ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านสไตล์ลอฟท์ ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาพร้อมกับสไตล์โมเดิร์นเสมอไป เพราะจริงๆ แล้ว ความดิบของงานปูนเปลือยขัดมันนั้น สามารถเข้ากันได้ดีกับการตกแต่งหลายสไตล์ หนึ่งในนั้นก็คือแนวไทยประยุกต์ครับ
เช่นเดียวกับคุณบ้านของครอบครัวคุณ ลิงน้อย ณ อัมพวา ที่นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันคราวนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์แบบไทยร่วมสมัย เข้ากับงานปูนเปลือยได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์จากความคิดของเจ้าของบ้านเอง กลายเป็นบ้านสวนที่น่าอยู่สุดๆ ลองตามมาชมกันเลยครับ
สร้างบ้านสวนปูนเปลือย ผสมผสานกลิ่นอายแบบไทยๆ เข้ากับความดิบสไตล์ลอฟท์
(รีวิวโดย ลิงน้อย ณ อัมพวา)
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ Pantip ทุกท่าน ติดตามเวปนี้มานานแสนนานแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ห้องจตุจักร พอดีมีโอกาสสร้างบ้านใหม่จึงขอรีวิวและแชร์ประสบการณ์การสร้างบ้านให้กับทุกท่าน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้นี้ไม่มากก็น้อยนะคะ หากมีข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
เริ่มต้นด้วยสมัยพ่อยังอยู่ได้มีการคุยกับแม่ว่าชีวิตวัยเกษียณอยากจะปลูกบ้านอยู่ในที่ดินทางบ้านฝั่งแม่ ซึ่งจะอยู่ในจังหวัดเดียวกันแต่อีกอำเภอหนึ่งที่ไม่ไกลกันมาก ด้วยเหตุผลที่ต้องการความเงียบสงบกว่าบ้านปัจจุบันที่อยู่ ซึ่งทางลูกๆ ก็เห็นดีด้วย และเรื่องนี้ก็ถูกหยิบมาพูดถึงบ่อยๆ บนโต๊ะอาหารเย็น จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อได้จากไปในที่ไกลแสนไกล เรากับแม่ และน้องชาย จึงได้ยกโปรเจคนี้ขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มลงมือทำ
คำถามแรกที่ถูกกล่าวถึงคือ เราจะสร้างบ้านใหม่ตรงไหนดีล่ะ เหมือนเทวดาจะเป็นใจ คุณตาบอกให้สร้างบ้านอยู่บนที่ดินเดียวกับบ้านของคุณตา เมื่อได้ที่ดินที่จะสร้างแล้ว เรา 3 คนแม่ลูกจึงเริ่มขั้นตอนต่อไปคือ แบบบ้าน แต่ในระหว่างนั้น เราก็ทำการปรับพื้นที่เตรียมไว้สำหรับสร้างบ้าน โดยการตัดต้นไม้ออกและถมที
27/06/2015: เริ่มถมที่ด้วยลูกรัง 36 คันรถ แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับสร้างบ้านขนาด 19×20 เมตร และโรงเก็บของด้านข้างประมาณ 6×9 เมตร
ระหว่างรอดินเซทตัว เราก็หาแบบบ้านโดยเริ่มจากโจทย์ที่แม่ให้มาคือ
1. บ้านชั้นเดียวและยกพื้นสูง 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ หน้าต่างเยอะๆ และหน้าบ้านอยู่ทิศเหนือ
2. ไม่เอาหลังคาเพิงหมาแหงน
3. พื้นบ้านขอเป็นไม้ และ…
4. ใช้ของเก่าที่พ่อกับแม่ซื้อเก็บไว้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ส่วนโจทย์ของลูกทั้ง 2 มีเพียงอย่างเดียวคือขอเป็น ลอฟท์ นะแม่
แม่ : อะไรคือลอฟท์??
