การตกแต่งในสไตล์อิเคลทิค (Eclectic Style) คือการตกแต่งที่เน้นความหลากหลายของสิ่งของ สร้างความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์โดยการผสมผสานของหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน นับว่าเป็นการตกแต่งแนวร่วมสมัยอีกรูปแบบหนึ่ง โดยส่วนมากแล้วมักจะใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ เป็นตัวชูโรง เอามาจัดไว้บนพื้นทีห้องที่มีดีไซน์รูปแบบใหม่
วันนี้ ในบ้าน ก็จะพาเพื่อนๆ ชาวเว็บไปชม ผลงานการตกแต่งทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆ ในรูปแบบ Eclectic Style ของคุณ impromptuwitz เปลี่ยนจากห้องสีขาวว่างๆ ให้กลายเป็นห้องที่สวยงามและมีชีวิตชีวาสุดๆ ตามมาชมกันได้เลยจ้า
รีวิว ตกแต่งทาวน์เฮาส์เล็กๆ ในรูปแบบ Eclectic Style สวยงามแบบไม่เหมือนใคร
(รีวิวโดย impromptuwitz)
สวัสดีครับทุกท่าน
เนื่องจากตัวผมเองตอนนี้ก็มีอายุพ้นวัยรุ่นมานิดหน่อย เลยคิดว่าคงต้องมีสมบัติติดตัวไว้สักนิด
แม้ว่าตัวผมเองตอนนี้จะยังโสดแต่ก็เห็นว่าควรจะมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเองเผื่ออนาคตไว้บ้าง
เลยมีโอกาสได้ซื้อ Townhouse หลังเล็กๆ เป็นของตัวเองหนึ่งหลัง ทางโครงการขายมาแบบบ้านเปล่า
ดังนั้นผมจึงมีโอกาสได้ใช้จินตนาการเต็มที่ในการตกแต่งครับ
บ้านหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้นนะครับ แต่ครั้งนี้ผมจะขอรีวิวแค่ชั้นหนึ่งก่อนนะครับ ซึ่งเป็นชั้นที่เป็นส่วนรับแขก ส่วนนั่งเล่น Powder Room และ ห้องครัว ครับ
พื้นที่โดยประมาณของบ้านนะครับ หน้ากว้าง 5.5 เมตร ลึกประมาณ 11 เมตรครับ
นี่คือภาพของบ้านเปล่าๆ (ภาพบ้านเปล่าผมเอาจากเวปโครงการนะ) ชั้นหนึ่งนะครับ เราจะมาแปลงโฉมกัน
ที่เห็นเป็นห้องกระจกนั่นคือห้องครัวนะครับ เล็กๆ ตามสไตล์วิถีชีวิตคนเมืองรุ่นใหม่ครับ แฮ่ะๆ
.
ก่อนอื่นเลยเนี่ย ผมเลือกแนวที่ตกแต่งไว้แล้ว นั่นก็คือแนว Eclectic ครับ
Eclectic Style เป็นการตกแต่งบ้านโดยการหยิบเอาความหลากหลายของสิ่งของ และรูปแบบของการตกแต่งบ้านแต่ละสไตล์มารวมเข้าด้วยกันผ่านการใช้ สี รูปทรง การจัดวางองค์ประกอบ ให้เกิดมุมมองที่สวยงามและเหมาะสม โดยมุ่งเน้นการผสมผสาน (Mixing) มากกว่าการทำให้เข้ากัน (Matching) ทำให้แตกต่างจากการตกแต่งบ้านสไตล์ Mix and Match อยู่พอสมควร
สไตล์อิเคล็กทิก (Eclectic Style) สไตล์การแต่งบ้านที่เริ่มมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 แต่เริ่มจะมีความนิยมในช่วงนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวร่วมสมัย ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจในการนำองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ที่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกัน ไม่ว่าจะเป็นแสง สีสัน ความเก่าใหม่ แล้วนำมาผสมผสาน โดยไม่มีรูปแบบตายตัว ในแบบของตัวเอง มีความยืดหยุ่นในการตกแต่ง
การแต่งบ้านสไตล์นี้ ส่วนใหญ่จะใช้สไตล์คลาสสิกผสมผสานกับความทันสมัย จึงนิยมนำเอาเฟอร์นิเจอร์เก่าของสะสม มาผสมรวมกับการจัดวางใหม่ บนพื้นที่ดีไซน์ใหม่ หรือการเลือกใช้สีเข้มและอ่อนที่ต่างกัน ก็สามารถช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องให้มีจุดเด่นได้ ทั้งยังเป็นการบอกเล่ารสนิยมและความชอบของเจ้าของบ้านที่สื่อออกมาจากการตกแต่งไปในตัวด้วย ซึ่งต่างจากสไตล์วินเทจ ที่นิยมเอาของเก่าเก็บมาตกแต่ง และบรรยากาศโดยรอบก็มีมิติของความเก่าไปในทางเดียวกันหมด
จุดเริ่มต้นของไอเดีย นี่เลยครับ pinterest ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบมากเวลาจะ get idea ในการแต่งบ้านครับ
.
