ทุกวันนี้อุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเกิดขึ้นเรียกได้ว่าแทบจะทุกวัน สาเหตุก็มักจะมาจากการขับรถที่ประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ฝนตก ที่นอกจากจะทำให้ถนนลื่นและวิสัยทัศน์ในการมองถนนย่ำแย่ลงแล้ว ยังมีโอกาสทำให้รถยนต์เกิดอาการเหินน้ำ หรือที่เรียกกันว่า ไฮโดรเพลน (Hydroplane)
ไฮโดรเพลน หรืออาการเหินน้ำ คือการที่ล้อรถยนต์ วิ่งหมุนอย่างรวดเร็วผ่านพื้นผิวของของเหลวบนถนน เช่น น้ำขัง หรือโคลน ทำให้ล้อรถยนต์ไม่เกาะพื้นถนนจนสูญเสียการควบคุม และมีโอกาสสูงที่จะเกิดอันตรายถึงชีวิตครับ
สาเหตุที่ทำให้เกิดไฮโดรเพลน
1. หากขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่ฝนตก จะทำให้มีโอกาสเกิดไฮโดรเพลนสูงมาก
2. เมื่อล้อด้านเดียววิ่งลงไปบนแอ่งน้ำ จะทำให้รถเกิดการเสียสมดุล
3. หากดอกยางสึกมากเกินไป จนรีดน้ำออกไม่ทันเวลา จะทำให้เกิดอาการรถเหินน้ำ
4. การแตะเบรคอย่างรุนแรง จะทำให้ล้อรถยนต์หยุดชงักการรีดน้ำ อาจทำให้เกิดการเหินน้ำในทันที
5. การหักเลี้ยว/หมุนพวกมาลัยอย่างรุนแรง จะทำให้ล้อรถไม่สามารถรีดน้ำออกได้ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รถเหินน้ำ
วิธีป้องกันไฮโดรเพลน
1. ขับรถในความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฝนตก ท้องถนนบ้านเราก็มักจะมีน้ำขังเยอะเป็นพิเศษ
2. หมั่นตรวจสอบสภาพดอกยางรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเป็นประจำ
3. หากรถยนต์ของคุณมีระบบ Traction Control อย่าลืมเปิดใช้งานทุกเมื่อเวลาที่ถนนเปียก
4. หากรถยนต์เริ่มสูญเสียการควบคุมจากการเหินน้ำ อย่าได้เหยียบเบรคกระทันหันหรือหักล้อรถอย่างเต็มที่เป็นอันขาด เพราะจะยิ่งทำให้เกิดอาการเหินน้ำมากขึ้น แต่ให้ค่อยๆ ประคับประคองความเร็วและทิศทางให้อยู่ในระดับที่เราควบคุมได้
ที่สำคัญที่สุดก็คือ การขับรถด้วยความไม่ประมาท เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสการเกิดไฮโดรเพลนให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนฝนตก ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ
เวลาที่ฝนตก ขอให้นึกถึงไฮโดรเพลน และคนที่คอยเราอยู่ที่บ้าน ไปถึงช้าแต่ถึงแน่นอน ดีกว่าที่จะต้องเกิดการสูญเสียนะครับ ^_^
ที่มา : fbbattery, phithan-toyota, smartmotorist