อีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการหารายได้เสริม หรืออยากจะปลูกไว้ทานเอง ก็คือ “ถั่วงอก” นั่นเอง เป็นที่รู้กันดีว่าปลูกง่าย ใช้เวลาเพียง 3 – 4 วันก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว แถมยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย และตามร้านอาหารต่างๆ ก็ต้องมีถั่วงอกเป็นวัตถุดิบอีกด้วย
แต่กลับพบว่าถั่วงอกส่วนใหญ่ที่วางขายนั้น ประกอบไปด้วยสารอ้วน สารฟอกขาว และฟอร์มาลีน(สารคงความสด) ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายเพราะมีความเป็นพิษสูง
ดังนั้นใครที่อยากทานถั่วงอกที่สดสะอาด ปลอดสารเคมีล่ะก็ วันนี้ ในบ้าน มีวิธีเพาะถั่วงอกจาก มติชนออนไลน์ มาฝากกันครับ เป็นการเพาะในกระถาง ที่จะให้ผลลัพธ์ได้ต้นที่อวบ ขาวสวย ดูน่ารับประทาน แถมยังปลอดสารพิษอีกด้วยนะ ลองมาดูกันเลยครับ
ปัจจัยที่สำคัญในการเพาะถั่วงอก
เมล็ดถั่วที่นำมาเพาะเป็นถั่วงอกที่นิยมบริโภคที่สุดคือเมล็ดถั่วเขียวเมล็ดถั่วเขียวที่สามารถนำมาเพาะเป็นถั่วงอกนั้นมี2พันธุ์คือ ถั่วเขียวผิวมัน (เปลือกเมล็ดสีเขียว) และเมล็ดถั่วเขียวผิวดำ เมล็ดจะต้องใหม่ไม่เก่าเก็บเพราะอัตราการงอกจะลดลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บไว้ เมล็ดต้องสะอาด ไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ และจะต้องนำเมล็ดมาทำความสะอาดอย่างดีก่อนเพาะ
– โดยการแช่เมล็ดถั่วในน้ำอุ่น 50-60 องศาเซลเซียส (พอใช้มือสัมผัสได้) หรือผสมน้ำเดือดจัด 1 ส่วน กับน้ำเย็น 1-3 ส่วน แช่ทิ้งไว้จนน้ำเย็น แล้วแช่ต่อไปนาน 6-8 ชั่วโมง วิธีนี้นอกจากจะฆ่าเชื้อโรคแล้ว ยังกระตุ้นให้ถั่วงอกงอก ได้เร็วขึ้นด้วย เมล็ดพันธุ์ถั่วต้องดี มีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูง
สายพันธุ์ถั่วเขียวที่แนะนำคือ สายพันธุ์ “กำแพงแสน 2” เนื่องจากเป็นถั่วเขียวผิวมนเมล็ดใหญ่ มีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูงทำให้ถั่วงอกที่เพาะออกมา ต้นโต ยาว อวบอ้วน น่ารับประทาน
ภาชนะเพาะทำหน้าที่รองรับเมล็ดถั่ว ป้องกันแสงสว่าง ปรับสภาพความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการงอก จำกัดขอบเขตการงอกของถั่ว ทำให้ถั่วงอกมีลักษณะลำต้นอวบสั้น ภาชนะเพาะควรมีปากแคบเพื่อจำกัดการงอกของถั่ว ภาชนะดินเผาจะเก็บความชื้นได้ดีกว่าภาชนะพลาสติก แต่ภาชนะพลาสติกคงทน น้ำหนักเบา ราคาถูก ทำความสะอาดง่าย
