การที่มีบ้านอยู่ติดกัน ทำให้อาจจะเกิดปัญหากระทบกระทั่งกันได้ไม่ยาก แต่โดยทั่วไป แต่ละบ้านมักมีการพูดคุยและแก้ไขปัญหากันอย่างประนีประนอม
แต่สำหรับเหตุการณ์ปัญหาระหว่างเพื่อนบ้านเรื่องนี้ กลับไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิ เพราะล่าสุด ทางเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3 ได้โพสต์กรณีที่เพื่อนบ้านได้ต่อปล่องดูดควันใส่บ้านที่เกิดเหตุณ์ จนได้รับความเดือดร้อน
แต่จุดพีคอยู่มันอยู่ตรงที่บ้านผู้เสียหายได้ไปพูดคุยกับปัญหานี้ แต่บ้านคู่กรณีกลับบอกให้ไปฟ้องเอา ถ้าอยากให้แก้ไข เพราะว่าตนเองอยู่บ้านหลังนี้มาก่อนที่จะมีบ้านผู้เสียหายเสียอีก
ทางผู้เสียหายก็ได้เล่าเกี่ยวกับเหตุกาณณ์ครั้งนี้ ดังนี้…
ด้วยความตั้งใจอยากได้บ้านที่เงียบสงบ ไม่อยากทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ไม่ต้องเจอมนุษย์ป้ามนุษย์ลุงเรื่องที่จอดรถ เลยตัดสินใจกับแม่บ้านว่า ซื้อทาวน์โฮมที่เป็นโซน Private ซึ่งหน้าบ้านไม่ตรงกับใคร เพราะเป็นกำแพง และเป็นซอยสุดท้ายของโครงการ เป็นบ้านหลังมุม
ซึ่งเพื่อนบ้านด้านขวาบอกเลยเป็นคุณลุงที่น่ารักมากๆ สรุปหน้าบ้าน ด้านข้างโอเค แต่สุดท้ายดันมาเจอปัญหาหลังบ้าน
ด้วยปัญหาที่เกิด คือบ้านอีกหลังด้านท้าย (หลังชนกัน) ซึ่งบ้านเค้าต่อเติมครัวขึ้นมา อันนี้ไม่ว่าเพราะส่วนใหญ่ใครก็ทำ แต่ประเด็นคือ ดันต่อฮู้ดดูดควันและพัดลมระบายอากาศห้องครัวของตัวเอง จัดตำแหน่งให้ปล่องควันหันออกมาที่บ้านเราเต็ม ๆ
วันดีคืนดี ทำกับข้าว ทั้งกลิ่นทั้งควันมาครบ ยิ่งเป็นผัดพริกแกง ผัดกระเพรา แล้วด้วย บอกเลยน้ำหู น้ำตาไหล ไอจามกันยาว ๆ
เราก็ได้แจ้งนิติฯ โครงการ เพื่อให้เพื่อนบ้านทำการแก้ไข ตั้งแต่มาดูและตัดสินใจซื้อ โดยทางนิติฯ แจ้งว่าเตือนให้แล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่ก่อนเข้าอยู่ จนถึงกระทั่งย้ายเข้ามาอยู่แบบเต็มตัว สิ่งที่ได้คือ ไม่มีอะไรคืบหน้า แถมเพื่อนบ้านหลังดังกล่าว ยังบอกกับนิติฯ ว่าไม่ต้องมายุ่ง เดี๋ยวจะมาคุยกับเจ้าของบ้าน
นิติฯ แจ้งมาแบบนี้ เราก็โอเค ผ่านไป 1 เดือนไร้วี่แวว เจอหน้ากันแบบประชิดทิ้งระยะห่างสัก 3-4 เมตรได้ แต่ไม่มีการเอ่ยปากทักทาย หรืออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น แถมยังคงทำอาหารต่อ เวลาซักผ้าทีไรก็จะได้ของแถมเป็นกลิ่นไข่เจียว หรือคะน้าหมูกรอบเกือบทุกที
2 อาทิตย์ถัดมา แอบดีใจ เพราะได้ยินเสียงเพื่อนบ้านคนเดิม คุยกับช่างวัดโน่นวัดนี่บนหลังคา ผ่านไปครึ่งวัน สรุปให้ช่างมาติดแอร์เพิ่ม ไม่ได้จะมาแก้ปัญหาเรื่องฮู้ดดูดควัน
ทนมาอีก 2 อาทิตย์ ช่วงเย็นแม่บ้านหอบผ้ามาซักตระกร้าใหญ่ เสร็จปั๊บตากปุ๊บ กลิ่นและควันพวยพุ่งมาแบบไม่มีกั๊ก ซึ่งจากกลิ่นที่เตะจมูกเดาว่าน่าจะปลาทอดขมิ้น มองหน้าแบบเลิ่กลั่กกับแม่บ้าน สงสัยวันนี้ต้องซักผ้าใหม่อีกรอบ
