ยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เทรนด์การตกแต่งบ้านที่พัฒนาก็มีอันเกิดและดับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน บางครั้งคอนโดที่สร้างเมื่อ 10 กว่าปีก่อน มาวันนี้ก็กลายเป็นคอนโดที่เชยล้าสมัยไปเสียแล้ว คงถึงคราวที่หลายคนจะลุกขึ้นมาปรับปรุงรีโนเวท เปลี่ยนให้ที่อยู่อาศัยของเราดูทันตามยุคตามสมัยกับเค้าบ้าง
เหมือนกับการปรับปรุงคอนโดของคุณ Toom-bs ที่ ในบ้าน นำมาให้ชมกันในวันนี้ เป็นการเปลี่ยนคอนโดขนาด 100 ตารางเมตร อายุ 15 ปี สภาพเดิมๆ สไตล์บ้านๆ ให้กลายเป็นคอนโดที่ทันสมัย มีความโมเดิร์นอยู่ในตัว เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ต้องลองมาชมกันครับ
ตำนานปรับปรุงคอนโด
(โดย Toom-bs)
คอนโดขนาด 100 ตรม. อายุ 15 ปี
เริ่มอึดอัดมีปัญหาเรื่องน้ำซึมจากห้องน้ำมาที่ผนังห้องนอน สุขภัณฑ์ชำรุดหาอะไหล่ไม่ได้ และที่เก็บของไม่พอ แต่เนื่องสภาพตึกมีการบำรุงรักษาดี ลำเทดี นิติทำงานดี เพื่อนบ้านไม่น่ารำคาญ (มากนัก) เนื่องจากจำนวนห้องน้อย เราจึงตัดสินใจแต่งห้องใหม่ โดยกะว่า 3 เดือนคงเสร็จ ในระหว่างนี้เราไปเช่าห้องอื่นอยู่ในตึกเดียวกัน เอาเข้าจริงกลายเป็น 6 เดือน ย้ายห้อง 2 หน เพราะทำนานเกินกว่าที่คาดไว้ และเกินงบไปตามระเบียบ เป็นช่วง 6 เดือนที่เครียดมาก และมีบทเรียนมากมาย ที่จริงเราแต่งเสร็จนานแล้ว แต่รอภาพก่อนแต่งที่ ผรม ถ่ายไว้ พอได้ภาพมาดู….. โอ้โห อายเลยนะ… ห้องเรารกมากจริงๆ
มาดูสภาพเดิมก่อนนะคะ
ห้องนั่งเล่น +ครัว รกไปหน่อยนะคะ เพราะ ผรม มาถ่ายรูปมาตอนที่กำลังเก็บของเตรียมย้ายออก จะเห็นว่า ด้านนึงมีตู้หนังสือหลายใบ คือห้องสภาพอากาศเหมาะสมค่ะ มันเลยงอกเพิ่มขึ้นมาทีละใบๆ พร้อมออกลูกเป็นหนังสือเยอะมากมาย โต๊ะทานข้าวเลยถูกเบียดออกมา อีกด้านนึงเป็นบิวท์อินวางทีวีเครื่องเสียง ของสะสมและ…..หนังสือ ถัดไปใกล้ประตูคือโต๊ะทำงานของพ่อบ้าน ที่รกมากมีหนังสืองอกจากพื้นรอบๆด้วย
ความจริงมันเป็นเรื่องปกติที่ของมันงอกออกมาเรื่อยๆ เพราะเรามักจะซื้อเข้าๆ แต่ไม่มีระบายออก
หากไม่ค่อยจัดบ้านจัดระเบียบบ่อยๆ ก็คงล้นห้องแบบนี้ ขนาดโซฟาเรายังมีหนังสือกองไว้เลย แล้วคนมานั้งที่พื้นแทน
