อาจจะเป็นที่เข้าใจกันว่า บ้านของชาวสยามหรือคนไทยสมัยก่อนนั้น มีลักษณะเป็นบ้านไม้เรือนไทยที่มีจั่วสวยงาม
แต่ในความเป็นจริงแล้ว บ้านเรือนไทย นั้น ไม่ได้เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไปของคนสมัยก่อน แต่ผู้เป็นเจ้าของได้นั้นมีเพียงพวกเจ้าขุนมูลนายเท่านั้น และสำหรับไพร่สามัญชนหรือชาวบ้านทั่วไป หากสร้างเรือนไทยอยู่อาศัยเอง อาจต้องโทษหัวขาดได้เลยทีเดียว!
อันที่จริงแล้วคนไทยชาวสยามนั้นจะแบ่งเรือนออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน มีชื่อเรียกว่า เรือนเครื่องผูก และ เรือนเครื่องสับ โดยเรือนเครื่องผูกจะเป็นบ้านกะต๊อบไม้ไผ่สำหรับชาวบ้าน ไพร่ หรือสามัญชนทั่วไป ส่วนเรือนเครื่องสับนั้นจะเป็นของเจ้าขุนมูลนาย หรือก็คือสิ่งที่เรียกกันทุกวันนี้ว่า เรือนไทย นั่นเอง
ลองมาดูลักษณะที่แตกต่างกันระหว่าง เรือนเครื่องผูก กับ เรือนเครื่องสับ กันครับ
เรือนเครื่องผูก
เรือนเครื่องผูก คือเรือนที่สร้างด้วยไม้ไผ่ล้วนๆ และโครงร่างใช้หวายหรือตอกผูกมัดกันทั้งสิ้น
หลังคามุงด้วยใบ้ไม้ประเภทกรอง (หญ้า) คา หรือมุงใบจาก ใบกระท่อม และใบไม้อื่น ๆ เรียกง่าย ๆ เข้าใจกันง่ายๆ ว่า กระท่อม หรือกระต๊อบ
เรือนเครื่องผูกคงมีมาก่อนเรือนเครื่องสับ เรื่องนี้ “เสฐียรโกเศศ” อธิบายไว้ในหนังสือเรื่อง “ปลูกเรือน” ว่า เพราะในภาษาไทยมีคำพูดติดปากอยู่คำหนึ่ง คือคำว่า “ตกฟาก” หมายถึงเวลาเด็กคลอดออกจากครรภ์มารดาลงมาสู่พ้นเรือนซึ่งเป็นฟากไม้ไผ่
ฟาก เป็นชื่อเรียกไม้ไผ่ผ่าสอง แล้วทุบให้แตกผ่าราบ ใช้ปูเป็นพื้นเรือนเครื่องผูกมาแต่ยุคแรกเริ่มดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ ฉะนั้นจึงมีคำว่า “ตกฟาก” เหลืออยู่ในภาษาปาก
นอกจากนั้นทรงหลังคาเรือนฝากระดานสมัยก่อนจะงอนอ่อนช้อย สะบัดขึ้นน้อยๆ แสดงว่าสร้างเลียนแบบเรือนเครื่องผูกที่ใช้ลำไม้ไผ่ ทั้งลำเป็นโครงหลังคา สันหลังคาจึงแอ่นและงอนอ่อนช้อย จึงเป็นร่องรอยว่าเรือนเครื่องผูกมีมาก่อนเรือนเครื่องสับ
เรือนเครื่องสับ
เรือนเครื่องสับ คือเรือนที่สร้างด้วยไม้จริง แม้จะมีไม้ไผ่เป็นเครื่องประกอบบ้าง ก็ยังคงเรียกเรือนเครื่องสับ
การประกอบเรือนแบบนี้ต้องใช้มีดขวานสับบากเข้าปาก เข้าเดือย เจาะตรึงหมุดตัวไม้ ไม่มีตะปู
เรือนเครื่องสับยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ตามวัตถุที่ใช้เป็นเครื่องกั้นฝา เช่น เรือนกั้นด้วยไม้ไผ่ผ่าเป็นซี่แล้วสานขัดกันเรียกเรือนฝาขัดแตะ หรือเรือนมีฝา
ถ้ากรุด้วยกระแชงอ่อนเรียกเรือนฝากระแชงอ่อน เรือนที่ปลูกสร้างด้วยไม้จริงล้วนๆ ใช้ไม้กระดานเป็นฝาเรียก เรือนฝากระดาน ซึ่งนับเป็นเรือนชั้นดีที่สุด
จะเห็นได้ว่าเรือนเครื่องสับหรือ บ้านเรือนไทย นั่น เป็นสิ่งปลูกสร้างที่แข็งแรงและมั่นคงกว่าเรือนเครื่องผูกของไพร่ทั่วไป ซึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางสังคมที่แตกต่างระหว่างพวกเจ้าขุนมูลนายและไพร่สามัญชนอย่างชัดเจน และหากไพร่สามัญชนทั่วไปแอบสร้างเรือนเครื่องสับอยู่เอง ก็อาจจะถูกต้องโทษหนัก สูงสุดคือประหารชีวิตเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าสมัยก่อนจะมีการแบ่งแยกประเภทที่อยู่ของเจ้านายกับไพร่อย่างชัดเจน แต่สมัยนี้ก็นับว่าโชคดีขึ้น เพราะไม่มีข้อบังคับเช่นนั้นอีกแล้ว นับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับบ้านเรือนของคนไทยครับ