โดยปกติเมล็ดถั่ว 1 ส่วน จะโตเป็นถั่วงอกประมาณ 5 – 6 เท่า โดยน้ำหนัก ดังนั้น ขนาดของภาชนะควรจะพอเหมาะกับปริมาณของเมล็ดถั่วที่เพาะด้วย ภาชนะเพาะควรมีสีทึบเพื่อป้องกันแสงสว่าง หรือเป็นภาชนะที่มีฝาปิดภาชนะเพาะจะต้องมีรูระบายน้ำทั้งด้านล่าง และด้านข้างขนาดของจะต้องเล็กกว่าเมล็ดถั่วภาชนะเพาะจะต้องสะอาดเสมอควรล้างทำความสะอาด คว่ำตากแดดให้แห้งหรือลวกน้ำร้อนฆ่าเชื้อโรค แล้วผึ่งแห้ง หลังจากใช้งานแล้วทุกครั้ง
น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับการเพาะ อาจจะเป็นน้ำจากแหล่งธรรมชาติ น้ำบาดาล หรือน้ำประปาที่สะอาดและมีอุณหภูมิปกติ เมล็ดถั่วจะต้องได้รับน้ำสะอาดและปริมาณที่พอเพียงสม่ำเสมอตลอดการเพาะ 2 – 3 วัน หากขาดน้ำจะทำให้การงอกชะงัก ไม่เติบโตสมบูรณ์
เพราะน้ำเป็นปัจจัยที่ทำให้ถั่วงอกเจริญเติบโต ระบายความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการงอก ความร้อนภายในภาชนะจะทำให้ถั่วเน่า ควรรดน้ำสะอาดสม่ำเสมอทุก 2 – 3 ชั่วโมง หากภาชนะเป็นพลาสติกและรดน้ำสะอาดทุก 3 – 4 ชั่วโมงหากภาชนะเป็นประเภทดินเผา
อุปกรณ์ที่ใช้ในขั้นตอนการเพาะถั่วงอกตัดรากในกระถาง
1. กระถางดินเผา ใช้ขนาดตามปริมาณที่ต้องการเพาะ ขนาดของกระถางควรไม่เล็กเกินไป ขนาดที่ใช้เพาะแบบคอนโด 3 ชั้นมีขนาด 25 x 45 เซนติเมตร ทำการเจาะท่อด้านล่าง 1 จุดเพื่อให้ระบายน้ำออก
2. ตะแกรงรองพื้นก้นกระถาง จำนวน 1 อันต่อกระถาง ซึ่งใช้ตะแกรงโลหะขนาดรูตาใหญ่ ตัดหรือดัดให้พอดีกับก้นกระถางยกให้สูงจากพื้นเล็กน้อยเพื่อให้มีการระบายน้ำได้สะดวก (ตัวอย่าง ใช้ตะแกรงรองก้นหม้อกันร้อน)
3. ตะแกรงเกล็ดปลา เป็นตะแกรงพลาสติกที่มีรูละเอียดมีขนาดของรู กว้าง x ยาว 4-5 มิลลิเมตรเท่านั้น หรือดูให้มีรูตาเล็กกว่าเมล็ดถั่วเขียวป้องกันการหลุดร่วง ตะแกรงชนิดนี้มีจำหน่ายตามร้านวัสดุก่อสร้าง
เมื่อเมล็ดถั่วเขียวงอก ส่วนของรากจะแทงทะลุตะแกรงออกมา ส่วนของต้นจะตั้งตรง สะดวกต่อการตัดต้นถั่วงอกออกจากตะแกรง ในการเพาะถั่วงอกตัดรากไร้สารพิษต่อ 1 กระถาง จะใช้ตะแกรงรองพื้น 1 แผ่นและตะแกรงเกล็ดปลาจำนวน 5 แผ่น
4. กระสอบป่าน ประโยชน์ของการใช้กระสอบป่านหรือกระสอบข้าวเปลือก เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่เมล็ดถั่วเขียวที่ทำการเพาะและสามารถซักทำความสะอาดได้หลายครั้งหลังจากเพาะถั่วงอกในแต่ละครั้งจะต้องตัดกระสอบป่านให้มีขนาดเท่ากับตะแกรงเกล็ดปลาและจะใช้จำนวน5ผืนต่อการเพาะถั่วงอก1กระถาง