ลูก : บ้านที่ไม่ทาสี เป็นปูนเปลือยขัดมันทั้งหลัง แล้วก็สายไฟร้อยใส่ท่อเหล็กแบบในโรงงานอุตสาหกรรมหนะแม่
แม่ : อ๋อ บ้านที่เหมือนสร้างไม่เสร็จสักที ส่วนสายไฟพอนึกออกเคยเห็นตอนสมัยแม่ฝึกงานในโรงงานทอผ้า
ลูก : (สุดยอด แม่เราเข้าใจง่ายที่สุด)
แม่ : แต่ขอให้ความรู้สึกว่าเป็นบ้านสวนด้วยนะ
ลูก : (T_T)
ลูกๆ สตั้นท์ค่ะ แล้วลอฟท์ กับบ้านสวน จะมาผสมกันยังไงหว่า
หลังจากเราสตั้นกับลอฟท์ ที่เป็นบ้านสวนด้วยแล้วนั้น เราจึงเริ่มหาแบบใน Google แต่ก็ไม่ถูกใจเราทั้ง 3 คน จึงตัดสินใจว่าออกแบบเองซะเลย โดยเรารับหน้าที่ออกแบบแปลนบ้านเองแล้วมานำเสนอ ปรับแก้อยู่หลายรอบจนได้แปลนบ้านตามความต้องการของทั้ง 3 คน
เมื่อได้แปลนมา แม่เกิดความมองภาพไม่ออกอีก เราเลยเข้าโปรแกรม Sketchup ทำเป็นภาพ 3D ขึ้นมา ทีแรกเราใช้ไม่เป็นหรอก ก็ได้พี่ที่รู้จักคอยสอนให้จนได้เป็นรูปเป็นร่างออกมา
เมื่อได้แบบบ้านเรียบร้อยแล้ว จึงนำแบบไปให้ช่างตีราคาให้โดยราคาค่าแรงอยู่ที่ 570,000 โดยแบ่งจ่ายเป็นงวด
ส่วนค่าของเราเป็นคนสั่งซื้อและจ่ายเงินเอง ช่างที่สร้างบ้านเรานั้นเป็นคนกันเอง ดังนั้น สัญญาใจล้วนๆ ค่ะ
เนื่องจากเราและน้องชายทำงานใน กทม. และเราเรียนปริญญาโท วันเสาร์-อาทิตย์อีก รูปส่วนใหญ่จะเป็นรูปที่เราถ่ายเองเมื่อมีโอกาสได้กลับมาดู และเป็นรูปที่แม่ถ่ายส่งมาให้ดูบ้าง ขั้นตอนต่างๆ อาจจะก้าวกระโดดไปบ้างนะคะ
23/08/2015: หลังจากรอดินเซทตัวเรียบร้อยแล้ว ทำการปักหมุดสำหรับตอกเสาเข็ม
29/08/2015: เอาฤกษ์เอาชัย ทำพิธียกเสาเอกกันค่ะ แม่กับทีมช่างมาทำพิธี
หลังจากนั้นวาร์ปมาเดือน 02/2017 ค่ะ พื้นที่ยังว่างเปล่า ยังไม่ได้ดำเนินการต่อใดๆ ถั่วเขียวและงาที่โปรยไว้ได้เจริญงอกงามจนเก็บผลผลิตได้ 2 ครั้ง แต่ที่มีเพิ่มขึ้นคือโรงเก็บของด้านขวามือของภาพค่ะ (ที่ทิ้งเวลาให้นานเพราะว่าทีมช่างติดสร้างบ้านคิวก่อนหน้าอยู่ แต่ก็เป็นขอดีของเราที่ดินจะเซทตัวมากขึ้น)
24/03/2016: ฐานรากเสร็จแล้ว
11/05/2016: ในที่สุดเราก็ได้คิวช่างสร้างบ้านของเราแล้ว เสาบ้านเริ่มมาแล้ว
13/05/2016: เริ่มเทพื้นใต้ถุนบ้าน
หลังจากนั้นงานอื่นๆ ในเดือน 05/2016 ก็ตามมา
.
