำไม่ค่อยสวยเท่าไร่ เพราะหลังๆ งบเริ่มหมด
โถงทางเดินชั้น 2
ห้องนอนชั้น 2 ห้องนี้ผมค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ เพราะแสงเข้าดีมาก และเวลาเปิดหน้าต่างนี่เย็นสบายจนแทบไม่ต้องเปิดแอร์เลย สำหรับแขกมานอนครับ หรือเผื่อมีลูก เอาไว้ให้ลูกนอน
.
ห้องนอนใหญ่ชั้น 3
ห้องทำงานชั้น 2 ยังไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์อะไรมาก ยังคิดไม่ออกจะเอาไรมาใส่ครับ กำลังคิดๆ ว่าจะเอาชั้นวางหนังสือหรือตู้โชว์มาใส่
พ่อแม่มาเยี่ยมหา ถ่ายรูปกันไว้หน่อย happy family
จบละครับสำหรับการแชร์ประสบการณ์การซื้อทาวเฮ้าส์มือสองมารีโนเวท อาจจะยังดูไม่ค่อยสมบูรณ์บ้าง เพราะพึ่งเข้าอยู่ได้ไม่นาน ยังไม่ได้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ข้าเต็มที่ บวกกับงบประมาณตอนหลังที่เริ่มจะจำกัดด้วย หวังว่ากระทุ้ผมจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะรีโนเวทบ้านบ้างครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ
ที่มา : คุณวศิน
เจ้าของบ้าน คุณวศิน
Line ID: paaninw
เบอร์โทร : 091-069-1832
สถาปนิก คุณบิ๊ก
Line ID: biigarch
เบอร์โทร : 087-190-3001 .