หลังจากการสร้างบ้าน นอกจากการตกแต่งภายในที่หลายคนให้ความสำคัญเป็นพิเศษ พื้นที่ด้านนอกรอบตัวบ้านก็เป็นอีกบริเวณที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะการตกแต่งพื้นที่ภายนอกจะช่วยให้บ้านของเราสวยงามน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้เรามีพื้นที่หรือมุมพักผ่อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
วันนี้ ในบ้าน ก็มีไอเดียการตกแต่งพื้นที่แคบๆ บริเวณข้างบ้านให้กลายเป็น “สวนญี่ปุ่น” ในงบ 55,000 บาท ทำให้ได้สวนหย่อมที่สวยงามร่มรื่น เหมาะกับการนั่งเล่นนอนเล่นที่สุด ไอเดียครั้งนี้เป็นการรีวิวโดยคุณ Palmmettostudio ไปชมพร้อมกันเลยครับ
เปลี่ยนพื้นที่แคบข้างบ้านให้กลายเป็นสวนญี่ปุ่นในงบ 55,000 บาท
(โดยคุณ Palmmettostudio)
สวัสดีครับ วันนี้จะขอมาแชร์ไอเดียการจัดสวนในพื้นที่แคบซักหน่อย เนื่องจากก่อนหน้าที่จะทำสวนนี้ลองหาข้อมูลในพันทิปแล้วเห็นว่าไม่ค่อยมีรีวิวจัดสวนญี่ปุ่นหรือสวนเซนซักเท่าไหร่ เลยมาแชร์ไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ พันทิปบ้างครับ
เกริ่นก่อนว่าไม่ได้เป็นนักจัดสวนมืออาชีพ เคยแต่ทำสวนขวดหรือ terrarium นี่เป็นการจัดสวนแบบจริงจังครั้งแรกที่ลงมือทำเองเกือบทั้งหมดตั้งแต่ออกแบบ วางแปลน ซื้อของ หาหิน จัดวาง ปลูกต้นไม้ จะมีที่จ้างเหมาคนงานทำคือลงต้นไม้ใหญ่ ถางหญ้า ปรับหน้าดดิน วางระบบน้ำไฟและโรยกรวดครับ
เริ่มมาจากอยากมีบ้านหลังแรก เลยมาซื้อบ้านที่โครงการนึงเป็นบ้านแฝด ตัวที่ดินมีขนาดประมาณ 36 ตรว. ดีไซน์ของหมู่บ้านนี้จะเป็นมินิมอล ดูเซน ๆ หน่อย เลยตั้งใจจะทำ interior ให้เข้ากับตัวบ้าน
รวมถึงพื้นที่สวนด้านข้างที่มีพื้นที่กว้างเกือบ 2 เมตร ยาว 12.5 เมตรนี้ ให้กลายเป็นสวนญี่ปุ่นไปด้วย อยากได้สวนโรยกรวดที่ดูแลง่าย ๆ มีอ่างหินน้ำล้น และน้ำไหลจากไม้ไผ่ แบบที่เราเห็นตามสวนญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปด้วย…มาเริ่มกันเลยครับ
เริ่มจากวาง layout สวนก่อนครับ ผมกั้นรั้วด้านข้างตัวบ้านเพื่อให้เป็นพื้นที่ปิด ไม่อยากให้เห็นสวนจากภายนอก จากประตูรั้วที่กั้นไปจนสุดกำแพงหลังบ้านยาวประมาณ 8 เมตร พื้นที่ตรงนี้ทั้งหมด 16 ตรม.ครับ เราจะมาดูเฉพาะส่วนนี้กัน เพราะที่เหลือแค่ปลูกต้นไม้ใหญ่กับโรยกรวดทั่วๆ ไปครับ