มองจากระเบียงขนของออกไปหมดแล้วค่อยโล่งหน่อย เราคัดหนังสือแยกไว้เป็นพวกๆ พวกแรกยังไม่ได้อ่านหรือเป็นหนังสือมีค่าหรือตำราอันนี้เก็บไว้ พวกที่ 2 อ่านแล้วคงไม่อ่านอีกแต่เป็นหนังสือดีสภาพดี อันนี้เอาไปบริจาคห้องสมุดแถวๆฝั่งธน พวกที่ 3 สภาพไม่ดีหรือเป็นหนังสือไม่มีสาระทิ้งเลยค่ะ วางไว้หน้าห้องเดี๋ยวมีคนมาเก็บไปเอง พวกที่ 4 หนังสือขยะที่อาจจะเป็นอันตรายต่อเยาวชน เช่นการ์ตูนที่ไม่ดี หนังสือมอมเมาต่งๆ พวกหลังนี่ฉีกทิ้งค่ะ ส่วนของใช้อื่นก็แยกแยะแบบเดียวกันคือเก็บ บริจาค หรือทิ้ง วิธีนี้ทำให้เรากำจัดของออกไปจากบ้านได้มากมาย ที่เหลือก็เก็บลงกล่อง เพื่อย้ายไปอยู่ที่ห้องอื่นชั่วคราว
ถัดจากบิวท์อินคือตู้เย็นขนาดยักษ์ยี่ห้อ GE
อึดมาก 15 ปี ไม่เคยงอแง แต่ยางประตูเริ่มเสื่อม และเป็นสนิมเพราะอยู่ข้างเตาน้ำมันกระเด็นใส่ ต่อมาเป็นครัวเล็กๆ ที่ทำอาหารเป็นประจำ ที่ดูดควันนั่นติดไว้เท่ห์ๆ เพราะมันไม่ได้ดูดไปไหนเลยไม่ได้เรื่องเลย กลายเป็นของประดับครัวไป
ด้านนอกเป็นระเบียงเอาไว้ฆาตกรรมต้นไม้ต่างๆ
เพราะปลูกใหม่ๆ มันก็ขยันหิ้วน้ำออกไปรดดี พอเบื่อก็โอนให้พ่อบ้านไปรดแทน เราหิ้วถังน้ำไม่ไหวนี่ สภาพเลยเป็นอย่างที่เห็น
ส่วนหนึ่งของระเบียงเป็นที่เก็บของพวกยาวๆ
แต่มันรกไม่สวย เลยเอาระแนงปลูกต้นไม้มาบัง ยิ่งทำให้ที่แคบไปใหญ่
รองเท้าก็เอาใส่ตู้วางใว้ตรงทางเดินไปห้องนอน
แต่แค่นี้ไม่พอเก็บหรอกค่ะ
ห้องน้ำมี 2 ห้อง
ห้องเล็กนี่เราเอาเครื่องซักผ้าไปใส่ไว้ตรงส่วนอาบน้ำ เพราะมันมีก๊อกอยุ่ที่นี่ที่เดียว ส่วนที่เหลือก็กลายเป็นห้องเก็บของ โดยเฉพาะรองเท้าที่ล้นมาจากตู้ตรงทางเดิน ห้องก็เล็กมากเปิดเข้าก็เจออ่างเล็กๆ ใช้ไม่สะดวก ห้องนี้เลยสกปรกมากเพราะเราใช้เป็นห้องน้ำไม่ได้ เพราะพ่อบ้านเป็นคนเอาผ้าใส่ถังซักให้ เราเลยไม่ค่อยเข้าไปทำความสะอาด แกล้งทำเป็นลืมว่ามีห้องนี้ด้วย
ห้องลูกชาย
ฝั่งตรงข้ามเตียงเป็น ตู้เสื้อผ้า มันมีหลืบเล็กอยู่ทำเป็นห้องเก็บเล็กๆ มีประตูบานเลื่อนปิดไว้ เก็บของใหญ่ได้ดีพอควร ข้างในผุแล้วเพราะน้ำรั่วจากผนังด้านนอกเข้ามา เก็บของเตรียมย้ายเก็บลงกล่อง ที่กองอยู่คือจะทิ้ง
ตรงข้ามห้องน้ำเป็นห้องนอนของลูกชาย
มีระเบียงแต่ออกไปไม่ได้เพราะต้องปีนหน้าต่างออกไป ไม่รู้จะทำไว้ทำไม เลยเอาไว้วางคอมพ์แอร์อย่างเดียว กับเป็นที่ที่นกพิราบมาอึ ย้ายของออกไปแล้ว เหลือแต่เปียโนตัวนี้ เอาออกประตูไม่ได้ เลยต้องห่อไว้อย่างดีตอนที่ช่างเข้ามาทำงาน
ส่วนห้องนอนใหญ่มีตู้เสื้อผ้าน๊อคดาวอยู่
