การตกแต่งในสไตล์ อินดัสเทรียล ลอฟท์ เรียกได้ว่ากำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เสน่ห์อยู่ที่ความเท่แบบดิบๆ จากวัสดุเปลือยโชว์พื้นผิว ซึ่งเราอาจจะได้เห็นจากร้านอาหาร ร้านกาแฟ รีสอร์ท หรือโรงแรมต่างๆ ที่ใช้การตกแต่งแนวนี้
วันนี้ ในบ้าน ก็จะพาชาวเว็บไปชม รีวิว แต่งห้องนอนสไตล์อินดัสเทรียลด้วยตัวเอง จากคุณ เบชิต้าน้อย แห่งดาวนาแมกซ์ กันครับ เป็นการทำงาน DIY เก๋ๆ ที่จะเปลี่ยนห้องนอนสีขาวว่างๆ ให้กลายเป็นห้องนอนปูนเปลือยสุดเท่ ถ้าได้เห็นรับรองว่าต้องอิจฉาแน่นอน ลองมาชมกันเลยครับ
Review : แต่งห้องนอนฉบับ DIY ในสไตล์ “อินดัสเทรียล ลอฟท์” ความดิบ ที่นอนได้
(รีวิวโดย เบชิต้าน้อย แห่งดาวนาแมกซ์)
วันนี้อยากจะเล่าเพื่อแบ่งปันวิธีตกแต่งห้องนอนแนวลอฟท์ง่ายๆ ด้วยตัวเองกัน
เผื่อใครจะเกิดไอเดียเอาไปใช้ได้บ้างฮะ ไปเริ่มกันเลย…
ห้องนอนของผมมีขนาดแค่ 3.50×3.10 เมตร มีกระจกบานเลื่อนบานใหญ่ 2 ฝั่ง มีผนังสูงถึง 3.20 เมตรเลยทีเดียว…สูงมาก ตอนเห็นห้องนอนครั้งแรกทำเอาคิดหนักเลย เพราะถ้าวางตู้ก็ไม่เข้า สั่งตัดตู้ก็ราคาแพงเว่อร์วังมาก คงไม่ไหวแล้วกลัวได้แบบธรรมดา ไม่ถูกใจวัยใสแบบผมอีก…ก็เลยทำเองนี่แหละ แล้วความบันเทิงก็เริ่มต้นขึ้น…
ขั้นตอนแรกพยายามหาสไตล์ห้องที่ต้องการ
และแล้วก็มาจบที่แนวอินดัสเทรียล ลอฟท์ (Industrial Loft) ซึ่งโจทย์ในการทำห้องครั้งนี้ของผมมีไม่เยอะแค่
1. เป็นห้องที่ดูโล่งและไม่มีตู้เสื้อผ้า
2. มีความเป็นโชว์รูมเหมือนร้านเสื้อผ้า
3. ต้องมีที่วางรองเท้าที่โชว์ได้ **อันนี้สำคัญมากเพราะผมเป็นคนชอบรองเท้า ที่จริงอยากทำตู้เก็บรองเท้าแบบคุณเวย์ ไทยเทเนียม แต่ติดที่ห้องแสนจะเล็ก ฮืออ**
4. ต้องเป็นห้องที่มีความดิบหน่อย เก็บกดมานาน ฮ่า ๆ ตั้งแต่เล็กจนโตย้ายบ้านบ่อยมาก ทุกครั้งที่ย้ายก็ทำบ้านซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่หมด แล้วห้องนอนก็จะเป็นแนวติดวอลเปเปอร์เรียบ ๆ อบอุ่น เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดก็สั่งเป็นเซตเข้ามาเลย ซึ่งก็ตามใจตัวเองมากก็ไม่ได้ฮะ ต้องอิงความเห็นของพ่อกับแม่ด้วย แต่ครั้งนี้เป็นไงเป็นกัน จะทำห้องนอนขัดใจผู้ใหญ่ ฮ่า ๆ ๆ
5. ต้องทำได้จริงในงบประมาณที่ไม่เกิน 20,000 บาท (ไม่ใช่อะไรนะฮะ ตั้งงบห้องนอนไว้แค่นั้น ถ้าทำเองแล้วแพงกว่าซื้ออิเกียมามิกซ์ก็ไม่ไหวมั้ง แฮ่ ๆ)