พื้นที่ด้านข้าวส่วนนี้จะปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้สองต้น เลือกเป็นต้นพะยูงเพราะชอบฟอร์มต้นกับใบที่ละเอียด ๆ ดูน่าจะเข้ากับสวนแนวนี้ครับ ส่วนต้นไม้อื่น ๆ ผมทยอยซื้อไว้ตั้งแต่เริ่มทำอินทีเรียข้างใน อยากได้ไม้ที่ใช้กับสวนญี่ปุ่นจริง ๆ เลยสั่งพวก maple, wisteria, tsubaki, camelia พวกนี้มาอนุบาลไว้ก่อนครับ
บางอย่างก็เหลือรอดมาบ้าง บางอย่างก็บินกลับญี่ปุ่นไปแล้วเช่นซากุระ สั่งมาสามต้น ตายเกลี้ยง เมเปิ้ลสี่สั่งมาสามต้นเหลือรอดมาได้ต้นเดียว วิสทีเรียรอดทั้งสามต้น บางต้นก็งามดี บางต้นก็ดูร่อแร่ บางอย่างก็สั่งเป็นหัวมาปลูกเช่น calla lilly ซื้อมาสองหัวก็งามดีครับ พวกนี้ผมเลี้ยงในกระถางริมระเบียงคอนโดไว้ก่อนเกือบครึ่งปี กว่าจะได้ฤกษ์ย้ายมาปลูกที่บ้าน
รูปก่อนที่จะเริ่มครับ กับหลังลงต้นไม้ใหญ่ครับ
ในรูปคือมองจากประตูที่กั้นเข้าไป อยากให้มีระยะหน้าอยู่ด้านขวา และมีจุดหยุดสายตาอยู่สุดสวนด้านในครับเลยลงต้นพะยูงไว้ อันนี้ไปหาพวกที่ขาวต้นไม้พร้อมปลูกตามเฟสเอา ต้นละ 500 มั๊ง ผมซื้อมาทั้งหมด 7 ต้น มีพะยูง 5 ต้นกับเสี้ยวดอกขาวอีกสองต้นไว้ปลูกหน้าบ้าน ชอบดอกขาวอมชมพูเล็กๆ
เวลาออกดอกเต็มต้นน่าจะได้ฟีลซากุระเบา ๆ 5555 ต้นพะยูงขวามือนั่นเนื่องจากจะปลูกชิดตัวบ้าน กลัวรากจะไชบ้านพังเลยปลูกใส่กระถางอีกทีครับ แต่สุดท้ายต้นนี้ไม่รอด เลยต้องเปลี่ยนอีกทีภายหลัง
ลองเอารูปมาสเก็ตช์ทับดูครับ ออกมาเป็นประมาณนี้ สวนที่อยากได้ อยากให้มองไปเห็นอ่างหินน้ำล้นกับไม้ไผ่ ซึ่งอันนี้ต้องมองเห็นได้จากห้องนั่งเล่นในบ้านด้วย ที่พื้นทางเดินโรยกรวด ด้านข้างเป็นเนินดินปลูกมอสเขียว ๆ ซึ่งไม่รู้จะเขียวได้แบบนี้รึป่าว เดี๋ยวมารอดูอีกทีครับ
พระเอกของสวนนี้ก็คืออ่างหินน้ำล้น อันนี้หายากเย็นมาก สุดท้ายไปเจอร้านที่อ่างศิลา ติดต่อผ่านเฟสกันนานมาก สรุปสั่งทำอ่างหินแกรนิตไปอันนึงราคา 6,500 บาทไม่รวมส่ง ใช้เวลาสองสัปดาห์ที่ร้านก็ส่งรูปมาให้ครับ เห็นรูปแล้วไม่ค่อยโอเคไม่เหมือนที่คิดไว้เท่าไหร่ แต่ก็ขับรถไปเอาเองถึงที่ ปรากฏว่าไปถึงไม่สวยเลยจริงๆ
บังเอิญเหลือบไปเห็นอ่างอันนี้ตั้งอยู่เลยขอเปลี่ยนอัน ที่ร้านก็ใจดีให้เปลี่ยนเป็นอ่างอันนี้มา ขนกลับมาเองไม่คิดค่าโสหุ้ย ถือว่าไปเที่ยวครับ 555
ภาพหลังจากที่คนงานถางหญ้า รื้อต้นไม้ที่ตายออก เสร็จแล้วก็ลากเส้นตามที่เราอยากได้แล้วก็ทำเนินดินครับ ส่วนนี้ก็มีคนงานมาช่วยด้วย เราก็ปรับ ๆ สโลปตามที่ต้องการอีกที อีกภาพคืออ่างหินที่ซื้อมาครับ ส่วนบ่อซีเมนต์อันนั้นให้ช่างซื้อ ขุดและวางให้ เราก็เอาอ่างหินมาวางปรับมุมตามที่อยากได้อีกที
.
