เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โทนี่ รากแก่น ได้ประกาศขายเรือนหอสุดหรูที่เขาใหญ่ไป ซึ่งต่อมาหนุ่มโทนี่ก็ได้เผยภาพเรือนหอใหม่ที่เป็นบ้านที่มีความเรียบง่าย ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แบบที่เจ้าตัวว่า อยากให้ทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
ภาพเรือนหอที่ออกแบบกันเอาไว้
โทนี่ รากแก่น – แก้ว จริญญา
โดยหนุ่มโทนี่ได้เริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเรือนหอหลังใหม่ไว้ว่า…
“เรือนหอแรกเริ่มของเรา เรือนหอที่มีแค่ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 โถงเอนกประสงค์ ที่เน้นการให้พื้นที่ส่วนมากในการขุดสระเก็บกักน้ำฝน และพื้นที่ปลูกป่าหลากหลาย เพื่อการฟื้นฟูธรรมชาติ และการทดลองปลูกอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต
เป็นการวางแผนระยะยาวร่วมกัน อย่างน้อย ๆ 4-5 ปี ถึงจะเริ่มเห็นผลผลิตจริงจัง ระหว่างนี้ก็ฝึกฝนปลูกผักรายเดือนให้สำเร็จเพียงพอต่อการกินเองไปก่อน
ที่ทำทั้งหมดนี้ เพราะเราเกิดคำถามเกี่ยวกับวิถีชีวิตแบบ off grid นอกระบบ ต้องทำไง? อย่างเรื่องปัจจัย 4 ถ้าต้องหาเองจะทำได้ยังไงบ้าง? พลังงานไฟฟ้า? น้ำสะอาด? อาหาร? ที่อยู่อาศัย?
อยากรู้ว่าปัจจุบันนี้ ความสามารถในการพึ่งตัวเองของเรา มันเหลือน้อยแค่ไหน? แล้วมันจะต้องลงทุนเท่าไหร่? และจะต้องทำไงให้ใช้เงินน้อยที่สุด? ซึ่งก็คงไม่พ้นการลงมือทำเอง อันไหนทำเองได้ ลงมือทำเองให้มากที่สุดเท่าที่ไหว เหนื่อยก็พัก
อีกคำถามที่สำคัญมากๆสำหรับเราทั้งคู่ตอนนี้ คือเราจะต้องทำไงให้วิถีชีวิตของเราดำรงต่อไปได้ในแบบที่จะทำลายสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด?”
และนี่ก็คือโฉมหน้าของบ้านที่เมื่อสร้างเสร็จผ่านไป 2 เดือนแล้ว โดยหนุ่มโทนี่ก็ได้ออกมาเล่าเกี่ยวกับรายละเอียดหลังจากที่ผ่านไป 2 เดือนดังนี้…
“2 months later…
เพิงหมางุ้ม 2 เดือนผ่านไป เราค่อยๆลงมือขุด ปลูก ปรับเปลี่ยน landscape ขุดคลอง ทำระบบน้ำไหลเวียน รอน้ำฝนบ้าง แอบเติมน้ำประปาลงบ่อบ้างเพราะฝนไม่มาเลย บ่อดินน้ำแห้งไวมาก แต่ก็ตามธรรมชาติ
2 เดือนตั้งแต่บ้านเสร็จ เราลงมือขุดกันแทบทุกวัน ทั้งวัน วันละหลาย ๆ ชั่วโมง อยากรีบเห็นภาพจบแล้ว ทั้ง ๆ ที่อาจารย์หลายท่านก็แนะนำตลอดว่าอย่าใจร้อน… “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง”
ระบบโซล่าเป็นการลงทุนสูงมาก แต่โดยรวมแล้วตัวบ้านและโซล่ารวมกันยังคงอยู่ในราคาหลักแสนไม่ถึงล้าน