พื้นบ้านบางส่วนจะเป็นปูน ได้แก่ ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และส่วนครัวบน
ตรงนี้เป็นส่วนของชานหน้าบ้าน
24/06/2016: เสาบ้าน คาน และโครงหลังคามาครบแล้ว โครงหลังคาบ้านเราเป็นโครงไม้เต็งทั้งหลัง
26/06/2016: เริ่มปูหลังคา แม่เลือกเป็นกระเบื้องลอนสีส้มอิฐ
ระหว่างนั้นเราก็ขนย้ายบานหน้าต่างไม้สัก กับประตูไม้สักเก่าที่พ่อเคยซื้อเก็บไว้ไปชุบตัวใหม่ที่โรงไม้ เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อซื้อบานหน้าต่างไว้เยอะขนาดนี้ ซึ่งเป็นหน้าต่างและประตูจากอาคารเรียนไม้เก่าที่เค้ารื้อและเตรียมสร้างใหม่เป็นอาคารปูน
บานหน้าต่างที่ยังมีกลอนและบานพับอยู่ครบ
บานประตูที่เค้าเอาไม้หน้าสามมาตอกไว้เพื่อใช้สำหรับทำเวทีการแสดงของนักเรียน
18/07/2016: ปูหลังคาเสร็จแล้ว ผนังบ้านก็มา โดยบ้านเราใช้อิฐบล็อกผสมกับอิฐมอญ
เรามาทัวร์ด้านในกันค่ะ
08/2016: เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการฉาบขัดมันค่ะ ขัดมันทั้งภายนอกและภายใน แอบสงสารช่างเหมือนกันนะคะ ขัดมันทั้งหลัง คาดว่าขัดเสร็จ ไม่กล้ามเนื้ออักเสบก็กล้ามแขนขึ้นแน่ๆเลยค่ะ
09/2016: เดือนนี้คืบหน้าไปมาก มีทั้งติดบานหน้าต่างและทาสีย้อมไม้หน้าต่าง ทำห้องครัวบนและครัวไทย ทำห้องน้ำ ปูกระเบื้อง ไปชมภาพกันเลยค่ะ
ภาพมุมกว้างของบ้านหลังติดและทาสีหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว
ปูกระเบื้องครัวบน ซึ่งเป็นกระเบื้องที่เหลือจากการปูพื้นที่บ้านหลังเก่า แม่เก็บไว้ดีมากๆ และโชคดีมากที่มีเพียงพอสำหรับปูพื้นครัวบนนี้
ส่วนนี้เป็นครัวไทย จากแบบครั้งแรกที่มีขนาด 2×5 เมตร แต่แม่ขอกว้างกว่านี้เลยจัดให้เป็น 4×5 เมตรไปเลย ครัวที่ออกแบบให้แม่เป็นรูปตัว I โดยมี Reference จากใน Google นี่แหละ ส่วนอ่างล้างจานได้แรงบรรดาลใจมาจากอ่างล้างจานในโรงครัวของวัด 555+ ส่วนช่องว่างๆ ด้านบนนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องคอยชมต่อไปค่ะ ^^
อีกมุมของห้องครัวไทย ประตูนี้ได้มาจากบ้านเก่าของย่า ซึ่งพ่อก็เก็บไว้อีกเช่นกัน จับมาแต่งตัวนิดๆ หน่อยๆ สวยเลย ซึ่งเพื่อนๆของเรา ตั้งชื่อให้ว่า ประตูทวิภพ
อีกภาพหนึ่งเป็นมุมที่มองจากครัวขึ้นไปบนบ้าน บันไดยังไม่มามีแต่เสา
ปูกระเบื้องห้องนอนน้องชายเสร็จ น้องเลือกกระเบื้องลายไม้และผิวสัมผัสให้เหมือนไม้ได้มาจากบุญถาวร ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่ากระเบื้องโก่งทั้ง Lot ที่ซื้อมาเลย ซึ่งก็คงเป็นความผิดของเราเองที่ไม่เช็คคุณภาพของตอนซื้อ และช่างก็ไม่เคยปูกระเบื้องลักษณะนี้มาก่อน ลุงช่างนึกว่าเป็นรูปแบบของกระเบื้อง เมื่อมาตรวจงานก็พบว่าแย่แล้วจะเอาของไปเปลี่ยนก็ไม่ได้ ทำอย่างไรดี แต่เจ้าของห้องนี้เค้าบอกว่าไม่เป็นไรคิดซะว่าเราเดินอยู่บนบ้านไม้เก่า ซึ่งเราลองไปดู เฮ้ยมันให้ความรู้นั้นจริงๆ อย่างน้อยในความโชคร้ายก็มีความโชคดีอยู่นะ
10/2016: เดือนนี้งานใหญ่ๆ จะทำในส่วนของชานหน้าบ้านและปูพื้นบ้าน ในที่สุดบ้านก็มีพื้นสักทีไม่ต้องเดินตรวจบ้านแบบกลัวตกอีกต่อไปแล้ว