หลังจากได้ตำแหน่งหลัก ๆ แล้วช่างก็เริ่มวางระบบน้ำไฟให้ตามตำแหน่งที่เรากำหนดครับ เนื่องจากจะปูมอสเลยต้องให้ชื้นตลอดเวลา ติดหัวพ่นสเปรย์ไว้ รวมถึงมีไฟ up light ตามต้นไม้ใหญ่ และ down light ส่องที่อ่างหินน้ำล้นรวมถึงระบบปั๊มน้ำด้วยครับ วางระบบเสร็จก็ลองเทสต์ดูครับ…เย้ น้ำไหลแล้ว
หลังจากงานระบบหลักๆ เสร็จก็เริ่มวางหินตกแต่ง หินพวกนี้ขับรถไปเลือกเองครับ แถวถนนกีบหมูอะไรซักอย่าง อันนี้ช่างเค้าแนะนำมาครับ ก็ไปเลือก ๆ ได้มา 8 ก้อน เค้าคิดเป็นกิโลครับ ตอนแรกบอกมาโลละ 15 บาท
แต่พอเห็นเลือกเยอะตอนคิดเงินสุดท้ายเหลือโลละ 9 บาทครับ หมดนี่ประมาณ 2,000 บาทไม่รวมส่ง อันนี้ให้ช่างไปขนมาให้วันรุ่งขึ้นครับ
จริง ๆ อ่างน้ำล้นหรือที่เรียก tsukubai นี่เท่าที่หาข้อมูลดูมันมีหลักการอะไรมากมายอยู่พอสมควรครับ วางอ่างหินเสร็จต้องมีหินซ้ายขวาไว้วางเทียนวางโคมไรซักอย่าง ต้องมีหินก้อนใหญ่อยู่ด้านหลัง ต้องมีหินแบนๆ ไว้ยืนล้างเท้าอะไรแบบนี้ นี่ก็มั่ว ๆ เอาครับ ไม่ต้องเป๊ะมาก เอาตามที่เราคิดว่าสวยของเราละกันฮ่ะๆ
พอวางหินตกแต่งเสร็จก็เริ่มปลูกต้นไม้เล็ก ๆ ครับ อันนี้ลุยปลูกเองเลย ไม้รอง ๆ ลงมาผมเลือกวิสทีเรียครับ ไม่รู้ว่าจะออกดอกได้ในไทยรึป่าว แต่อยากลองดูเผื่อฟลุ๊คฮ่ะๆ ส่วนไม้ระดับเตี้ยๆ ลงมาเป็นพวกคาเมเลีย กับสึบากิครับ จริงๆ ก็ญาติ ๆ กัน น่าจะวงศ์เดียวกันมั๊งครับ อันนี้เคยออกดอกที่ระเบียงแล้ว แต่เหมือนแดดไม่ถึงเลยไม่ยอมบาน เอามาปลูกลงดินแบบนี้น่าจะบานได้ครับ
อ้อลืมพูดถึงเรื่องไฟ อันนี้ไปซื้อไฟสำหรับสวน outdoor ครับเป็นแบบมีขาปัก รวมหลอด led ตกโคมละประมาณ 4 ร้อยบาท ใช้ไปทั้งหมด 9 จุดประมาณ 3,600 บาทครับ หาซื้อได้ทั่วไปเลยครับ
ออกมาเป็นแบบนี้ครับ
.
