การมีบ้าน เป็นความฝันและความคาดหวังของใครหลายคน เพราะบ้านเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามาก การจะซื้อหรือสร้างบ้านสักหลังจึงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก นั้นจึงทำให้การจะสร้างบ้านเราจะต้องคำนึงถึงสถาปนิกและผู้รับเหมาที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อป้องกันปัญหาจากการสร้างบ้าน
วันนี้ ในบ้าน จึงจะพาไปชมเรื่องราว “บ้านฟ้าบ่กั้น” การสร้างบ้านหลังแรกโดยทำงานร่วมกับสถาปนิกและผู้รับเหมา ของคุณ hola_mundo เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางให้เพื่อน ๆ ที่กำลังจะสร้างบ้านได้ลองมาศึกษากันดู ไปรับชมเรื่องราวครั้งนี้กันเลยจ้า
สร้างบ้านหลังแรกยังไงไม่ให้ปวดหัว:
แชร์ประสบการณ์การทำงานกับสถาปนิก และผรม.
(โดยคุณ hola_mundo)
วันนี้ตั้งใจมาเล่าประสบการณ์การสร้างบ้านหลังแรกในชีวิตและการทำงานร่วมกับสถาปนิกและผู้รับเหมา เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังวางแผนจะสร้างบ้านนะคะ
เนื่องจากสไตล์บ้านที่เราสองคนชอบไม่มีขายตามบ้านจัดสรรทั่วไป (หรือมีก็แพงมากกก หลายสิบล้าน สู้ราคาไม่ไหวแน่ๆ) จึงเป็นที่มาของการว่าจ้างสถาปนิกให้ออกแบบ โดยตีความตามโจทย์ที่เราให้ไป
กระทู้นี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน ก่อนสร้างบ้าน (เป็นช่วงเวลาที่เจ้าของบ้านทำงานอย่างหนัก) ระหว่างสร้างบ้าน (สถาปนิกและผู้รับเหมาประสานพลังโชว์ของ) และหลังเข้าอยู่ (ฟีดแบคเกี่ยวกับบ้านหลังการได้เข้าอยู่จริง)
ขอบอกก่อนว่า เราไม่ใด้ร่ำรวยอะไรเลย เป็นชนชั้นกลางมนุษย์ทำงานทั่วไป มีงบในการทำบ้านไม่มาก โดยเงินที่สร้างบ้านก็มาจากการกู้ธนาคาร โชคดีตรงที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง เลยเบาภาระตรงนี้หน่อย ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ
บ้านฟ้าบ่กั้น
ที่ตั้ง: จ.ขอนแก่น
พื้นที่ใช้สอย: 235 ตรม. (4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ)
งบประมาณการก่อสร้าง: 4 ล้านบาท (ไม่รวม built-in)
1. ก่อนสร้างบ้าน
1.1 หาสไตล์บ้านที่ชอบ
ตั้งแต่ตัดสินใจกับแฟนว่าจะสร้างบ้าน เราสองคนใช้เวลาในการหาข้อมูลอยู่ปีครึ่ง หากรู้สไตล์บ้านที่ชอบอยู่ก็ย่นเวลาตรงนี้ได้เลยนะคะ โดยเราและแฟนจะทำการบ้านของตัวเองว่าบ้านที่ชอบเป็นแบบไหน