5. ผ้าสักหลาดสีดำ หรือผ้าที่แสงสามารถส่องผ่านเข้าได้ยาก 1 ผืนติดกันเป็นผืนใหญ่เอาไว้คลุมหลังจากที่เพาะถั่วงอกเสร็จตามขั้นตอน
ขั้นตอนการเพาะถั่วงอกตัดรากในกระถาง
1. ขั้นตอนแรกให้ทำการแช่เมล็ดถั่วเขียว ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องให้ความสำคัญมาก เมื่อคัดเมล็ดที่แตก เมล็ดลีบหรือเมล็ดที่ถูกแมลงเจาะทำลายออกด้วยมือแล้ว ให้นำมาล้างน้ำสะอาด 2-3 น้ำ ถ้าพบเมล็ดถั่วที่ลอยน้ำขึ้นมาให้รินทิ้งไปพร้อมกับน้ำได้เลยเพราะเป็นเมล็ดที่ไม่งอก
ต่อมาให้เตรียมน้ำอุ่นสำหรับแช่เมล็ดถั่วเขียวในการเตรียมน้ำอุ่นให้ใช้น้ำต้มเดือด 1 ส่วน ผสมกับน้ำเย็นธรรมดา 3 ส่วน ก่อนจะนำเมล็ดถั่วเขียวมาแช่ในถังพลาสติกให้น้ำอุ่นท่วมเมล็ดสูงขึ้นมาสัก 1-2 นิ้ว แช่ไว้นาน 8 ชั่วโมง ประโยชน์ของการแช่เมล็ดในน้ำอุ่น จะช่วยให้ถั่วเขียวงอกได้เร็วขึ้
** เมื่อแช่ครบ 8 ชั่วโมงแล้ว จะสังเกตเห็นเมล็ดถั่วเขียวพองตัวใหญ่กว่าเดิมประมาณ 1 เท่า ซึ่งจะสังเกตได้จากเปลือกหุ้มเมล็ดที่ปริออก มีตุ่มรากงอกออกมาให้เห็น แล้วทำการรินน้ำที่แช่เมล็ดถั่วเขียวออกล้างเมล็ดถั่วเขียวด้วยน้ำสะอาดอีก 3 น้ำ เพื่อมั่นใจในความสะอาด และมีส่วนที่เป็นเปลือกหุ้มเมล็ดถั่วก็จะหลุดออกไปบางส่วน
2. เมื่อแช่เมล็ดถั่วเขียวครบ 8 ชั่วโมงแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนของการเพาะ
3. ขั้นแรกนำตะแกรงโลหะที่เตรียมไว้วางเป็นฐานรองก้นกระถาง
4. วางตะแกรงเกล็ดปลาทับบนตะแกรงโลหะ
5. วางกระสอบป่านบนตะแกรงเกล็ดปลา
6. เมื่อวางกระสอบป่านแล้วให้โรยเมล็ดถั่วเขียวให้ทั่วตะแกรงเกล็ดปลา การโรยเมล็ดนั้นควรโรยให้มีความสูงประมาณ 1 เซนติเมตร หมดขั้นตอนนี้ถือว่าเสร็จชั้นที่ 1
7. เมื่อเสร็จชั้นที่ 1 แล้วให้นำตะแกรงเกล็ดปลาวางทับตามด้วยกระสอบป่าน 1 ผืน แล้วโรยเมล็ดอีกครั้ง ทำอย่างนี้อีก 2 ชั้น ให้ครบ 3 ชั้น
8. เมื่อครบ 3 ชั้นแล้ว ชั้นบนสุด ให้วางตะแกรงเกล็ดปลา และกระสอบป่าน 2 ผืน เพื่อเพิ่มการรักษาความชื้นให้กับเมล็ดถั่วเขียว จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มบ่อ แล้วคลุมด้วยผ้าสักหลาดสีดำเพื่อไม่ให้แสงเข้าถึง
9. เมื่อทำครบทุกขั้นตอนแล้ว ให้รอเวลารดน้ำ ซึ่งการรดน้ำถั่วงอกนั้น ให้รดทุก ๆ 4 ชั่วโมง และควรเริ่มต้นในเวลาเดียวกับที่โรยเมล็ดถั่ว เช่น โรยเมล็ดถั่วตอน 8 โมงเช้า ก็ควรเริ่มต้นการรดน้ำที่ 8 โมงด้วยเช่นกัน
10. เมื่อครบ 3 วันแล้วก็สามารถนำแผงถั่วงอกที่เพาะออกมาตัดรับประทานได้เลย
ที่มา : Matichon Online