ระบบน้ำไฟใช้ตั้งเวลาเอาครับ อันนี้ตั้งรดน้ำไว้วันละสี่ครั้ง ครั้งละ 6 นาที แฉะเละเทะครับ ไว้ค่อยตั้งใหม่…หินนี่แบกวางเองกับมือ แอบหลังเคล็ดนิดหน่อย แต่ก็ภูมิใจเล็กๆ ครับ ตรงบ่อน้ำล้นก็เอาตาข่ายพลาสติกมาปิดเพื่อโรยกรวดทับอีกทีครับ
มาได้ครึ่งทางแล้วครับ เหลือต้นไม้เล็กๆ พวกสึบากิ คาเมเลีย ลงตามตำแหน่งที่ต้องการ เสร็จแล้วก็ให้ช่างเอา flat bar มากั้นแบ่งระหว่างเนินดินกับพื้นที่จะโรยกรวด เพราะเดี๋ยวเราจะโรยทรายขี้เป็ดก่อนปูมอส เวลารดน้ำทรายจะได้ไหมไหลลงมาปนกับกรวดครับ…ออกมาเป็นแบบนี้ครับ
ใกล้เสร็จแล้วครับ จากนี้ก็หามอสครับ เสิร์ชๆ เอาในเฟสบุคเหมือนเดิม ไปเจอเพจขายมอสอยู่ที่เชียงใหม่ เค้าขายเป็นแผ่นๆ ขนาด 50×50 cm. ตกแผ่นละ 380 บาท ตอนแรกกะดูคร่าวๆ น่าจะใช้ประมาณ 4 ตรม. บวกลบคูณหารดูโอววว ต้องใช้ 16 แผ่นตก 7 พันกว่าบาท เลยลดพื้นที่ลงหน่อยเอามาแค่ 3 ตรม. พอครับ
เดี๋ยวไปเพิ่มต้นไม้เอา จะได้มีพื้นที่ปูมอสน้อยลง โอนเงินไปปุ๊บสองสามวันของก็ส่งมาถึงครับ มาเป็นห่อ ๆ พลาสติกแบบนี้เลยก็เอาออกมาปูเป็นแผ่นๆ แอบยากนิดนึงเพราะมันขาดง่าย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เศษๆ ที่ขาดก็เอามาแปะๆ ต่อกันได้ไม่มีเสียของครับ ปูไปครึ่งวันก็ยังไม่เสร็จครับ พักเบรคค่อยมาปูใหม่วันรุ่งขึ้น
.
ในรูปข้างบนที่เห็นโคนต้นไม้แว๊บ ๆ นั่นคือต้นเมเปิ้ลนะครับ อันนี้เอามาปลูกหลังสุดเพราะกลัวตายมาก…เมเปิ้ลไม่ชอบน้ำขังเลย รากเน่าง่ายมาก เลยต้องขุดหลุมใหญ่หน่อยแล้วใช้ดินก้ามปูผสมดิน akadama ของญี่ปุ่นเพื่อให้เก็บความชื้นแต่ระบายน้ำได้ดีครับ
หลังจากนั้นก็เอาต้น calla lilly อีกสองต้นมาลงใต้โคนพะยูงระยะหน้าด้านขวามือให้มีอะไรแน่นๆ หน่อยก็เสร็จเรียบร้อยครับ
มาดูรูปสวนที่เสร็จเรียบร้อยกันครับ
ตอนกลางคืนครับ
.
สรุปค่าเสียหาย
ต้นไม้ใหญ่รวมปลูกรอบแรก 7 ต้น 7,000 บาท
เมเปิ้ล 1 ต้น 1,500บาท
วิสทีเรีย 3 ต้น 900 บาท
สึบากิ 20 ต้น 3,600 บาท
คาเมเลีย 10 ต้น 1,900 บาท
คาลล่าลิลลี่ 2 ต้น 360 บาท
มอส 3 ตรม. 4,920 บาท
อ่างหินน้ำล้น 6,500 บาท
หินประดับ 2,000 บาท
ไฟตกแต่ง 3,600 บาท
งานระบบน้ำไฟ ทรายขี้เป็ด กรวด ต้นพะยูงที่เอามาเปลี่ยนใหม่ 3 ต้น กำแพงต้นไทรอินโดสูง 2.5 m. ยาว 4 m.
ค่าแรงทั้งหมดเหมาๆ 22,000
รวมทั้งหมด 54,280 บาท
หมายเหตุ : ไม่รวมค่าต้นไม้ที่ซื้อมาแล้วตายก่อนจะมาปลูกรวม ๆ น่าจะหมื่นนึง และไม่รวมค่าแรง ค่าเดินทางไปซื้อของนั่นนี่ของตัวเอง
ที่มา : Palmmettostudio .