.
.
พอได้ไอเดียแล้วก็ตามล่าหาของมาตกแต่งกันเลยครับ ซึ่งสถานที่ที่ผมมักจะไปล่าไอเท็มก็คือ เจเจพลาซ่าครับ มีของตกแต่งบ้านแปลกๆ เพียบ ส่วนในเรื่องของราคานั้นอาจจะอยู่ที่ลีลาการต่อรองของแต่ละคนครับ
ผมเองเป็นคนชอบเดินทางอยู่แล้ว Coffee Table รูปแบบกระเป๋าเดินทางและก็รูปแผนที่โลกนี้หาได้จากเจเจมอล์ครับ
แผนที่โลกนี่เป็นไม้ล้วนนะครับสองแผ่นต่อกัน หนักทีเดียว
อันนี้คือตู้วางทีวีและตู้โชว์ครับ All Solid Teak ครับ ราคาแอบแรงแต่ก็คุ้มค่าการลงทุนครับ โดยที่ผมสั่งทำให้ fit in กับพื้นที่ของบ้านครับ เพราะผมไม่ค่อยชอบการ Built-in สักเท่าไหร่ ร้านที่สั่งทำอยู่ในเจเจมอล์ครับ
ส่วนนี้คือโต๊ะกินข้าวนะครับ ไม้สักล้วนเช่นเดียวกัน ยาวประมาณ 1.8 เมตรครับ ทางร้านแถมเก้าอี้ให้ 4 ตัว และม้านั่งยาวอีกตัวนึง อันนี้ได้จากงาน furniture expo ทั่วๆ ไปครับ
และนี่คือพระเอกของส่วนรับแขกครับ นั่นก็คือโซฟา นั่นเอง ผมเลือกโซฟาหนังแท้ทั้งหลังครับ เพื่อความสวยงามและคงทน แม้ราคาจะแอบแรงและจะต้องบำรุงรักษาหน่อย แต่ผมว่าน่าลงทุนครับ ซึ่งชุดโซฟารับแขกนี้ผมสั่งผลิตตามขนาดที่ผมต้องการครับ
ในส่วนของหัวครัวที่แสนจะเล็กนั้น ต้องยอม Built-in ครับ เพื่อที่จะ optimize พื้นที่ คร่าวๆ ประมาณนี้ครับ ซึ่ง first draft นี่ต่างจะ final product เยอะพอสมควร
เมื่อเลือกทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลานัดส่งของครับ ซึ่งแน่นอน ตู้ทีวีนั้นหนักมาก สงสารพนักงานส่งของสุดๆ ครับ
ตอนผมคำนวณขนาดของตู้โชว์ ผมต้องใช้คณิตศาสตร์ประถม วิชา พิธากอรัส เพื่อคำนวณหาด้านที่ยาวที่สุดของสามเหลี่ยมมุมฉาก ยาวสุดเท่าที่จะยาวได้โดยเมื่อพลิกตู้แล้วตู้จะไม่ชนฝ้าเพดาน เพื่อเวลาเหตุการณ์ในรูปนี้เกิดขึ้น ตู้โชว์จะได้ไม่ชนฝ้าเพดานครับ
เซตตู้ทีวีเมื่อจัดวางแล้วจะได้ประมาณนี้นะครับ
ในส่วนของวัสดุ Built-in ห้องครัวนั้น ที่ผมไม่เอาเด็ดขาดคือไม้ๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Laminate หรือ Solid เพราะผมเชื่อว่าวัสดุไม้จะไม่ถูกกับความชื้นครับ ส่วนถ้าจะทำเป็นครัวปูนมันก็จะดูแข็งๆ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ดังนั้นจึงมาลงตัวที่วัสดุที่เป็นไวนิลที่ชื่อ Lyca Board ครับ โดยคนขายเคลมว่ากันน้ำกันปลวก