เมื่อคิดได้แล้วปฏิบัติการก็เริ่มขึ้น เริ่มจากวัดขนาดส่วนสูงจริงของห้องทั้งหมดทุกด้าน แล้วเริ่มที่งานผนังก่อนเลย มาดูห้องตอนแรกกันฮะ
เนื่องจากผนังที่ผมเลือกตอนแรกคิดในใจแค่อยากได้ปูนดิบกับผนังอิฐแดง แต่ก็แอบกังวลเพราะทั้งชีวิตเคยอยู่แต่ห้องที่ติดวอลเปเปอร์
เลยไปเดินส่องดูลายวอลเปเปอร์ที่เป็นปูนเปลือยตามโฮมโปร ก็เจอที่ถูกใจบ้างแต่ก็ดุดัน มีความโหด ความเถื่อนมากไปหน่อย เลยตัดสินใจเรียกวอลเปเปอร์เจ้าประจำมาที่บ้านก่อน พอเปิดดูก็เจอลายผนังอิฐตรงผนังโชว์ที่ถูกใจได้อันนึงแล้ว ทางร้านก็แนะนำให้ผมติดสีพื้นด้วยแต่พอดูแล้วหาที่ถูกใจไม่ได้ แว่บนั้นในสมองก็สั่งการว่า ถ้าไม่ถูกใจห้ามสั่ง แค่ผนังปูนเองง่ายจะตาย ผมเลยสั่งวอลเปเปอร์ลายไปอย่างเดียว ซึ่งทางร้านจะมาติดให้ในอีก 3 วัน แต่เขาขอว่าก่อนจะมาติดเราต้องทาผนังให้เรียบร้อยก่อน และแล้วงานของผมก็เริ่มต้นขึ้น!
เพราะงานผนังเปลือยเป็นอะไรที่ผมไม่เคยทำมาก่อน
เลยแวะไปที่พึ่งเดิม Home Pro แล้วก็ได้พบสีที่น่าทึงตัวนึง คือ สีลวดลาย Nippon Momento Elegant ผมจึงเลือกซื้อมาซึ่งห้องของผมมีส่วนผนังที่จะต้องทาไม่ถึง 30 ตร.ม. เลยซื้อสีมา 2 แกลอน (1แกลอน : 15-20 ตรม.) พนักงานเค้าบอกมาครับ ^^ ซึ่งในส่วนของงานผนังปูนเปลือยนี้ ผมได้ซื้อทั้งหมด 3 อย่างคือ
– สีรองพื้นปูนเก่า Primer
– สีทาพื้นผิว Nippon Momento Elegant : Sparkle Silver (สีตัวนี้ตอนเห็นในชาร์ตสี กลัวมันอ่อนไปพนักงานเลยใส่แม่สีดำเพิ่มไปให้ ฮี่ๆๆ แหล่มกบเลย)
– เคลือบเงา Clear Coat
ได้เวลาทำงานสี
เริ่มด้วยทาสีรองพื้นปูนเก่าเพื่อให้สีที่ทาติดทนนาน
ทาเสร็จทิ้งไว้ 40 นาทีแล้วทาซ้ำอีกรอบ
แล้วก็นอนผึ่งพุงรอยาวไป 3 ชั่วโมง แล้วต่อด้วยทาสีสร้างลวดลายกันเลย
ตัวสีเป็นสีพร้อมใช้เลย
ขั้นตอนก็ไม่ยากแค่…. เอาแปรงจุ่มสี แล้วทาบนผนัง (*ขั้นตอนที่สำคัญสุดสำหรับลายต่างๆ ถ้าต้องการให้ลายไปในทางไหนให้วาดในขั้นตอนนี้ไปเลย~)
ทาได้พื้นที่ประมาณ 1 ตร.ม. ก็เอาเกียงพลาสติกที่แถมมาปาดกลับไปมาได้เล๊ยยยย สีจะอ่อนจะเข้มก็อยู่ที่ขั้นตอนนี้ ถ้าต้องการสีอ่อนก็ปาดเยอะๆ (**สีจะยิ่งเทา แต่ผมไม่อยากได้สีเทาอ่อน เลยปาดแค่เล็กน้อยพอกรุบกริบ ^^)