ที่ว่างข้างบนกลายเป็นที่เก็บของไป ปัญหาของคอนโดคือมันมีที่เก็บของน้อยมาก ยิ่งอยู่นานของก็ยิ่งงอกมากขึ้นๆ จนไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ที่ไหน เห็นคอนโดสมัยนี้แล้วสงสัยว่ามันจะเอาข้าวของไปเก็บไว้ที่ไหนหนอ
มีโต๊ะทำงานตัวนึงต้องวางห่างประตูระเบียงหน่อย
ไม่งั้นออกประตูไม่ได้ ที่ระเบียงเราวางเครื่องอบผ้าไว้ยี่ห้อ GE ทนมากใส่ผ้านวมได้ทั้งผืน แต่ปุ่มปิดหลุดอะไหล่ไม่มีขายในไทย แต่ก็ใช้ทั้งหลุดเนี่ยแหล่ะ ของยังดีอยู่เลย
ห้องน้ำใหญ่
มีอ่างที่ไม่ค่อยได้ใช้แต่ดันรั่วซึมออกไปด้านนอก ฝาโถแตกหาไม่ได้แล้วเนื่องจากเป็นรุ่นโบราณจัด อีกด้านเป็นอ่างล้างหน้า โพสทไปเราก็อายนะเนี่ยห้องน้ำเน่าสุดๆ
ถึงเวลารื้อถอน
ทุบห้องน้ำ
เจาะประตูด้านที่เคยเป็นที่วางเครื่องซักผ้า
เอาไว้ทำเป็นห้อง….. อุปไว้ก่อน อิอิ
บิวท์อินห้องนั่งเล่นเริ่มเข้า
บิวท์อินห้องนอนลูก
ทำชั้นหนังสือไว้บังห้องเก็บของ
บิวท์อินโต๊ะทำงานห้องนอนใหญ่
ทำชิดประตูได้เลยเพราะย้ายสลับบานประตูให้เปิดอีกด้านแทน
ระเบียงห้องนอน
ต่อท่อน้ำ เดินสายไฟไว้ใช้งาน พอสลับประตูแล้วทำใท้สามารถวางวางเครื่องซักและเครื่องอบผ้าได้ เครื่องเก่าบริจาควัดสวนแก้วไป แล้วซื้อใหม่แทน แต่………. คุณภาพสู้ไม่ได้เลย ถังก็เล็ก ซักอบนานมาก เราเคยอบรอบละ 45 นาทีกลายเป็น 2 ชม ครึ่งยังแห้งไม่สนิทเลย …..เสียดายเครื่องเก่ามากๆ เลย ไม่ควรซื้อใหม่เลย
มันก็เหมือนเมียแก่ๆ ที่พอเวลาผ่านไป ก็เริ่มอ้วนเทอะทะ สู้สาวๆ ขาวๆ สวยๆ รูปร่างเพียวบางน่าหลงไหลไม่ได้ แต่จริงแล้วสู้เงานหมือนเมียคู่ทุกข์คุ่ยากไม่ได้เลย……… จากเมียคนนึง
ภาพนี้คือเสร็จแล้วจ้า…
มุมนี้มองจะประตูเข้า เห็นครัวด้านซ้าย โต๊ะทานข้าวด้านขวา
ครัวทำแบบเปิด มีเตากลางห้องเลย
ตอนที่ทำฮูดแบบนี้แพงกว่าแบบติดผนังเป็นเท่าตัว ค่าติดตั้งก็แพงมาก เป็นของชิ้นที่แพงที่สุดในห้องนี้เลย ผนังตรงส่วนครัวทาสีฟ้าเทาๆ ด้านเคยวางตู้เย็นทำเป็นชั้นเล็กๆ สำหรับวางเครื่องปรุง ทำให้ไม่รกด้านบน ตรงเตาที่ติดกับส่วนห้องนั่งเล่น กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ เพื่อไม่ให้น้ำมันกระเด็นไปทั่ว work มากๆ
ส่วนตู้เย็นซื้อใหม่ใบเล็กลงเยอะ
แปลกดีนะไม่ว่าตู้เล็กหรือ ตู้ใหญ่ก็ใส่จนเต็ม ได้เหมือนกัน ข้างบนตู้เย็นคือตู้เมนที่ย้ายจากผนังข้างประตูไป ตอนแรกเรากลัวว่าทำครัวตัวยูแล้วจะทำให้ห้องแคบ แต่น้องอินบอกว่าถ้าเคาเตอร์ไม่สูงไม่หนา มันจะดูโปร่ง มันก็จริงนะ ไม่อึดอัดเลย