ก่อนอื่นเลยคือนัดช่างติดตั้งม่านมาติดตั้งมู่ลี่ (เค้าเรียกอย่างนี้รึเปล่านะ) กั้นสายตาสำหรับห้องครัวก่อนครับ
Lyca Board หน้าตาประมาณนี้ครับ อาจจะดูเหมือนจะก๊องแก๊ง แต่จับๆ เคาะๆ มันก็แข็งแรงพอควรเลยครับ
ช่าง Expat เข้าหน้างานมา Built in ครับ ใช้เวลาสามสี่วันได้
โมเสกนี่เลือกจาก homepro ครับ ตอนซื้อผมเผื่อ contingency ไว้ 10% ของพื้นที่ทั้งหมดครับ เหลือดีกว่าขาด
.
รูเหลี่ยมๆ นั่นคือรูสำหรับ Hob และก็ไมโครเวฟนะครับ
เนื่องจากพื้นที่ทำครัวนั้นเล็กมาก อะไรที่ Built ใส่ตู้ได้ผมทำหมดครับ ไม่เว้นแม้กระทั่งที่เสียบมีด
ครัวเสร็จแล้วหน้าตาประมาณนี้ครับ
.
.
ช่องโล่งๆ ตรงนั้นเอาไว้ใส่ตู้เย็นใส่กับข้าวครับ
มาดูในส่วนของโซนทานข้าวกับรับแขกบ้างครับ
ผมให้ช่าง Expat คนเดิมที่ทำครัวนั่นแหละครับ ทิปให้เค้านิดหน่อยให้เค้าช่วยติดภาพหลังโซฟาให้หน่อย
ในส่วนของโซนทานข้าว ไฟซาลาเปามันดูไม่วัยรุ่นเลยครับ เลยต้องจัดแจงเปลี่ยนซะใหม่
ติดพัดลมเพิ่มสักนิด เวลากินข้าวดูทีวีจะได้เย็นๆ
ไฟเพดานเปลี่ยนสองจุดเลยครับ ทั้งโซนทานข้าวและโซนรับแขก โคมไฟพวกนี้ผมซื้อจาก ebay นะครับ ราคารวมค่าส่งแล้วถูกกว่าซื้อที่เจเจพลาซ่าเกือบสองเท่า แถมมีแบบให้เลือกเพียบ
.
เสร็จแล้วหน้าตาประมาณนี้ครับ นาฬิกายักษ์นั่นซื้อจากเจเจพลาซ่าครับ ราคาแอบแรง แต่ส่วนตัวชอบเลยกัดฟันครับ
.
ในเมื่อมันมีพื้นที่เหลืออยู่บ้างหน้าห้อง Powder Room เลยจำใจต้อง Built-in เป็นที่วางพวกอุปกรณ์ Router กับโทรศัพท์บ้าน แต่จะทำแบบทั่วๆ ไปมันจะธรรมดา เลยทำเป็นพื้นที่ใส่เตาผิง (หลอกๆ) ไปด้วยอีกอัน เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นให้พื้นที่โดยรวมของบ้านครับ
พอดีตอนช่างมาทำไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ถ่ายทันแค่ตอนเสร็จแล้ว เตาผิงหลอกซื้อจากจีนครับ จริงๆ บ้านเราก็มีขาย แต่แอบแพง ซื้อเองดีกว่า
ในส่วนของผนังหลังทีวีในโซนรับแขกก็หาอะไรสวยๆ มาแปะๆ ไว้ครับ ผนังโล่งๆ มันดูไม่ค่อยเท่เท่าไหร่
.