ทดสอบระบบโซล่า ใช้ได้ดีมีพลังงานเพียงพอสำหรับตู้เย็นและแอร์ 1 ตัว บวกกับเสียบปลั๊กเครื่องปั้มน้ำได้ 3 ตัว ชาร์จแบ็ตได้ เปิดไฟได้
ว่าจะทำเครื่องกรองน้ำเองไว้กรองน้ำฝนมาดื่ม กำลังศึกษาจากคลิป อ.โจน จันได
ส่วนตัวคิดว่าแอบพลาดตรงที่เอาหญ้าเขียว ๆ มาลงเพื่อความสวยงาม ข้อเสียคือเปลืองตังและยังทำให้การปลูกต้นไม้ยากขึ้นเพราะต้องค่อย ๆ ทำเพราะมันจะเลอะเทอะมากเวลาขุดดินเพื่อปลูกบนหญ้า ไม่เหมือนตอนห่มฟาง จะปลูกตรงไหนก็แค่เปิดฟางแล้วขุดเลย
แล้วพอหญ้ามันเริ่มยาวก็ต้องเล็มเรื่อย ๆ ไม่เอาแล้วแบบนี้ พลาดมาก ๆ คือมันสวยจริง แต่สวยแบบดูประดิษฐ์ไปหน่อย เราอยากได้ภาพจบแบบป่า ๆ รก ๆ มากกว่า
ในพื้นที่ไม่ถึง 1 ไร่ ลงมือปลูกป่ากันหลายสิบต้นแล้ว เราเริ่มปลูกจากต้นกล้าเลย เพราะหวังว่าพอมันโตแล้วมันจะมีรากแก้ว ถ้าล้อมต้นไม้ใหญ่มา ราคาบางต้นเป็นแสน เราเอาต้นกล้าราคาหลัก 10 หลัก 100 บาทมาปลูก รอโตนานหน่อย 10-15 ปี ถ้าไม่ตายซะก่อน
แต่ที่ปลูก ๆ ไปก็มีตายบ้าง รอดบ้าง แมงกินบ้าง รากเน่าบ้าง แห้งตายบ้าง แต่ประมาณ 90% จะรอด เพราะไปลงเรียนอบรมขั้นพื้นฐานกันมา ค้นพบว่าสำคัญมากที่ต้องไปอบรมก่อนลงมือ “เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงพืช”
ที่เห็นของตบแต่งหลายอย่างก็เอาที่มีอยู่แล้วมาใช้ หรือวัสดุตบแต่งเพื่อความสวยงามเช่นหินในสวนสวย ก็เป็นหินก่อสร้างที่ไว้ผสมปูนทั่วไปที่บางส่วนเอามาจากของเหลือหน้างาน และซื้อเพิ่มด้วยบางส่วน บวกกับของเก่าที่เคยมีตอนบ้าจัดตู้ปลาก็เอามาใช้หมด
ตกแต่งคลองให้เหมือนลำธาร เพื่อการไหลเวียนของน้ำ สร้างระบบนิเวศน์ ขุดบ่อเล็กเพิ่ม 1 บ่อเพื่อปลูกไม้ในน้ำไว้กรองน้ำ ให้รากไม้ดูดซับสารอาหารและสารพิษที่อาจมีเจือปน ตบแต่งลำธารด้วยหินถูกๆที่หาซื้อได้ทั่วไปราคาหลักสิบ ทำแบบประหยัด ทำเอง หาของเอง จับจอบจับเสียมถนัดมือขึ้น
ได้กินผักที่ปลูกไปแล้วรอบนึง ตอนนี้จริญญาเริ่มทำน้ำหมักจุลินทรีย์เองแล้ว ตั้งใจจะค่อย ๆ ทำ ทำด้วยตัวเอง ประหยัดให้มากที่สุด ค่อย ๆ เรียนรู้และพัฒนากันไป”
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวดี ๆ ของดาราวัยหนุ่มสาว ที่ต้องการจะใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและเป็นมิตรกับธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม เราอาจจะเห็นได้ว่าการจะสร้างบ้านและดำรงชีวิตในลักษณะนี้ได้ก็มีต้นทุนและงบประมาณที่จัดว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพื่อน ๆ คิดเห็นประการใดก็ลองมาแลกเลี่ยนกันได้นะคะ
.
.
.
.
ที่มา : Toni Rakkaen