หลังจากนั้นก็จะมาคุยกันว่าแนวทางที่เราสองคนชอบเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โชคดีที่เราสองคนชอบอะไรคล้ายๆกัน เลยเถียงกันไม่มาก (แต่ก็ไม่น้อย 555) แนะนำให้โหลดแอป Pinterest มาใช้ดู เพราะมีไอเดียทำบ้านสวยๆเยอะมาก หลายสไตล์ มีทั้งของไทยและเมืองนอก
ใครที่กำลังสร้างบ้านอยู่แนะนำเลยค่ะ สร้างบัญชีผู้ใช้ แล้วก็พิมพ์หาแนวทางบ้านที่ชอบได้เลย โดยเราสามารถเซฟภาพแล้วตั้งเป็นอัลบั้มแบ่งเป็นห้องๆได้ พอจะคุยเรื่องบ้าน ก็เปิดรูปที่เซฟไว้ขึ้นมา เนื่องจากการสร้างบ้านมีรายละเอียดเยอะมาก
เพราะฉะนั้นเราต้องตัดสินใจเรื่องต่างๆเยอะมาก จะเอาสไตล์ไหน วัสดุอะไร ตั้งแต่หลังคา ยันประตู หน้าต่าง สี ระเบียง บันได ฯลฯ (ยกเว้นว่าเรายกให้สถาปนิกจัดการให้หมดเลย) ดังนั้น แนะนำว่าให้ทำการบ้านตรงส่วนนี้ดีๆ และเตรียม รูป reference ไว้
1.2 ลิสต์ functions/ความต้องการให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด
คิดว่าใครๆก็เป็นค่ะ ก่อนสร้างบ้านอยากได้ห้องต่างๆมากมาย อยากมีมุมตรงนู้นตรงนี้เอาไว้รับแขก บ้างอยากมีสระว่ายน้ำ มีเรือนเพาะชำ มีสนามหญ้ากว้าง ๆ มีบ่อปลา ฯลฯ ถ้ามีงบไม่จำกัด จัดเลยนะคะ แต่หากงบมีจำกัด เราต้องตัดทอนเหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
(ถ้าตัดใจไม่ได้ แนะนำให้แบ่งทำเป็นเฟสๆ เช่น อีกสองสามปีให้หลัง หรือถ้าสร้างเสร็จแล้วเงินเหลือ ค่อยทำเพิ่มก็ได้ )
นอกจากนี้ อย่าลืมคิดเรื่องการดูแลรักษาหลังบ้านสร้างเสร็จด้วยนะคะ เช่น ใครจะรดน้ำต้นไม้ ใครจะตัดหญ้า เพราะบอกเลยว่าการดูแลสวนเหนื่อยเอาการเลยค่ะ
วิธีคำนวนราคาค่าก่อสร้างคร่าวๆคือ พื้นที่ใช้สอย (ตรม.) x ค่าก่อสร้าง เฉลี่ยอยู่ที่ 16,000-25,000 บ. ซึ่งขึ้นอยู่กับเกรดของวัสดุ ก็จะได้ราคาบ้านหนึ่งหลัง เช่น หากบ้านมีพื้นที่ใช้สอย 200 ตรม. ก็จะตกประมาณ 3.2- 5 ล้าน)
โน้ตว่า อันนี้เฉพาะค่าก่อสร้างที่เป็นตัวบ้านอย่างเดียวนะยังไม่รวมค่าถมดินก่อนสร้าง ค่าทำถนนเข้าบ้าน ค่าติดม่าน-มุ้งลวด ต้นไม้ (บ้านของเราเอาไม้ล้อมมาลง 7 ต้น) ค่าทำสวน ทำรั้ว ค่า Built-in ฯลฯ
ดังนั้น เจ้าของบ้านควรจะกันเงินไว้อีกประมาณ 30-40% เพราะจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามาอีกหลายรายการที่เราอาจจะไม่ได้คิดรวมเข้าไปในตอนแรก นี่แหละค่ะ มันจะบานก็ตรงนี้ ดังนั้น อะไรที่ตัดหรือรอได้ ให้ตัดออกตอนนี้เลยค่ะ