มองไกลๆ ก็จะได้ประมาณนี้ครับ
.
ส่วนของบันได สีขาวๆ เรียบๆ ดูธรรมดาไปหน่อย ผมเลย DIY เองครับ ซื้อ Sticker Vinyl ลาย Marrakesh จากจีนมาตัดแปะเองกับเพื่อนสองคน ตัดแปะกันตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนครับ หน้าตาหลังตัดแปะเสร็จแล้วจะประมาณนี้ครับ
.
ต่อไปนี้คือโซนรับแขกและโซนกินข้าวที่ทำเสร็จแล้วครับ
เริ่มจากโซนรับแขกครับ เชิญทัศนา
พี่อัศวินในภาพนี่กำลังตั้งชื่อครับ เอาชื่ออะไรดีนะ?
กรงนกจากจีนครับ ประหยัดตังค์ดี ส่วนตู้เย็น Smeg นี่ … เรียกว่าผมต้องหยอดกระปุกกันข้ามปีครับกว่าจะไปจับจองได้
ทำไมต้องมีตู้เย็นสองตู้? ผมตั้งใจไว้ว่าตู้เย็นในครัวจะเอาไว้ใส่กับข้าวครับ ส่วนตู้เย็นตัวครีมนี้จะเอาไว้ใส่เบียร์กับขนมครับ
.
มาดูในส่วนของโซนทานอาหารกันครับ
.
เนื่องจากผมเป็นคนที่เสพติดกาแฟมาก วันไหนไม่ได้ดื่มมีปวดหัว เครื่องชงกาแฟ และกาต้มน้ำคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ครับ
.
.
.
ตัวผมเองไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวกับการออกแบบ ไม่ได้เป็นอินทีเรียอะไรทั้งสิ้น
ผมอยากจะบอกทุกท่านว่า อย่าไปกลัวว่าแต่งบ้านออกมาแล้วจะไม่สวย ไม่ได้มีมืออาชีพมาออกแบบให้จะไม่สวยรึเปล่า
ถ้าสุดท้ายทำออกมาแล้วคุณชอบและพอใจในผลลัพธ์ที่ออกมา ผมว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
คนอื่นจะคิดอย่างไร อย่าไปสนใจมาก เพราะนี้บ้านเรา เราอยู่เอง ดังนั้นก็ควรที่จะต้องทำให้ถูกใจเราที่สุดใช่มั้ยครับ?
ความสนุกของการทำบ้านผมว่าเริ่มตั้งแต่เปิดคอมฯ หาข้อมูลแล้วครับ แค่ได้ดูรูปสวยๆ ใน pinterest ผมก็เนื้อเต้น อยากลงมือทำแล้ว
สุดท้าย ผมอยากจะฝากไว้ว่า เคล็ดลับในการทำทุกสิ่งให้ดีคือความสนุกครับ เวลาทำอะไรขอให้สนุกกับมันครับ เชื่อมั้ยครับ แค่เราสนุกกับสิ่งที่เราทำจริงๆ ผลมันมักจะออกมาดีครับ ไม่ว่าจะเป็น สนุกกับการทำงาน สนุกกับการเล่น สนุกกับการเดินทาง สนุกกับการดูแลครอบครัว ฯลฯ
ขอแค่มีความสนุกในนั้น ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราจะทำมันออกมาได้น่าพอใจเสมอครับ
สำหรับงบประมาณในการทำทั้งหมดเนี่ย ผมยอมรับเลยว่าผมจำไม่ค่อยจะได้สักเท่าไหร่นะครับ และก็ไม่ได้จดไว้ด้วยเพราะขี้เกียจครับ แต่พอจำได้เลาๆ บ้าง บางชิ้นครับ ถ้าสงสัยเรื่องงบประมาณก็ถามมาได้ครับ จะตอบเท่าที่จำได้ครับ
สำหรับช่าง Built-in และร้านต่างๆ ที่ผมไปหาของมาตกแต่ง หลังไมค์มาได้ครับ จำได้เยอะพอสมควร
ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามารับชมนะครับ หวังว่ากระทู้ผมจะมีประโยชน์ต่อทุกท่านบ้างไม่มากก็น้อยครับ
ที่มา : impromptuwitz .