ส่วนโต๊ะทานข้าวตัวเก่าก็เอามตั้งวางอย่างสบายๆ
ติดรูปถ่ายอีกใบ รูปทั้งหมดที่ติดนี่ฝีมือเราเอง ไม่ต้องซื้อที่ไหน เสียแต่ค่ากรอบ
เหนือซิงค์ครัว ทำเป็นที่คว่ำจานซ่อนอยู่ในตู้
ทำให้ดูเรียบร้อยดี ที่เกินมาก็คือเครื่องกรองน้ำ คุณเซลล์เธอบอกว่าแขวนได้ฮ่า เดี๋ยวหนูไปเจาะให้ พอเอาเข้าจริงเธอเจาะกระเบื้องไม่เข้า เหงื่อแตกเต็มตัว แล้วรีบลากลับไปเลย ทิ้งเครื่องกับรูที่ผนังไว้ให้เราดูต่างหน้า ………..ดู่ดู๊ดู…ดูเธอทำ…..ทำไมถึงทำกับฉันได้ … ทุกวันนี้มันก็เลยยังวางอยู่ที่เดิม
ตู้สูงข้างตู้เย็นดึงออกมาเป็นชั้นไว้ใส่ขนม กาแฟ และอะไรต่อะไร
ทำให้ไม่มารกอยู่ข้างนอก หน้าบานตู้ครัวทำจากเศษวีเนียร์เอามาเรียงเป็นชิ้นๆ ก็สวยดีถูกด้วย
ถัดจากครัวเป็นส่วนนั่งเล่น
บิวท์แบบใช้ประโยขน์เต็มที่ ตู้โชว์ติดไฟฮาโลเจนซะ 5 ดวงๆ ละ 50วัตต์ โลกจะร้อนตายเพราะคอนโดเรานี่แหล่ะ ส่วนโต๊ะทำงานของพ่อบ้าน แอบบ่นว่าเล็กไป เราก็ว่าดีแล้ว ใหญ่มากก็รกมากนิ
ตอนเก็บของย้ายออกเราเก็บคนเดียวเกือบทั้งห้อง หลังเลิกงานก็มาเก็บของ 2 อาทิตย์ นน.ลงไปหลายโลเลย ตอนนี้เราเลยต้องขยันเก็บกวาด จะได้ไม่รกสะสมอีก
ด้านตรงข้ามเป็นโซฟาสีเทาผ้าหนังกลับ
น้องอินบอกว่าสีนี้เข้าได้กับห้องทุกสี เราได้มาจาก …. แค่ 17000 จากราคา 50000+ เพราะเป็นตัวม๊อคให้ฝรั่งดู โชคดีมากๆ ของดีราคาถูกมาก รัปประกันโครงสร้างและเบาะตลอดชีพ นั่งมาเกือบ 2 ปี ยังไม่มีทีท่าจะยุบเลย น้องอินเธอถามว่า พี่เอาป่าว ไม่เอาหนูจะเอาเอง….ชิชิ….มีหรือเราจะไม่เอา
จากมุมนี้เห็นประตูที่ขาวที่เพิ่งเจาะใหม่ด้วยนะ ทายสิคะว่าเป็นห้องอะไร
แต่ห้องนี้ร้อนมาก เพราะน้องอินเธอสั่งติดไฟ ฮาโลเจน
เปิดทีนึง 8 ดวงๆ ละ 50 วัตต์ สวยนะสวยนะจ๊ะ แต่มันร้อนมาก ท้ายสุดเลยใช้โคมไฟตั้งโต๊ะเอาดีกว่า ความจริงเขาแต่งไฟสวยมาก มี drop ฝ้าซ่อนไฟ ทำให้ห้องมีมิติ แต่เราว่าถ้าเป็นไฟแบบหยัดจะดีกว่านะ ใช้แสงสีเหลือก็ทำให้ห้องดูอบอุ่นแล้ว ถึงจะไม่ดูไฮโซก็เถอะนะ
ตรงระเบียงที่เคยวางต้นไม้โทรมๆ คุณน้องอินเธอก็สั่งปูกระเบื่องใหม่สวยเริ่ดไปเลย
จากที่ไม่เคยออกไปใช้งาน น้องอินต่อปล๊กไฟออกไปที่นี่ด้วย ตอนนี้พ่อบ้านเลยเอาโน๊คบุ๊คออกไปนั่งทำงานที่นี่แทบทุกคืน ….ลมมันเย็นจ๊ะที่รัก.. เขาบอก
