แชร์สูตรลับ “เณรพุ่งหลาว” อร่อยเบอร์แรง แม้แต่เณรยังต้องรีบพุ่งหลาวมากิน!!

หลายๆ คนคงจะรู้จักกับเมนู พระกระโดดกำแพง สุดยอดอาหารฮ่องเต้ซึ่งเป็นซุปที่ประกอบไปด้วยวัตถุดิบบำรุงร่างกายชั้นเยี่ยมของชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นหูฉลาม ปลิงทะเล กระเพาะปลาสด รังนก เป๋าฮื้อ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ราคาสูงทั้งสิ้น นำมาตุ๋นเป็นเวลาถึง 12-18 ชั่วโมงจนกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว

มีเสียงเล่าลือกันมาว่าเมื่อเปิดฝาใส่ซุปชนิดนี้ กลิ่นที่หอมหวลก็ลอยไปถึงจมูกของหลวงจีนวัดเส้าหลิน จนต้องกระโดดกำแพงเข้ามาลิ้มลองเมนูนี้ ซึ่งวันนี้ ใบบ้าน จะมานำเสนอเมนู “เณรพุ่งหลาว” ที่ใช้วัตถุดิบราคาถูกกว่าพระกระโดดกำแพงอยู่มาก แต่ความอร่อยนั้น แม้แต่เณรยังต้องพุ่งหลาวมาชิมเชียวค่ะ

ส่วนผสม

1. กระดูกซี่โครงอ่อน+เนื้อหมูส่วนใบพาย 3 กิโลกรัม

2. พริกไทยขาว 1.5 ช้อนโต๊ะ

3. รากผักชี 6–7 ราก

4. กระเทียม 30–35 กลีบใหญ่

5. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ

6. ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ

7. น้ำมันหอย 10 ช้อนโต๊ะ

8. น้ำส้มสายชูหมัก 1 ช้อนชา

9. เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ

10. ซีอิ๊วดำเค็ม 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ในการเลือกภาชนะสำหรับตุ๋นแนะนำให้ใช้หม้อเคลือบสารกันติดหรือที่เรียกว่าหม้อ non-stick หรือสำหรับใครที่ไม่มีสามารถใช้หม้ออลูมิเนียมแทนได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้หม้อสแตนเลสเพราะจะทำให้ไหม้ได้

2. แบ่งรากผักชีเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกนำไปตำรวมกับกระเทียม ส่วนที่สองนำมาบุบเล็กน้อยแยกตำกับพริกไทยไว้ต่างหาก

3. นำหมูมาล้างให้สะอาด

4. นำกระดูกอ่อนกับใบพายลงหม้อ แล้วตามด้วยรากผักชีส่วนที่บุบ ตามด้วยกระเทียมที่ตำรวมกับรากผักชีลงไป ท้ายสุดตามด้วยพริกไทยเพียง 2 ใน 3 ส่วน ส่วนอีกหนึ่งในสามเก็บไว้ก่อน

5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย เหล้าจีน น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำเค็ม และน้ำส้มสายชูหมัก

6. เติมน้ำเปล่า โดยถ้าเป็นหม้อเคลือบสารกันติดใส่น้ำให้ปริมาณต่ำกว่ากระดูกอ่อนประมาณหนึ่งนิ้ว แต่ถ้าเป็นหม้ออลูมิเนียมก็ใส่น้ำให้พอดีกับกระดูกอ่อน โดยห้ามไม่ใส่น้ำท่วมกระดูก หลังจากเติมน้ำแล้วไม่ต้องคน ปล่อยไว้อย่างนั้นเลย

7. นำหม้อขึ้นตั้งเตา ใช้ไฟกลาง ปิดฝาให้สนิท

8. ต้มไปเรื่อยๆ เป็นเวลา สองชั่วโมงครึ่ง จนน้ำเดือด เบาไฟเหลือกลาง ค่อนข้างอ่อน

9. พอเดือดไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ให้เบาไฟให้อ่อนที่สุดเท่าที่เตาจะทำได้ และให้คนกลับ เอาล่างขึ้นบน
เอาบนลงล่าง

10. ครบชั่วโมงครึ่ง จนกระดูกอ่อนหดลง พอครบสองชั่วโมงนำพริกไทยส่วนที่เหลือใส่ลงไป แล้วคนเบาๆ

11. ครบสองชั่วโมงครึ่ง น้ำก็จะงวดแห้งพอดี ซึ่งช่วงใกล้ครบเวลานี้ต้องคอยหมั่นดูเรื่อยๆ เพราะถ้าปล่อยให้น้ำแห้งเกินไปหมูจะไหม้ติดก้นหม้อได้ แต่ถ้าครบเวลาแล้วยังมีน้ำมากเกินไป ก็ให้เคี่ยวต่อไปอีกหน่อยโดยให้เผยอฝาหม้อไว้เล็กน้อยจนน้ำงวดขลุกขลิกแบบนี้ ถ้าสุกพอดีจะคนอีกไม่ได้แล้วเพราะเนื้อจะหลุดออกมาจากกระดูกหมด

12. ให้ดูระดับน้ำขลุกขลิก โดยจะเห็นกระเทียม รากผักชี พริกไทย ข้นๆ ปนอยู่กับน้ำมัน ไม่ใช่ปนอยู่กับน้ำ เมื่อปิดเตาแล้วต้องปิดฝาหม้ออยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ไอน้ำระเหยโดนลม จนหมูแห้งแข็ง