ชานบ้านอยากให้สว่างไม่ทึบ จึงเลือกเป็นหลังคาใสโพลีคาร์บอเนต และทำที่นั่งหน้าบ้านทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งมีความสูงไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นไอเดียของน้องชายที่อยากจะมีมุมจิบกาแฟ ที่ให้ความรู้สึกที่ต่างกันไปเมื่ออยู่คนละด้านของชานบ้าน
ชานบ้านปูด้วยกระเบื้องดินเผา ที่เรา 3 คนขับรถไปซื้อด้วยตนเองที่ด่านเกวียน ถือซะว่าขับรถเที่ยวไปในตัว
ช่างเริ่มปูพื้นบ้านแล้ว แม่เลือกเป็นไม้แดงแบบที่เป็นไม้พื้นรางลิ้น
ปูพื้นเสร็จแล้ว ประตูก็มา
ในที่สุดบ้านก็มีประตูแล้ว บันไดครัวไทยมาแล้วจ้า กระเบื้องที่เห็นนั้นเป็นไอเดียของช่าง ซึ่งทำออกมาได้ถูกใจเรา 3 คนมาก
บันไดครัวไทยมาแล้วจ้า กระเบื้องที่เห็นนั้นเป็นไอเดียของช่าง ซึ่งทำออกมาได้ถูกใจเรา 3 คนมาก
12/2016: เดือนนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของงานตกแต่งในหลายๆ จุดของบ้าน และการทำระบบไฟ
ห้องนอนของแม่ เป็นเพียงห้องเดียวของบ้านที่ผนังไม่มีการฉาบขัดมันใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นความต้องการของแม่ และแม่อยากได้ผนังห้องเป็นไม้อัด OSB คนเป็นลูกก็จัดให้อย่างเต็มที่ สีที่ทาจะเป็นสีเขียวมิ้นตามความชอบของแม่ (ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ โดยเฉพาะผู้สนับสนุนหลักของเรา อิอิ)
ห้องน้ำเสร็จแล้ว เราออกแบบให้แยกกันระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้งอย่างชัดเจน ขนาดของห้องน้ำมีความกว้างพอสำหรับรถเข็นที่อาจจะต้องใช้ในอนาคต
สำหรับห้องอเนกประสงค์ เราได้ใช้ปีกไม้มากรุผนัง ตรงนี้เราออกแบบไว้สำหรับวางตู้โชว์และตั้งทีวี
(ปีกไม้นี้ย้ายมาจากบ้านเก่า เป็นหนึ่งในของสะสมของพ่ออีกเช่นกัน)
ในขณะที่ช่างเก็บรายละเอียดของงาน ระบบไฟฟ้าภายในบ้านก็เริ่มเข้ามา ซึ่งเราโชคดีมากที่เราได้เพื่อนสมัยเรียนประถมมาช่วยเดินระบบไฟฟ้าให้ โดยเราออกแบบระบบไฟที่เราต้องการไปให้เพื่อน ปรึกษาและปรับแก้ไขนิดหน่อย เพื่อนก็เข้ามาหน้างานลงมือทำ
เนื่องจากบ้านเรามีฝ้า ดังนั้นเราจะใช้ท่อเหล็กแค่ส่วนที่พ้นออกมาจากฝ้า และใช้ท่อ PVC ในส่วนที่อยู่เหนือฝ้า
เราใช้กระดาษ post it ในการบอกตำแหน่งของปลั๊ก และสวิตไฟ เพราะเราทำงานอยู่กทม. จึงไม่สามารถมาดูหน้างานได้ทุกวัน ซึ่งมันก็เป็นวิธีที่ใช้ได้ดีเลยทีเดียว (ถ้ากระดาษไม่ปลิวหลุดนะ 55+)
01/2017: เวลาก็ล่วงเลยขึ้นปีใหม่ เดือนนี้เป็นเหมือนกับเดือนตกแต่งภายในมีทั้ง เหล็กดัด กระจกหน้าต่าง ฝ้า มุ้งลวด และงานติดตั้งโคมไฟ
ในส่วนของงานเหล็กดัด เราอยากได้แบบเหล็กดัดโบราณ แต่ไม่ผ่านการอนุมัติจากแม่ เพราะแม่มีความทรงจำในวัยเด็กที่ถูกคุณยายให้เช็ดลูกกรงเป็นประจำ เราเลยเสนอว่าอยากได้เหล็กดัดลายดอกพิกุลเพื่อที่จะให้บ้านดูอ่อนลง แต่น้องชายไม่อยากได้ และเสนอว่าเฉพาะห้องของเขาขอแบบที่ไม่มีลายดอกพิกุลแล้วกัน เราจึงออกแบบเหล็กดัดเองซะเลย
บ้านเรามีหน้าต่าง 2 ขนาด จึงต้องออกแบบให้ต่างกันตามขนาดของหน้าต่าง
.