ส่วนตรงทีเคยเก็บของรกๆ ก็กันประตูปิดซะ แจ่มแมวไปเลย
บริเวณนี้ต้องใช้ไม้จริง เพราะต้องทนแดดทนฝน ราคาจะถูกหรือแพงขึ้นการเลือกแบบ เราต่อท่อน้ำออกมาที่ระเบียงด้วย ต่อไปนี้รดน้ำต้นไม้สะดวกสบายมากเลย รดซะตายไปต้นนึงแล้ว 555
ทุกวันนี้ครอบครัวเรามีความสุขกับคอนโดนี้มาก
เพราะมันอยู่สบาย สวยงาม ทำให้ทุกคนอยู่บ้านมากขึ้นไม่อยากไปไหน อยากกลับมาทานข้าวบ้านทุกวัน
มาต่อกันเลยนะคะ มาดูห้องนอนลูกชายบ้างอยากได้ห้องแมนๆ
ห้องนี้ใช้โทนสีเทา ม่านสีเทาเข้ม ตู้บิวท์ไม้วีเนียร์สีเข้ม เราชอบมากเลยค่ะเพราะ วีเนียร์เขาทำลายต่อกันไปเป็นผืนเดียวสวยมาก ต่างกับของพวกบิวท์อินสำเร็จบางยี่ห้อที่แต่ละหน้าบานลายไม่ต่อกัน ตู้ย้ายมาฝั่งนี้แทนตลอดแนวผนังเลยเป็นของเรา 2 ตู้ และของลูกตู้เดียว 555
อีกฝั่งนึงทำชั้นวางหนังสือการ์ตูน(ส่วนใหญ่) และหนังสือเรียน(ส่วนน้อย)
ทำจากสีพ่นและวีเนียร์ ห้องนี้แป็นห้องที่แสงเงาสวยที่สุดในบ้านเลย แต่ต้องเปิดไฟทีละ 4 ดวงลูกชายบอกว่าร้อนมาก เลยถอดไฟออกบางจุด ตอนหลังเปลี่ยนไฟฮาโลเป็น 20 วัตต์แทน
ส่วนด้านประตูทำผนังเบาเป็นบานเลื่อน
ใส่กระจกพ่นสีแทนจะได้ไม่เปิดมาโดนตู้หรือเปียโน ติดรูป 1 รูป เราว่าจะเปลี่ยนรูปสักหน่อย เอาแมนๆ หน่อย ห้องนี้ตอนกลางคืนสวยมากเพราะแสงเงาและสีที่ผนังทำให้มีมิติ
มาต่อที่ห้องนอนใหญ่
ทำตู้บิวท์อินถึงเพดานเหมือนกัน เก็บของได้เยอะดีไม่กักฝุ่นด้วย หน้าบานเป็นวีเนียร์แต่ไม่สวยเท่าของห้องลูกชาย ความจริงเราไม่ชอบสีน้ำตาลๆ เป็นลายไม้เท่าไหร่แต่น้องอินบอกว่าการใช้เฟอร์ไม้จะทำให้ดูอบอุ่นน่าอยู่
โต๊ะเล็กตัวนี้เป็นหน่วยเคลื่อนที่ไว พ่อบ้านใช้วาง notebook ได้ทุกที่ไม่ว่าจะในห้องนอนหรือระเบียงปรับระดับความสูงได้แข็งแรงดี ซื้อจาก EQ3 ราคาประมาณ 2000+
มุมเตียงนอนนี่มันโล่งไปหน่อยเอาพรมไปซักอยู่
ตรงนี้ว่าจะแต่งหัวเตียงอีกสักหน่อย สีห้องนี้มันออกสีเขียวอมทองๆ เลยต้องหาผ้าปูสีที่เข้ากันมาให้ เตียงที่เห็นเป็นไม้สักอย่างสวย ไม้เป็นท่อนๆเลย ด้านล่างใต้เบาะเป็นไม้หน้า 3 หนานิ้วครึ่งได้ 15 อันได้ สั่งจากร้านที่งานเมืองทอง ราคา ประมาณ 25000+
เมื่อก่อนเราก็สักแต่ว่าซื้อของชิ้นที่ชอบ เดียวนี้ต้องคิดว่ามันจะเข้ากับสิ่งอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วหรือไม่ ไม่งั้นไปกันคนละทาง 2 ทางแน่ๆ