ทาไป ฟังเพลงไปเพลินๆ เกือบเสร็จผนังนึงแล้ววววว
เฮ่ กว่าจะทาแล้วให้ลายได้อย่างใจ พอทาเสร็จความเก่งก็มา ฮ่าา
เมื่อทาครบทั้ง 2 รอบแล้วก็เป็นอันเสร็จ(สำหรับวันนี้)
เฮ้ออออ ออกมาเฟี้ยวฟ้าว กระดิ่งแมวอย่างใจคิด TT.TT ปริ่มมาก
เอาหละเช้าวันถัดไป ผนังแห้งสนิทแล้ว(จะเป็นเหมือนสีทาแบบด้านๆ)
ถึงเวลาทาเคลือบสี เพื่อให้สีดูเงาดูเป็นปูนเก่าที่สะอาดสะอ้าน และทนทานมากขึ้น ลื่นปรึ๊ด ลื่นปรึ๊ดดด
เนื้อสีเคลียร์โค้ด จะเป็นสีขาวขุ่นๆ
แต่พอทาไปแล้วจะแห้งและใสไปเอง ผมทาไปเต็มพื้นที่ 2 แกลอน ทาได้ 3 รอบเลยน๊า เงาแว๊บ มันแพล่บเลย~
รวมใช้เวลาทาสีผนังทั้งหมด 2 วัน
ทันเวลาที่ช่างจะมาติดวอลเปเปอร์พอดี
ครบ 3 วันช่างก็มาติดวอลเปเปอร์ลายที่สั่งไว้
ตื่นเต้นมากว่ามันจะออกมาเป็นยังไง >< เหตุผลที่ติดเป็นวอลเปเปอร์แทนการใช้อิฐจริง เพราะคิดว่าถ้าทำผนังอิฐเรียงกันที่ผนัง เนื่องจากเป็นกำแพงสูงจะทำความสะอาดยาก และอาจจะสะสมฝุ่น เลยต้องตัดใจเลือกเป็นวอลฯแทนฮะ
ช่างมาติดแบ้ววววว
กำลังติดกันท่ามกลางอากาศที่ร้อนราวอยู่กลางทะเลทราย ฮี่ๆๆ
เฮ้ๆๆๆ ติดเสร็จแล้ว
หน้าตาก็ออกมาประมาณนี้เลย… ง่อวว สวยถูกใจมาก
การทำห้องที่แท้จริง..ได้มาถึงแล้ว!!!
ว่ะฮ่าๆๆๆๆ พอเห็นงานแล้วจะร้องไห้ดีมั้ย…
ก่อนอื่นต้องทำการร่างแบบและคิดคร่าวๆเกี่ยวกับ รูปแบบ อุปกรณ์ วัสดุต่างๆที่ต้องใช้ รวมทั้งแหล่งจัดซื้อต่างๆ
อันนี้คือแบบที่ผมร่างไว้คร่าวๆด้วยดินสอ(ไม่ถนัดการใช้โปรแกรมแบบคนอื่นเค้า เลยต้องพึ่งวิธีเบสิก55) อาจจะเน่าไปหน่อย เขินจุง
การร่างแบบสำคัญมาก
กับการสั่งของต่างๆ ผมเลยวาดค่อนข้างละเอียด เพื่อกำหนดขนาดของที่จะต้องสั่งได้ครบถ้วนถูกต้อง งานเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกทำครั้งนี้ เป็นแบบดิบๆที่ทำจากท่อแป๊บเหล็ก ผสมกับไม้(พาเลทนอก)
ส่วนของงานท่อแป๊บนั้น…
ท่อที่เลือกใช้คือ ท่อกัลวาไนซ์ ขนาด 1/2นิ้ว หรือ 4 หุน ท่อคาดฟ้า | ผมว่ามันทำด้วยตัวเองได้ง่ายๆเลยนะ แต่ที่จะยากคือการหาร้านที่จะรับทั้งตัดท่อแป๊บและต๊าปเกลียวด้วยซึ่งมันเป็นงานจุกจิก ร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไปไม่ค่อยรับ และยิ่งตอนนี้เฟอร์แนวนี้เป็นที่นิยม ร้านค้าต่างๆที่รับตัดเหล็กเลยพากันทำในราคาที่แพงหูฉี่มากกกกก จนงงว่า “อะไรกันแค่ตัดแป๊บเหล็กเนี่ยนะ??”