พอได้แบบเหล็กดัดที่ต้องการแล้ว จึงส่งแบบให้กับร้านเหล็กดัดทำขั้นตอนต่อไป จากนั้นงานฝ้าและกระจกหน้าต่างก็เริ่มเข้ามาทำงาน โดยเราเลือกเป็นแบบฝ้าเรียบและให้ดรอปลงมาน้อยที่สุดเพื่อให้บ้านโปร่งสบาย ตอนนี้บ้านจึงมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าประมาณ 2.90 เมตร ส่วนกระจกเราเลือกเป็นกระจกโบราณลายดอกพิกุล เลือกสี 3 สีที่สดใส แต่ตอนช่างมาติด เราไม่ได้อยู่คุมงาน การติดกระจกจึงเป็นไปตามที่ใจช่าง
ระหว่างเราเดินตรวจงานฝ้าซึ่งเป็นเวลาบ่าย แสงแดดสาดส่องผ่านกระจกสีทำให้เกิดแสงตกกระทบกับผนังปูนขัดมัน มันก็สวยไปอีกแบบนะ
เหมือนงานฝ้าจะเสร็จทั้งบ้านแต่ก็ไม่เสร็จค่ะ น้องชายเราบอกว่าไหนๆ ก็ลอฟท์แล้วขอไปให้สุด เรากับแม่ก็จัดให้ น้องบอกว่าขอฝ้าเป็นตะแกรงเหล็กฉีก
แม่: ตะแกรงเหล็กฉีกคืออะไร
น้อง: (น้องก็อธิบายให้แม่ฟังเป็นวิชาการเชียว)
แม่: (ทำหน้างงๆ)
น้อง: เหมือนโครงเหล็กที่เอาไว้แขวนโคมไฟโชว์ในโฮมโปรไงแม่ หรือไม่ก็ตามร้านกาแฟ (พูดพร้อมเปิด Google ให้แม่ดู)
แม่: ถ้าอยากได้ก็ลองทำดู
จากนั้นน้องก็ไปหาแบบที่อยากได้แล้วส่งมาให้เราช่วยออกแบบให้อีกทีเพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง
เราออกแบบไว้ 4 แบบแต่ให้น้องเลือก สุดท้ายน้องเลือกแบบที่ 4 ที่นี้ปัญหาต่อมาคือ ช่างต่างจังหวัดจะทำได้ไหม เราเลยลองเอาแบบฝ้าที่เลือกและความต้องการของเราไปคุยกับช่างทำฝ้า ช่างได้ยินครั้งแรก็อึ้งๆไปเหมือนกันและไม่เคยทำ แต่สุดท้ายช่างก็ตกลงรับทำ โดยจะไปทำส่วนประกอบที่ร้านแล้วนำมาประกอบและติดตั้งที่หน้างานในระหว่างนี้เราก็ติดต่อกับช่างผ่านทางไลน์อยู่ตลอดเวลา
เมื่อถึงวันประกอบติดตั้ง เห็นครั้งแรกแล้วแบบ โอ้โหหหห ใหญ่โตแท้
และแล้วเราก็พบปัญหา….เหล็กกล่องที่ทำมามีขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะ ซึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างเรากับช่าง แต่ถ้าจะกลับไปทำใหม่มันก็เสียเงินเพิ่มและเสียเวลาไปอีกเราจึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันต่อไป…
เนื่องจากฝ้าเหล็กมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมากและถ้าให้แขวนแบบฝ้าเรียบปกติคงจะไม่ได้ ช่างจึงใช้วิธีนำราวเหล็กมาพาดกับคานเพื่อช่วยถ่ายน้ำหนักอีกแรง และแขวนฝ้าทั้งหมดด้วยสลิง
.
นี่คือทีมช่างทั้งหมดที่มาติดฝ้าในวันนี้
และนี่คือฝ้าเหล็กฉีกที่ติดเสร็จแล้ว เจ้าของห้องปลื้มมากทีเดียว
จากภาพจะเห็นว่าเราแก้ปัญหาของกล่องเหล็กที่มีขนาดหนาเกินไปด้วยการวางสลับขึ้นลงเพื่อสร้างมิติ (คิดไปเอง 55+)
หลายๆ ท่านที่เข้ามาอ่านถึงตรงนี้คงเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วไม่ร้อนเหรอ ฝุ่นจะเกาะไหม ทำความสะอาดยังไง แล้วถ้ามีเพื่อนที่ไม่ได้รับเชิญ เช่น จิ้งจก หนู งู ล่ะจะทำอย่างไร คำถามเหล่านี้ เรากับแม่ได้ถามน้องมาหมดแล้วค่ะ 555+ แต่น้องยืนยันความต้องการของตัวเอง เราก็ต้องตามใจผู้อยู่ค่ะ
แต่ที่เราพิสูจน์ได้หลังจากติดตั้งไปแล้วคือ 1.ห้องนี้ไม่ร้อนอย่างที่คิด และ 2.บ้านอยู่ในสวนห่างไกลถนนพอควรปริมาณฝุ่นที่เกาะจึงไม่เกิดขึ้นเร็วค่ะ
งานฝ้าเสร็จหมดแล้ว มุ้งลวดก็ตามมา เราเลือกสีมุ้งลวดเป็นสีชาเพื่อให้เข้ากับวงกบมากที่สุด และในขณะเดียวกัน ช่างไฟฟ้าก็เข้ามาติดตั้งโคมไฟตามจุดต่างๆ
.