ปล. หลังจากแต่งคอนโดเสร็จเราก็ให้เธอไปแต่งบ้านต่อค่ะ ตอนไปซื้อของแต่งบ้านเราชี้อะไรน้องอินเขาก็ส่ายหน้าว่าไม่เข้ากันๆ เธอเรียกว่ามันหลุดธี
ส่วนด้านนี้เราบิวท์ตู้ขึ้นมาเป็นตู้ทึบ
ชั้นล่างสุดเป็นตู้ทึบทำปลั๊กไฟไว้สำหรับเสียบไฟตู้กันชื้นขนาด 80 ลิตรเพื่อเก็บอุปกรณ์กล้อง นอกจากดูเรียบร้อยแล้วแสงของหน้าจอโมนิเตอร์ก็ไม่กวนเวลานอน ซึ่งเมื่อก่อนนี้พวกอุปกรณ์และกระเป๋าวางกองเกลื่อนห้องไปหมด อันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปคลังแสงมาให้ดูเพราะเป็นความลับทางทหาร 555
ม่านที่ใช้เป็นสีบรอนซ์ทองๆ ตอนกลางคืนเป็นมันเงาสวยทีเดียว
ตู้บนชั้นล่างวางพวกโทรศัพท์ เครื่องพิมพ์อะไรต่ออะไรที่พ่วงสายไปคอมพ์ข้างๆ โดยเจาะรูให้สายผ่านด้านข้าง ใต้โต๊ะมีชั้นแคบๆประมาณ 15-20 เซ็นต์ ใว้วางวางปลั๊กพ่วงและสายไฟทั้งหลายทำให้ไม่กองอยู่กับพื้นจะได้ทำความสะอาดง่าย
ตู้สูงด้านนี้จะทำยื่นเลยผนังมาประมาณ 40 เซนต์
เพื่อเชื่อมกับส่วนที่เป็นตู้หน้าห้องน้ำ เป็นตู้ที่ใช้แทนราวพาดผ้าและด้านล่างวางตะกร้าผ้าได้เรียบร้อยดี ตอนแรกเรากลัวว่ามันจะทำให้ทางเดินนี้ดูแคบอึดอัด แต่น้องเขาใช้สีขาวติดไฟสว่างทำให้ดูโปร่งใช้ได้และมีประโยนช์ใช้สอยดี
ส่วนประตูห้องนอนใช้บานเฟี้ยมเพื่อประหยัดพื้นที่ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าใช้เลยมันแพงมากกว่าบานเปิดธรรมดาเป็นเท่าตัว แล้วมันมักจะมีช่องว่างระหว่างบาน เราเลยไปซื้อแถบยางปิดขอบที่ HP มาติดให้สนิท
มาถึงห้องน้ำแล้วจ้า
หลายคงคงรู้ว่ามันเป็นห้องที่แพงที่สุดในบ้านเลย ห้องน้ำใหญ่ทำห้องอาบน้ำใช้กระจกกั้น เจาะชั้นวางขวดแชมพูในตัว ห้องอาบน้ำกรุด้วยโมเสทหินแท้ให้เลยออกไปถึงผนังด้านนอก ทำให้รู้สึกกว้างมากขึ้นแล้วติดรูปเหนือโถส้วม มันสวยมาก เพราะมันมี texture ที่สวยแต่ละชิ้นลายไม่เหมือนกัน ขอบไม่ตรงแน่วดูเป็นธรรมชาติดี การปูโมเสทต้องใช้ช่างที่ชำนานมากไม่งั้นมันจะโย้เย้เสียของอย่างแรง
ที่พื้นก็เป็นโมเสทหินเหมือนกัน ซึ่งเราว่ามันไม่ค่อยเหมาะที่จะมาอยู่ในส่วนเปียกเพราะ หินแท้จะโดนด่างจากสบู่กัด ตอนนี้ตรงชั้นที่วางถาดสบู่เรามีนเริ่มกร่อนแล้ว ส่วนพื้นโดนน้ำยาเป็ดด่างไป เลย เอา HG มาทาก็ไม่ช่วยแถมเหม็นมาก ตอนนี้ใช้แค่ LOC เท่านั้น
ยาแนวเป็นแบบกันราดำดีมากเลย จนบัดนี้ไม่มีราดำมากวนเลย แต่ต้องคอยขัดพวกเมือกๆออกบ้าง