คราวนี้มาถึงจุดที่ต้องไปคุยเองแล้ว รอนิติฯ ไม่น่าจะได้เรื่อง ถึงหน้าบ้าน เราทักทายแบบสุภาพ โดยอัดเสียงไว้ “โทษนะครับ จะแก้เรื่องฮู้ดดูดควันได้เมื่อไหร่ เพราะเวลาที่บ้านคุณทำกับข้าว ทั้งกลิ่นทั้งควันมันมาแบบครบชุดเลย”
คำตอบที่ได้จากปาก คือ “ผมทำก่อนคุณจะมาอยู่อีก อีกอย่างก็แจ้งกับนิติฯ เรื่องแบบก่อสร้างไปแล้ว งั้นคุณก็ต่อเติมหลังบ้านบ้างสิ กลิ่นควันจะได้ไม่ไปรบกวนบ้านคุณ แล้วอีกอย่างเค้าก็ไม่เคยบอกกับทางนิติฯ ว่าจะแก้ไขให้
เราก็ตอบกลับไปว่า คุณมาคิดแทนผมไม่ได้ ว่าจะต้องต่อเติม เพราะเราต้องการปล่อยโล่ง ปลูกต้นไม้แบบที่ชอบ แล้วแบบที่บ้านคุณทำ มันไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ไม่รู้จริงๆ เหรอ ทำไมถึงตั้งใจปล่อยควันปล่อยกลิ่นให้เพื่อนบ้านได้ของแบบนี้
ซึ่งก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าสมาชิกในบ้านไม่มีใครเตือนหรือแย้งกันก่อนทำเลยหรือ ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ ทั้งๆ ที่หลังอื่นเค้ายังทำเป็นหมวกจีนขึ้นหลังคาได้เลย
ประโยคสนทนาจากนั้น เราและแม่บ้านก็เลยถามไปว่า แล้วจะหาทางแก้ไขกันยังไง คำตอบเดิมคือ ไม่แก้ ผมไม่แก้ ผมไม่ทุบ กลิ่นมันอาจจะมาจากบ้านหลังอื่นก็ได้ เห็นคาตาได้กลิ่นคาจมูก ยังแถไปโทษบ้านอื่น
คราวนี้ตัดสินใจโทรแจ้งนิติฯ โครงการอีกครั้ง 15 นาทีถัดมา นิติฯ ไปคุยกับเพื่อนบ้านผู้หวังดี สรุป ได้คำตอบเหมือนเดิม คือไม่แก้ไข อยากให้แก้ก็ให้ไปฟ้องเอา
ถ้าอย่างนั้น เราจะไปเทศบาล เนื่องจากมีหลักฐานครบ ตั้งแต่เริ่มสร้าง เตือนเจ้าของบ้านแล้ว ไม่อนุญาตให้ทำแบบนี้
โพสต์ต้นทาง
หลังจากโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมากได้เข้ามกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันเป็นจำนวนมาก
ความคิดเห็นของชาวเน็ต
ชาวเน็ตจำนวนหนึ่งก็เลยประสบกับปัญหาคล้าย ๆ กันนี้กับเพื่อนบ้านของตน
.
ทำหรับเคสนี้ บางคนก็มองว่าการแก้ปัญหาเรื่องปล่องดูดควันนั้นไม่ยากเลย แต่อยู่ที่เจ้าของบ้านนั้นไม่ยอมทำเสียมากกว่า
บางคนก็วิเคราะห์ว่าจากองค์ประกอบที่มีนั้น ดูแล้วบ้านคู่กรณีก็ผิดเต็ม ๆ หากอ้างอิงตามกฏหมาย
คอมเม้นต์นี้นำเอาข้อกฏหมายมาให้ดูเลย ซึ่งดู ๆ ไปแล้ว หากมีการฟ้องร้องกันจริง บ้านคู่กรณีน่าจะมีโอกาสแพ้คดีสูงแน่นอน
ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์เตือนใจให้เพื่อน ๆ ที่กำลังจะซื้อบ้าน เพราะการดูแค่ตัวบ้านอย่างเดียวมันไม่พอจริง ๆ ยังต้องดูด้วยว่าสภาพอวดล้อมรอบบ้านเป็นอย่างไร บ้านของเพื่อนบ้านจะมีโอกาสสร้างความเดือดร้อนแบบนี้ไหม ก็ต้องดูกันให้ละเอียดจริง ๆ