โคมไฟของบ้านหลังนี้มีทั้งที่ซื้อและทำเองซึ่งเราก็ได้ไอเดียมาจากของที่อยู่ในบ้านเก่า
โคมไฟผนังนี้ได้จากโฮมโปร และโคมไฟแขวนได้จากงานบ้านและสวน
นอกจากโคมไฟต่างๆ แล้ว เราติดดาวไลท์ในห้องนอนของแม่และของเรา รวมถึงโถงทางเดินของบ้าน
โคมไฟนี้อยู่ในครัว เราทำเองกับแม่ เพื่อนๆ พอจะมองออกไหมคะว่ามันทำมาจากอะไร เฉลยเลยแล้วกัน มันทำมาจากกาละมังที่ใช้ล้างผักเวลาทำครัวนี่แหละค่ะ ไอเดียนี้เป็นของแม่ล้วนๆ เลย
เรากำลังคิดว่าโคมไฟหน้าบ้านจะใช้โคมแบบไหนดี แล้วแม่นี่แหละเป็นผู้ให้คำตอบ แม่ใช้กาละมังที่มีขนาดใหญ่กว่าในครัวเจาะรู ต่อขั้วหลอดไฟเอง แล้วให้ช่างไฟช่วยติดให้เหมือนเดิม
โคมไฟห้องเราเองค่ะ นอกจากติดดาวไลท์แล้ว เราขอแม่ติดโคมไฟกลางห้อง ซึ่งโคมไฟนี้ทำมาจากไหมพรม แล้วให้แม่ช่วยต่อขั้วใส่หลอดไฟให้ (เราต่อไฟไม่เป็น แหะๆ)
โคมไฟห้องน้องค่ะ ได้มาจากงานบ้านและสวน ห้องนี้คงเป็นห้องที่สไตล์ลอฟท์มากที่สุดของบ้านแล้ว
ส่วนห้องอเนกประสงค์ เราอยากได้ไฟที่แตกต่างไปจากห้องอื่นๆ มีอยู่วันหนึ่งก็เล่น Facebook ตามปกติแล้วมีเพื่อนแชร์ไอเดียโคมไฟที่ทำจากท่อนไม้ เราก็ปิ๊งไอเดียทันที
แต่พอทำออกมาได้แบบนี้แทนค่ะ
คนละเรื่องกันเลยใช่ไหมคะ 555+ เราไปเดินสำรวจหมอนรถไฟแล้วเราก็พบว่ามันแพง ถ้าจะทำเทียมแม่ก็ไม่ให้งบ หันไปหันมา ไปเจอท่อนไม้นี้กองอยู่เฉยๆ แบบรอวันย่อยสลาย เราเห็นแล้ว นี่แหละโคมไฟของฉัน
เราไปชมโคมไฟนอกบ้านกันบ้างค่ะ
นี่เป็นส่วนหนึ่งของโคมไฟตะเกียงหน้าบ้าน มีทั้งหมด 4 อัน เรากับแม่ดัดแปลงมาจากตะเกียงโบราณที่พ่อได้ซื้อสะสมไว้ เอามาพ้นสีดำและสีทอง เอาโป๊ะแก้วออกและต่อขั้วหลอดไฟใส่เข้าไป ส่วนแป้นก็ใช้กิ่งไม้สักที่หล่นอยู่ในสวนมาลอกเปลือก ขัดด้วยกระดาษทรายแล้วทาสีเคลือบ
โคมไฟรอบบ้าน ตรงจุดนี้คือหน้าบ้านตั้งใจให้เป็นไฟรอบบ้านและเป็นไฟส่องเลขที่บ้านไปในตัว