อ่างล้างหน้าปูท๊อปด้วยแกรนิตดำเกร็ดทอง
น้องอินท์บอกว่าให้เอาดำอัฟริกา แต่เราประหยัดมาเอาดำเกร็ดทองแทนแล้วมันก็จริงอย่างน้องเขาว่าว่ามันเหมาะกับพื้นมากกว่าเคาเตอร์ กระจกใช้บานใหญ่ติดเต็มพื้นที่ไปเลย ทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นเยอะเลย แถมเวลาอาบน้ำดูเซ็กซี่มากๆ 555
ห้องน้ำเล็ก
ที่เคยเน่าสุดๆ กลายเป็นแบบนี้ เราก่อผนังขึ้นมากั้นส่วนที่เคยวางเครื่องซักผ้าไว้ เปลี่ยนประตูเป็นบานเลื่อน ทำให้มีเคาเตอร์ใหญ่ขึ้นได้ น้องเขาติดกระจกเงายาวตลอดแนวเช่นเคย แล้วติดเส้นสแตนเลสทำให้ดูทันสมัยขึ้น ที่กรุผนังนี่เป็นแผ่นหินแท้ที่เรายอมตามใจน้องอิน เพราะเราเล่นลดเกรดกระเบื้องทุกอย่างที่เธอเลือกเลย “อิตาลีไม่ต้องน้อง จีนก็พอแล้ว พี่ไม่ชอบสปาเก็ตตี้ เอาบะหมี่ดีกว่านะ…” จนมาอันสุดท้ายเลยหยวนๆ
แต่คิดไม่ถึงว่าห้องเล็กแค่นี้ใช้กระเบื้องตั้ง 22 ตรม!!! เล่นปูทั้งห้องยกเว้นฝ้าเท่านั้น ……….
มาถึงห้องสุดท้าย ห้องเก็บรองเท้าค่ะ
work มากๆๆ คู่ไหนใส่ไม่บ่อยก็เอาใส่กล่องซ้อนกันไว้ กล่องนี้แลกซื้อมา 2 กล่อง 105 บาท ตุนไว้เยอะเลย ชั้นล่างก็พวกกระเบื้องที่เหลือๆ เก็บไว้เผื่อซ่อมแซม
ข้อแนะนำจากประสบการณ์ครั้งนี้
1. ก่อนตกลงกับ ผรม ควรขอดูผลงานเก่าหรือขอไปดูที่หน้างานที่เขากำลังทำอยู่ด้วย เพราะเวลาเสนอราคามา ราคาอาจต่างกัน อย่าเพิ่งตัดสินใจจากราคาที่ถูกเพราะมันขึ้นกับฝีมือและวัสดุ บางเจ้าเขาลดเกรดลงไม่ได้เพราะเขาตั้งมาตรฐานของวัสดุไว้ดีกว่า ที่สำคัญต้องถามให้แน่ชัดว่าช่างเป็นชุดเดียวกันหรือไม่ เพราะบางที่พาเราไปดูอย่างสวยเลย แต่พอทำจริงใช้ช่างต่างประเทศมาทำ
2. เวลาทำสัญญาให้ระบุวัสดุให้ชัดเจน
3. ควรศึกษาข้อมูลเรื่องการก่อสร้างและตบแต่งด้วย จะได้รู้เท่าทันและรู้ราคา เช่นประตูบานเฟี้ยมราคาเป็น 2 เท่าของประตูบานเปิด เวลาเลือกแบบจะได้เลือกแบบที่อยู่ในงบได้
4. ควรเลือกวัสดุเองเช่นกระเบื้องสุขภัณฑ์ เพราะคุณออกเงินและต้องอยู่กับมันไปอีกนาน จำไว้ว่าเลือกของอย่างฉลาดย่อมดีกว่าเลือกแต่ของถูก วัสดุที่เกี่ยวกับสายไฟท่อน้ำควรลงทุนใช้ของดีเพราะมันรื้อทำใหม่ไม่คุ้ม และเพื่อความปลอดภัย วัสดุตกแต่งเลือกตามงบประมาณได้
5. ควรระบุเรื่องเวลาของการทำงานด้วย ถ้าเกินเวลาจะปรับหรือเปล่า ทำใจเรื่องเวลาไว้ด้วยมักจะล่าช้าเป็นเรื่องปกติ ถ้าต้องไปเช่าเขาอยู่ เดือนนึง 2-3 หมื่นอย่างเรานี่…เครียดนะ