ตอนหาร้านก็ถอดใจไปมาก เพราะส่งไลน์ไปถามมาสองเจ้าราคาโหดเหี้ยมมั่ก แค่ตัดเหล็กที่รวมความยาว 11 เมตร เค้าคิด 8,000 บาท+ต๊าปเกลียวแพงมากฮะ เหมือนโชคดีของผม ที่เสิร์ชกูเกิ้ลไปเจอร้านนึงที่เค้ารับตัดแป๊บตามขนาด พร้อมต๊าปเกลียวด้วยเลยไลน์ไปถามราคา เจ้าของร้านดีมากครับ นับเป็นเจ้าแรกที่ตอบผมเร็วมาก และกระตือรือร้นแถมราคา ตัดเหล็ก+ต๊าปเกลียว+น็อตและข้อต่อต่างๆ = 3700 บาท + 278 บาท(ค่าส่ง)เท่านั้นเอง แถมถ้าสั่งปุ๊บพรุ่งนี้รอรับของที่บ้านได้เลย บริการเร็วอย่างกับนั่งมอไซต์ไปปากซอย
ได้เหล็กแป๊บมาแล้วก็จัดแจงพ่นสีเหล็กให้เป็นสีดำ **ก่อนพ่นสีจริงและสีรองพื้น ควรทำความสะอาดเหล็กด้วยน้ำสบู่/ผงซักฟอก** จากนั้นก็พ่นสีรองพื้น ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วพ่นสีจริง
พ่นสีรองพื้นสีเทา เกร๋ๆ
แห้งแล้วก็พ่นสีดำด้านทับไปโล๊ดดดดด หล่อๆ
ประกอบตามแบบที่ร่างไว้
เสร็จแล้วไปประกอบติดผนังกันเลย
ลุ้นมากๆ ว่าจะออกมาได้ตามแบบรึเปล่า ไข ไข ไข ไข ไข อัดให้แน่น แล้วก็ตู้มมมม กลายเป็น ราวติดผนัง
วันนี้ติดเฉพาะราวที่ไม่ต้องมีไม้เป็นส่วนประกอบไปก่อน มี 3 ราว
ราวที่ 1
ราวที่ 2
ราวที่ 3
ส่วนของงานไม้พาเลทนั้น…
ไม้พาเลทที่ผมเลือกใช้หาซื้อจากร้านแถวๆบ้าน ย่านบางนา-ตราด กม.20 ร้านนี้เสิร์ชเจอในกูเกิ้ลอีกเช่นกัน ฮี่ๆๆๆๆ แฟนพันธุ์แท้กูเกิ้ล //0//
ร้านนี้เค้าโฆษณาว่าไม้พาเลทเกรทเอ เนื้อขาว ซึ่งราคาก็ไม่แพง ราคามาตรฐานอยู่ที่ 180 บาทต่ออัน ในร้านมีหลายขนาดให้เลือก
ผมเลือกซื้อมาสองแบบ แบบแรกเป็นพาเลทนอกยุโรปขนาด 80×120 ราคา 180 บาท 8 อัน(**ใช้ทำเตียงนอน) และอีกอันเป็นพาเลทญี่ปุ่น(**เอามาทำโต๊ะ) ขนาด 86×135 ตัวนี้ถูกมากและเนื้อสวยมากๆราคาแค่ 100 บาทเท่านั้นเพราะเป็นขนาดที่ไม่นิยมกัน เลยเอามา 1 อัน พร้อมกับซื้อไม้แกะแล้วแบบยกมัด 10 แผ่นขนาด 10×120 มาอีก 1มัดในราคาแค่ 100 บาท รวมเสียกะค่าพาเลทไปแค่ 1,640 บาทเท่านั้นเอง แหล่มกบ
ไม้กองเต็มบ้าน ฮ่าๆๆ
อันที่เป็นไม้สีเข้ม
มีตราปั้มสวยๆคือของญี่ปุ่น(ทางร้านว่างั้น) ที่จะเอามาทำโต๊ะวางของ วางคอมฯ
เริ่มจากงานยาก งานละเอียด ขัดเสี้ยนด้วยกระดาษทรายเบอร์ 5