ภาพโคมไฟซูมใกล้ๆ จะเห็นว่ามันหาซื้อไม่ได้จากที่ไหน เพราะมันคือโคมไฟตั้งโต๊ะสมัยพ่อยังเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครู เอาไว้ใช้อ่านหนังสือ เรากับแม่ไม่อยากทิ้งและถ้าตั้งไว้มันก็เฉยๆ จับมาเป็นโคมไฟแบบนี้ก็เท่ไปอีกแบบ
อีกฝั่งของทางหน้าบ้าน ก็เป็นโคมไฟของพ่ออีกเช่นกัน
ส่วนนี้เป็นโคมไฟข้างบ้าน ทำจากกระป๋องนมตราหมีสมัยเรายังเป็นเด็กน้อย ปัจจุบันเห็นตามร้านขายของเก่าแถวบ้านตกใบละ 180 บาท โห!! รีบกลับไปนับที่บ้านเลยว่าตัวเองมีกี่ใบ 555+ เหมือนเดิมค่ะ จับมาเจาะรู ต่อขั้วหลอดไฟ (โดยแม่อีกเช่นเดิม) กิ่งไม้สักหาได้ในสวน ขัด ทาสี และให้ช่างช่วยติดให้
ตรงนี้เป็นส่วนหลังบ้านตรงครัวค่ะ โคมไฟตรงนี้สนองความต้องการของตัวเองล้วนๆ ค่ะ 555 ตะเกียงเจ้าพายุนี้พ่อกับแม่หวงมากๆ ขอแม่ตั้งหลายรอบกว่าแม่จะยก (อันที่แย่ที่สุด) ให้มาทำ
ซูมดูใกล้ๆ ตะเกียงได้มาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แค่พ่นสีใหม่ที่จานเพียงอย่างเดียว
พื้นที่หลังบ้านเราเลือกติดสปอร์ตไลท์ เพราะหลังบ้านเป็นสวนที่ต้นไม้เยอะ เราจึงต้องการแสงในมุมกว้างและในอนาคตอาจจะทำเป็นที่ใช้สำหรับปาร์ตี้เมื่อเพื่อนมาได้
05/2017: ช่วงเดือนนี้เป็นคิวของงานตกแต่งและแก้ไขเพิ่มเติมทั้งสิ้น ซึ่งแม่เราก็ได้กำหนดวันขึ้นบ้านใหม่เรียบร้อยแล้ว
ต่อมาเหล็กดัดก็มาติดเรียบร้อย พร้อมกับผนังห้องของเราที่กรุไม้เสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เราชอบมากๆ ไม่คิดว่ากิ่งไม้สักที่วางอยู่ในสวนเฉยๆ จะมีลายไม้ที่สวยขนาดนี้
ประตูครัวก็ตามมา ประตูนี้ได้ไอเดียมาจากต่างประเทศเช่นกัน โดยเราสั่งทำกับร้านแถวบ้าน ขนาด 90×100 cm และเป็นไม้สัก เมื่อได้บานประตูมาแล้วก็ยกไปให้ร้านทำเหล็กดัด ช่วยใส่กรอบเหล็กและทำรางเลื่อนเหล็กแบบโบราณให้ ซึ่งทางร้านเกือบจะไม่รับทำแล้วแต่ด้วยความที่เฮียเจ้าของร้านคุ้นเคยกับแม่เป็นอย่างดี เฮียจึงยอมทำให้
.