1.3 หาความรู้เรื่องการสร้างบ้าน
ขอบอกว่าเราอ่านกระทู้ ตามเพจ และดูรายการเกี่ยวกับการสร้างบ้านไปเยอะมากกก เวปไซต์ที่มีแบบบ้านสวยๆก็มีหลายเวปเลย ที่เข้าไปดูบ่อย ๆ ก็จะเป็นบ้านและสวน และเพจ Dsign Something เพจนี้จะทำเป็นคลิปวิดิโอสั้นๆสัมภาษณ์สถาปนิกด้วยค่ะ เราชอบมาก เพราะได้ฟังแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบ
หลายกระทู้ที่ได้อ่านก็ทำให้กังวลใจเหมือนกัน เช่น เรื่องผู้รับเหมา หลายคนเจอทีมไม่ดี ไม่รับผิดชอบ ทิ้งงาน หรือมารู้ตัวอีกทีหลังเข้าอยู่แล้ว ตามซ่อมบ้านไม่มีวันเสร็จ อ่านแล้วก็ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ มากค่ะ นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่เราตัดสินใจจ้างสถาปนิก เพราะสถาปนิกจะช่วยคุมงานก่อสร้างและช่วยดีลกับผรม. เพื่อให้งานออกมาดีแบบที่ควรจะเป็น
เนื่องจากการสร้างบ้านมีรายละเอียดเยอะ บางเรื่องเราก็ไม่ถนัด ก็จะแบ่งงานกับแฟนค่ะ เช่น ให้แฟนดูเรื่องน้ำ-ไฟ หรือติดต่อราชการต่างๆนานา (เพราะแฟนจะใจเย็นกว่าเรามาก 555) ส่วนเราจะดูเรื่องทำจ่ายเงิน ฯลฯ ที่เขียนเล่ามาไม่ได้จะทำให้ท้อใจนะคะว่าทำไมรายละเอียดเยอะจัง
ส่วนตัวมองว่าสนุกและได้ความรู้ใหม่ไปด้วยค่ะ และที่สำคัญจะได้คุยกับสถาปนิก ผรม. และช่างหน้างานได้รู้เรื่อง อาจจะไม่เข้าใจหมดทุกขั้นตอน แต่อย่างน้อยพอรู้เรื่องบ้างก็ยังดี ค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ หาความรู้ไปนะคะ เพราะกว่าบ้านจะเสร็จก็อย่างน้อยปีสองปี มีเวลาเหลือเฟือเลยค่ะ
1.4 หาสถาปนิก
เมื่อได้ไอเดียบ้านที่ต้องการแล้ว ก็เริ่มมองหาสถาปนิก เนื่องจากบ้านที่จะสร้างอยู่ที่จ.ขอนแก่น โจทย์ของเราคือต้องเป็นสถาปนิกที่อยู่ในขอนแก่น (ถ้าหาไม่ได้จริงๆก็ต้องอยู่จ.ใกล้เคียง) เพราะเราอยากให้สถาปนิกมาคุมงานก่อสร้างได้อย่างใกล้ชิด สารภาพค่ะว่าใช้เวลาในการหาอยู่นานมากกก เพราะบ้านที่เห็นลงตามเพจหรือนิตยสารส่วนใหญ่ สถาปนิกมักจะอยู่ที่กรุงเทพฯหรือเชียงใหม่ซะส่วนใหญ่
หลังจากหาจนตาแฉะ ก็มาเจอบ้านที่ทำให้เรารู้สึกคลิ้กมาก เป็นบ้านไม้หลังหนึ่งในขอนแก่น เราอ่านจบ รีบส่งลิ้งค์ให้แฟนดู แฟนบอกโอเค เรารีบโทรหาสถาปนิกเลยค่ะ วันที่ได้เจอกันครั้งแรก อยากบอกว่าตื่นเต้นมาก ๆ เพราะรอวันนี้มานาน หลังจากได้พูดคุยในเรื่องแนวทางการสร้างบ้าน