ที่ไม่ยอมใช้เครื่องขัดเพราะคิดว่าแค่นิดเดียวเอง เหอๆๆๆๆๆๆ ไม่เคยใช้แรงมานานพอมาทำอะไรแบบนี้ถึงกับปวดตัว
..ตอนขัดชิลมาก…วันถัดไปเกือบตาย!!! ฮ่าๆๆๆ
รวมอุปกรณ์ที่ต้องใช้
กระดาษทรายหยาบ และละเอียด , สีย้อมไม้ , แปรงขนอ่อน และแรงงานตัวเอง แง่ะ -.- หลังจากขัดเสี้ยนแล้วก็สวยวิ้ง เห็นลายไม้ชัดเจนสวยขั้นระดับซุปเปอร์!! ทึ่งตัวเองทำไปได้
ขั้นตอนต่อไปก็ละเลงสีย้อมไม้กันเลย
ผมทำตามวิธีที่ข้างแกลอนแนะนำเลย คือต้องทารอบแรก ทิ้งให้แห้งแล้วขัดด้วยกระดาษทรายละเอียด ทาซ้ำรอบ 2 แล้วขัดด้วยกระดาษทรายอีกรอบ ส่วนรอบที่ 3 หรือรอบสุดท้ายแค่ทาแล้วปล่อยให้แห้งสนิท ก็จะได้เนื้อไม้ที่ปริ้งปรั้ง ฟรุ้งฟริ้ง อย่างกับไม้เฟอร์นิเจอร์ทั่วไปเลยทีเดียว~~
เวลาทาจะเห็นความต่างของสีไม้ชัดเจนมากฮะ
ยิ่งทายิ่งฟินนนนน ทำไปยิ้มไป…. ท่าทางจะไม่เต็มฮะ 5555
พอชัดเสร็จหมดแล้ว ได้เวลาแยกมาทำโต๊ะอเนกประสงค์
ในส่วนของการทำโต๊ะอเนกประสงค์นั้น อุปกรณ์ในการตัดไม้ก็ไม่ได้ยากเกินไป แต่ทุกอย่างก็ใหมหมดสำหรับผม 55555 ตอนแรกคิดหนักว่าจะเลื่อยยังไงไม้มันก็แอบแข็ง แต่บังเอิญพ่อบอกว่าที่บ้านมีลูกหมูที่เปลี่ยนใบไว้ตัดไม้ได้ ก็สนุกสิฮะงานนี้ ฮี่ๆๆๆๆๆๆ ครั้งแรกในชีวิตที่จับลูกหมูตัดไม้…
เริ่มด้วยการตัดแบ่งไม้พาเลทออกเป็น 2 ส่วน
แล้วเก็บงานขัดไม้ ทาสีย้อมไม้กันอีกรอบ
ทากาวลาเท็กซ์ไม้
ให้ทั่วในบริเวณที่จะประกบไม้เข้าด้วยกัน
ประกบไม้เสร็จแล้วก็จะได้แบบนี้เลย
สวยอย่างที่คิดไว้เลย
ตั้งใจจะให้โต๊ะตัวนี้เลื่อนไปมาได้
เลยต้องเพิ่มล้อเข้าไปซะหน่อย ไขกันยาวไป 55555
เพิ่มความเก๋ไก๋สไลเดอร์ของโต๊ะด้วยตัวล็อค “สายยู”
ราคาแค่ 13 บาทเอง!!! ข้อดีอีกอย่างของการติดสายยู ก็เพื่อให้ไม้ติดกัน ไม่เคลื่อนตัว
เสร็จเรียบร้อยหน้าตาแบบนี้เลย
หล่ออย่าบอกใครเลยใช่มั้ยล่ะฮะ ^___________^
จบไปอีกหนึ่งชิ้นที่แสนจะภูมิใจ
มาต่อที่ส่วนของแผ่นไม้ ชั้นวางของที่จะใช้ไม้พาเลทขนาด 10×120 มาต่อกัน ซึ่งการต่อของผมก็แสนจะง่าย 5555 แค่เอาไม้ประกบเป็นคานด้านใต้ 2 ฝั่งหัวท้าย แล้วยึดไม้เข้าด้วยน็อตตามมีตามเกิด -.-” มีน็อตแบบไหนก็ใช้แบบนั้นฮะ แฮ่ๆๆๆ
หลังจากยึดไม้แล้ว