มาต่อกันที่ครัวค่ะ หลังจากช่างไปทำบ้านอื่นมาหลายเดือน ช่างก็มาติดลูกกรงครัวให้ค่ะซึ่งใช้กิ่งไม้สักมาทำ
รูปจากด้านใน (ยังไม่ได้ทาน้ำยาย้อมไม้นะคะ)
แล้วเราก็คุยกับน้องว่าเราไม่ถูกใจเคาเตอร์ในห้องน้ำที่ทำออกมาเลย เลยตัดสินใจว่าเปลี่ยนเถอะ เราจึงบอกช่างให้แก้ไขเพิ่มเติม
และเหมือนบ้านที่จะเสร็จแล้ว…ไม่ค่ะ มันยังไม่จบค่ะ ส่วนของบันไดที่จะลงไปยังครัวไทยที่ทำไว้คือไม่มีราวบันได แม่มีความกลัวว่าตื่นเช้าลงมาทำครัวแบบง่วงๆ แล้วกลัวตกบันได จึงให้ช่างทำราวบันไดเพิ่มโดยใช้กิ่งไม้สักอีกเช่นเดิม
ทำออกมาสวยถูกใจแม่ยิ่งนัก ส่วนลูกๆ บอกได้คำเดียวว่า เท่สุดๆ ส่วนไม้พื้นบันไดได้มีการให้ช่างขัดพื้นไม้บนบ้าน มาช่วยขัดและทาสีย้อมไม้ใหม่ สวยถูกใจแม่เค้าล่ะ (ลืมบอกไปว่า ไม้พื้นบันไดทำจากไม้สะเดา ที่แม่เคยตัดเก็บไว้เป็น 10 ปี เพิ่งมีโอกาสได้นำมาใช้ก็งานนี้แหละ)
06-08/2017: ช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่ตัวบ้านเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่งานรอบบ้านและงานจัดสวน โดยที่เรา น้องชาย และแม่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่อย่างถาวร ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงเคลียร์สิ่งของที่เหลือจากการก่อสร้าง และเตรียมงานขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งแม่ได้กำหนดไว้เป็นวันที่ 13/08/2017 ซึ่งเป็นฤกษ์สะดวกและตรงกับวันครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่
คืนก่อนวันงานขึ้นบ้านใหม่ 1 วัน ป้ายเลขที่บ้านก็เสร็จสมบูรณ์และนำมาติดไว้ในจุดที่เหมาะสมที่สุด ภาพนี้ถ่ายตอนหลังติดป้ายเสร็จ ขออภัยที่มีเต้นมาบังนะคะ
ขออธิบายเพิ่มเติมว่า ป้ายเลขที่บ้านนี้ได้ไอเดียมาจากเวปต่างประเทศเช่นกัน และก็ต้องขอขอบคุณวิธีทำจากกระทู้จาก Pantip นี้ค่ะ (https://pantip.com/topic/34498020)
13/08/2017: วันทำบุญขึ้นบ้านใหม่
ประธานของงานวันนี้ คุณตาผู้ใจดีและเป็นที่เคารพรักของลูกหลาน
.
.
ณ ตอนนี้บ้านก็ยังคงตกแต่งไปเรื่อยๆ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์จากบ้านเดิมซึ่ง 90% เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งหมด หากเพื่อนๆ สนใจและต้องการจะรับชม สามารถแจ้งในช่องความคิดเห็นได้เลยนะคะ หากตกแต่งได้เป็นที่พอใจแล้วจะนำมาให้ชมกันอีกค่ะ
สุดท้ายนี้ เรารู้สึกดีใจมากที่บ้านหลังนี้สร้างสำเร็จลงได้ บ้านมีความสวยงามตามต้องการเกือบทุกอย่าง ซึ่งมันก็คงจะเรียกว่า ลอฟท์บ้านสวนได้ละมั้ง (งานมโน 555+) แต่การสร้างบ้านหลังนี้ทำให้เราได้รับบทเรียนชีวิตต่างๆ มากมาย การทำงานไปด้วย เรียนปริญญาโทด้วย และยังสร้างบ้านไปด้วยนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยสำหรับการบริหารจัดการชีวิต แต่มันก็ทำให้เราได้โตขึ้นเป็นอย่างมากในเรื่องของการคิด การตัดสินใจ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และที่สำคัญทำให้เรา 3 คนแม่ลูกได้พบหน้ากันบ่อยขึ้น (เพราะต้องกลับมาดูบ้านทุกสัปดาห์) และสำคัญสุดๆ บ้านนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ได้โดยไม่ได้เป็นหนี้แม้แต่บาทเดียว ขอบคุณนะคะพ่อ…
ปล.1 จำนวนเงินที่ใช้ในการสร้างบ้านครั้งนี้อยู่ที่ 2,239,000 บาท (โดยใช้วิธีปัดเศษขึ้น) แบ่งเป็น
1. เตรียมพื้นที่ (ถมที่ + โรงเก็บของ) 174,000 บาท
2. ก่อสร้าง (ค่าของ + ค่าแรง) 1,634,000 บาท
3. ตกแต่งภายใน 300,000 บาท
4. จิปาถะ 21,000 บาท
5. ระบบไฟ 110,000 บาท
รวม 2,239,000 บาท
ปล.2 สำหรับงานสวน เราตกลงกันว่าจะช่วยกันทำ อาศัยวันเสาร์-อาทิตย์นี่แหละค่ะค่อยๆ ทำไป ถ้าเราจัดเสร็จเมื่อไหร่จะนำมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันอีกนะคะ
.
สำหรับโอกาสนี้ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมการรีวิวของเรานะคะ สวัสดีค่ะ
ที่มา : ลิงน้อย ณ อัมพวา