6. ถ้าจะจ้างอินทีเรียต้องเผื่อค่าออกแบบไว้ด้วยเพราะเขาต้องกินข้าว ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเขียนแบบและทำ 3D อาจจ้างอินทีเรียอื่นหรือให้ ผรม หาให้ก็ได้ แต่หาเองดีกว่าเพราะมั่นใจได้มากว่า ถ้าจำไม่ผิดค่าอินทีเรียประมาณ 7-10% ของงบ ถ้าเป็นฟรีแลนส์บางคนเขาเป็น ผรม เองด้วย
7. โดยธรรมชาติของอินทีเรียเอาสวยไว้ก่อน ต้องดูแบบดีๆว่า มันใช้งานสะดวกหรือไม่ ถ้าไม่ต้องรีบแก้แบบก่อนเลย
8. เมื่อได้แบบแล้วต้องดูให้ละเอียดว่าตรงกับที่เราต้องการหรือไม่ ลองจินตนาการกว้างยาวของเฟอร์ด้วย อย่าปล่อยให้ช่างทำไปแล้วค่อยแก้แบบ เพราะไม่ได้แก้ฟรีๆนะคะ
9. ถ้าทำระบบไฟฟ้าใหม่ ให้ดูแปลนว่าต่ำแหน่งไฟเหมาะสมหรือไม่ เยอะไปไหม น้อยไปไหม เขามีวิธีคิดว่าพื้นที่เท่าไรต้องใช้ไฟกี่วัตต์ เคยสูตรที่ไหนหนอ
10. ทำความเข้าใจกับแปลนไฟเพื่อเช็คดูว่า ถ้าเปิดสวิทซ์แล้วไฟดวงไหนติดบ้าง หรือต่ำแหน่งเปิดไฟสะดวกต่อการใช้รึเปล่า เช่นไฟห้องแต่สวิทซ์ไปอยู่ริมหน้าต่างต้องเดินมืดๆไปเปิดไฟ หรือเปิดไฟโต๊ะแต่งตัวแต่ไฟหัวเตียงก็ติดด้วย จะลำบากเพราะเมียเลยตื่นทุกครั้งที่หนีเที่ยว เมื่อช่างไฟทำเสร็จเช็คกับแปลนที่จุดเลย
11. อย่าลืมขอเบอร์สีทาห้องไว้เผื่อว่าจะต้องซ่อมแซมสีภายหลัง
12. เก็บวอลล์และกระเบื้องไว้เผื่อซ่อมแซมที่หลังด้วย ปีหน้าอาจไม่มีขายแล้ว
13. บ้าน/ห้องเราไม่ใช่บ้านตัวอย่าง ไม่ได้มีใช้โชว์แต่มีใว้อยู๋ ดังนั้นให้นึกถึงเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดไว้ด้วย
14. ที่สำคัญสไตล์ควรกลางๆอยู่นาน ไม่ใช่ว่าเป็นสไตล์สุดฮิตตอนนี้แต่อีก 5 ปีมันกลายเป็นของเชยไป นอกจากว่าคุณสามารถแต่งใหม่ได้เรื่อยๆ…. อย่างนี้น้องอิน…ทีเรีย คงชอบ อิอิ
15. ก่อนจะเริ่มต้องคุยกับนิติก่อนนะคะ เขาจะขอดูแบบก่อน คุยกันให้เรียบร้อย ไม่งั้นพอเราเริ่มทุบไปแล้ว เขาไม่ยอม จะคาราคาซัง ของเราที่ล่าช้าก็เพราะเรื่องท่อน้ำค่ะ ช่างคอนโดจะให้ใช้ PE (ตามของเดิม) แต่จริงๆแล้วใช้ PVC ได้ดี (ตอนนี้เขามีท่อเขียวแล้วค่ะ ดีกว่า PVC) ตอนหลัง ต้องเอาวิศวกรมายืนยัน ท่อ PE เหมาะสำหรับ นอกอาคาร เพราะมันยืดหยุ่นทนแรงกดทับของดินได้
ขออภัยที่รูปถ่ายไม่ค่อยดี มีผิดส่วนและไม่ชัดอยู่หลายรูป เนื่องจากความอ่อนหัดของเรา และสะกดคำผิดมากมายค่ะ
ที่มา : Toom-bs