สไตล์การทำงานของสถาปนิก ดูท่าว่าน่าจะไปกันได้ (ตรงนี้สำคัญเพราะสถาปนิกบางคนก็จะทำบ้านแบบที่ตัวเองถนัด บ้านบางแบบสถาปนิกอาจจะไม่รับ หรือเจ้าของบ้านดูเอาแต่ใจ ไม่ฟังความเห็นของสถาปนิกเลย ทำงานกันคงลำบากใจ สถาปนิกปฏิเสธไม่รับงานก็มี หรือเรตราคาค่าเขียนแบบสูงเกิน ซึ่งเราเตรียมใจมาพอสมควรว่าราคาก็น่าจะสาหัสอยู่ ก็เลยโอเค) สุดท้าย สถาปนิกตกปากรับคำว่าจะรับงานนี้
แต่…. “มีข้อแม้คือต้องรออีก 7 เดือนนะครับ เพราะตอนนี้ผมอยู่ระหว่างหยุดรับงาน พอจะรอไหวมั้ยครับ” อึ้งไปอยู่แพร้พนึง แต่ไม่เป็นไร หาสถาปนิกมาเป็นปี รออีก 7 เดือนจะเป็นไร ที่สำคัญใช้เวลานี้เก็บเงินไปด้วยค่ะ
2. เริ่มสร้าง: เมื่อแบบบ้านเริ่มก่อรูปก่อร่าง
2.1 สถาปนิกดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
หลังจากรอคิว(ทอง)ของสถาปนิกเจ็ดเดือนเต็ม ก็ได้ฤกษ์นัดเซ็นสัญญาและพูดคุยถึงความต้องการในการสร้างบ้านอย่างละเอียด โดยสถาปนิกจะมีใบมาให้กรอกว่าเราต้องการบ้านกี่ห้อง ห้องอะไรบ้าง มีคนอยู่อาศัยกี่คน ฯลฯ และให้ส่งรูปบ้านที่ชอบ
หลังจากพูดคุยเสร็จเราก็พาสถาปนิกมาดูสถานที่ที่จะสร้างจริงด้วย เพื่อให้ได้เห็นบรรยากาศโดยรอบ โดยสถาปนิกก็จะเริ่มวางแผนการก่อสร้างคร่าวๆไปเลย เช่น ทีมก่อสร้างจะเดินทางเข้าออกไซต์สะดวกมั้ย สร้างที่พักให้คนงานได้หรือไม่ เป็นต้น
เนื่องจากเตรียมตัวมา 2 ปีเต็ม เราจึงพร้อมมาก (สถาปนิกแอบตกใจพอเห็น ppt ของเรา 555) นอกจากให้ข้อมูลตามที่ขอ เรายังส่งภาพห้องแต่ละห้องที่ต้องการไปด้วย เพื่อให้สถาปนิกรู้จักตัวตนของเราและแฟนมากที่สุด
เราสองคนให้ความสำคัญตรงจุดนี้มาก เพราะหากเราสื่อสารไม่ชัด สถาปนิกจะไม่สามารถตีโจทย์บ้านที่เจ้าของบ้านต้องการออกมาได้ ดังนั้น ชอบอะไร ไม่ชอบอะไรต้องบอกสถาปนิกไปตรงๆ
ในส่วนคอนเซ็บต์ของบ้านที่ให้บรีฟสถาปนิกไป คือ อยากได้บ้านที่อบอุ่น ไม่ติดหรู มีกลิ่นอายอีสาน แต่เราก็ไม่ได้อยากให้อีสานจ๋า อยากได้ความร่วมสมัยด้วย ในส่วนของวัสดุ ขอเป็นไม้ กับอิฐไม่เอาเหล็ก เข้าใจว่าไม้ราคาแพง ดังนั้นอาจจะเอาปูนเปลือยมาช่วยลด cost ในบางห้อง แล้วก็เราเป็นคนชอบเพดานสูง ชอบบ้านลมโกรก ชอบแสงเยอะ ๆ ชอบพัดลมเพดาน ก็ให้โจทย์นี้ไป