ก็ขัดและทาสีย้อมไม้ไปตากแดด (อีกแล้ว)
เจาะรูไม้ตามขนาดท่อแป๊บ
อุปกรณ์ในการเจาะไม้หาซื้อได้ตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไปราคาไม่แพงครับ ไม่เกิน 200-300 บาท ซึ้อแล้วคุ้มฮะ
เป็นรูปกลม น่ารัก สวยงาม
แต่ดำไปหน่อยเพราะเวลาสว่านเจาะมันร้อน ไม้งี้ไหม้เป็นควันขึ้นมาเลย
ได้เวลานำไปประกอบเข้ากับตัวท่อแป๊บ
ตามขนาด ตามแบบต่างๆ มาได้เกินครึ่งทางแล้ว เฮ้ๆๆๆ
ประกอบแล้วอย่ารีรอครับ ไปติดตั้งกันเลย….. เห่อมากกก
เวลายึดติดกำแพงต้องให้พี่มาช่วยครับ เค้าถนัดด้านเจาะ
ยึดราวฝั่งผนังเสร็จหมดแล้ว รวมทั้งดาร์ดบอร์ดแสนรัก
จากนั้นก็ยึดชั้นวางหมวกบนหัวเตียง แหล่มกบไปเล๊ยยยยยย ไม่ได้ถ่ายตอนทำไว้แต่อันนี้ไม่ยากครับ แค่วัดแล้วเจาะง่ายๆ
สภาพหลังจากที่ติดชั้นวาง ยกไม้พาเลทมาวางเป็นเตียง และเอาโต๊ะอเนกประสงค์ขึ้นมาไว้บนห้องแล้ว
รกมากไปหน่อยพอดีว่าตั้งแต่ย้ายบ้านและทำห้องมาก็ ย้ายตัวไปแทรกนอนตามหลืบตามรูที่ห้องพี่ชายมาตลอด แฮ่ๆๆ อายจุง
จากนั้นก็นำมาประกบติดเป็นแผ่นเดียวกัน
ด้วยการเอาไม้มายึดตรงกลางรอยต่อ
ต่อเสร็จแล้ว นำไม้ส่วนที่เหลือมาตอกขวางตามร่อง
เอาหละเมื่อเสร็จทั้งหมดก็ยกไปตั้งบนห้องได้เล๊ยยยยย ปล.ตอนยกควรมีผู้ช่วยเพราะมันหนักจริงๆฮะ ยกสองคนยังเฮือกเลย
สุดท้ายก็ได้เวลาอัดรูปเพื่อมาตกแต่งเพิ่มเติม เพิ่มความสุนทรีย์ในห้องสักหน่อย ผมเลือกอัดรูปจากที่ตัวเองเคยถ่ายมา ผมว่ามันทรงคุณค่าทางจิตใจดีนะ ห้องตัวเองจะมีรูปที่คนอื่นถ่ายมันก็ไม่แนวป่ะ ส่วนกรอบรูปที่ใช้ผมหาขนาดตามที่ต้องการยากมาก จึงได้สั่งตัดกรอบร้านลุงแถวๆบ้าน ซึ่งถูกมากกกกกกกก จริงๆถ้าอยากได้กรอบรูปแนะนำเลยว่าไปสั่งตัดตามร้านเก่าแก่ดีกว่า เค้าไม่ค่อยชาร์จเยอะ แถมบริการดีเป็นเลิศไม่ต้องรอนานด้วยนะ
มาดูรูปที่ผมเลือกกัน
พอใส่กรอบแล้วดูมีชีวิต
ดูงามขึ้นอีก 50 เปอร์เซนต์เลย
เป็นอันเสร็จหมดทุกอย่าง
มาดูกันว่าหลังจากจัดห้องแล้วหน้าตาจะออกมาเป็นยังไงบ้าง ตามมาดูกันเล๊ยยยยยย
โต๊ะไม้พาเลทที่แสนจะภูมิใจ
ได้สั่งตัดกระจกมาวางปิดหน้าเพื่อทำเป็นโต๊ะได้ด้วย ที่สำคัญวางของแล้วมองเห็นได้อีกต่างหาก เหมาะมากสำหรับคนชอบหาของไม่เจอ 55555
เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครครับ
ในส่วนของราวแขวนเสื้อผ้าแบบเปลือย
ตอบโจทย์ที่อยากได้แบบร้านขายเสื้อผ้า
ราวแขวนกางเกงแนวๆ
ชั้นวางซีดี
วางหนังสือก็ได้นะ ฮี่ๆๆๆๆๆ
เตียงนอนไม้พาเลท
มีช่องว่างสำหรับเก็บของได้ด้วย เป็นไอเทมที่คุ้มค่ามาก
ในด้านฝั่งที่นอน และชั้นวางหมวก
อาจมีการต่อเพิ่มชั้นไปในอนาคต ตามปริมาณหมวกที่เพิ่มขึ้น 5555
ชั้นวางรองเท้า (ส่วนนึง)
มาจบสุดท้ายด้วยมุมที่นอนมองเห็นทุกคืน
นอนเองก็คิดว่าไม่ใช่ห้องตัวเอง ปลื้มปริ่ม
สุดท้ายสภาพจริง
หลังจากใช้วิธีการทุบพุง ยึดคอมพี่ชายมาใช้เพื่อรวมรูปลงพันทิปฮะ 55555
สรุปห้องนี้ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด อยู่ที่ 18000+ นิดหน่อย ถือว่าคุ้มค่าการลงทุนลงแรงทีเดียวครับ
- ค่าวอลเปเปอร์ 5700
- ค่าแป๊บเหล็ก 3700+ค่าส่ง 278
- ค่าไม้พาเลท 9 อัน 1640 บาท
- ค่าชั้นวางหมวกที่ซื้อจากโฮมโปร ไม่เกิน 350 บาท
- ค่าปริ้นรูป+กรอบ ประมาณ 550 บาท
- ค่าตู้โชว์อีเกีย 1990 บาท
- ค่าไพรเมอร์รองพื้น+ค่าสีโมเม้นโต+เคลียร์โค้ดประมาณ 1700 บาทต่อ 1 ชุด ผมใช้ 2 ชุดเท่ากับประมาณ 3400 บาทครับ แต่ทั้งนี้ผมมีส่วนลดเงินสดของ Home Pro อยู่จึงได้ส่วนลดมากกว่าปกติ ทำให้การบอกราคาผิดพลาดครับ ต้องขออภัยอย่างสูง
- ค่าสีย้อมไม้+เครื่องมือ ประมาณ 850 บาท
- ค่าเครื่องมือจิปาถะประมาณ 500 บาท
- ค่ากิน…………(ไม่นับ ฮี่ๆๆ)
จบแล้วกับการทำห้องนอนกลิ่นอาย Industrial Loft ในแบบของผม ฮี่_________ฮี่
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ เพราะมันยาวมากกกกกกกกกก
หวังว่าจะเป็นไอเดียของผม จะเป็นประโยชน์และเป็นแรงฮึดให้กับคนที่อยากทำห้องด้วยตัวเองกันนะฮะ
การทำห้องด้วยตัวเอง ไม่ยากครับ ผมเองก็ไม่ใช่ช่างไม้ ไม่ใช่ช่างอะไรสักอย่าง เป็นแค่ ช่างมันเต๊อะ 55555 ยังทำได้เลย ขอแค่คุณมีใจรัก มีเวลา และมีความพยายามฮะ!!!
Industrail Loft ความดิบที่นอนได้ ไม่ยากอย่างที่คิด มาเริ่มสนุกกับการทำห้องกันเถอะ~~~~
เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่กำลังอยากทำห้องเองครับ
ที่มา : เบชิต้าน้อย แห่งดาวนาแมกซ์