หลังจากส่งข้อมูลให้สถาปนิก ก็รออยู่เดือนกว่า (เรียกว่านับวันรอเลย) เนื่องจากเราทำงานอยู่กทม. ก็เลยขอนัดเจอกันที่นี่ (สถาปนิกเข้ามาบ่อย ๆ อยู่แล้ว) และ video call กับแฟนที่อยู่ขอนแก่น โดยสถาปนิกเขียนแบบมาให้ 2 แบบและให้เราเลือกว่าชอบแบบไหน
หลังจากนั้นก็จะปรับปรุงแบบที่เราเลือกจนสมบูรณ์ในที่สุด (ส่วนใหญ่แล้วแก้กลับไป-มา 4 รอบได้) ระหว่างนี้ก็จะจ่ายเงินให้สถาปนิกเป็นงวด ๆ ไปด้วย โดยแบ่งจ่าย 4 งวด (งวดสุดท้ายคือหลังแบบ built-in เสร็จ ประมาณ 3 เดือนก่อนบ้านเสร็จ)
พอได้ final draft มา สถาปนิกก็จะทำแบบก่อสร้างอย่างละเอียด ซึ่งละเอียดยิบมาก ๆ (ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณสองเดือน) พอแบบก่อสร้างเสร็จ สิ่งที่จะได้ตามมาคือ งบประมาณการก่อสร้าง พอถึงตรงนี้ ถึงกับลมจับเลยทีเดียว ToT
รีบปรับลดสเปคลงแทบไม่ทัน เช่น เปลี่ยนหน้าต่างในห้องน้ำจากไม้เป็นอะลูมิเนียม เปลี่ยนมาใช้ปูนเปลือยเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งสถาปนิกก็เข้าใจและปรับลดสเปคตามที่เราต้องการ หรือตรงส่วนไหนที่เห็นว่าไม่จำเป็นสถาปนิกก็แนะนำให้ตัดออก
หลายคนสงสัยว่านอกจากออกแบบแล้วสถาปนิกทำอะไรอีก สำหรับเรา หน้าที่สำคัญของสถาปนิกมีอยู่สามอย่างคือ การออกแบบบ้านให้ตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้านให้มากที่สุด สองควบคุมการก่อสร้างร่วมกับผู้รับเหมาให้บ้านออกมาตรงกับแบบมากที่สุดและสามเป็นที่ปรึกษาให้เจ้าของบ้านในยามที่ไม่รู้จะหาที่พึ่งที่ไหน
(อันนี้กราบเลย 555) แรก ๆ ก็เกรงใจไม่อยากถามเยอะ ช่วงหลัง ๆ โทรหาบ่อยมาก ซึ่งสถาปนิกใจเย็นมาก ตอบทุกข้อสงสัยไม่มีบ่น แนะนำว่าเวลามองหาสถาปนิกให้หาตยใจเย็น ๆ ไว้เลยค่ะ และที่สำคัญต้องมีความรับผิดชอบสูง ขยันมาดูไซต์
จึงเป็นที่มาว่าทำไมค่าจ้างของสถาปนิกจึงแพง เพราะต้องเขียนแบบ แก้แบบ ทำแบบก่อสร้างที่มีรายละเอียดเกือบร้อยหน้า ไหนจะแบบ built-in แบบสวน ต้องมาดูไซต์ก่อสร้าง ประชุมงานกับผรม. ตอบคำถามเจ้าของบ้านอีกร้อยแปด process
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเกือบ 2 ปี พอเขียนมาถึงตรงนี้ เรารู้เลยว่าเงินที่จ่ายไป ไม่ได้แพงเกินไปเลยกับสิ่งที่ได้กลับมา ดังนั้น แบ่งงบสร้างบ้านมาจ้างสถาปนิกเถอะ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
2.2 ผรม.ที่ดีมีอยู่จริง
คิดว่าหลายท่านกังวลเรื่องการหาผรม. เพราะถ้าถามคนรอบตัว ต้องมีบ้างที่เจอผรม.ที่ทิ้งงาน ถ้าไม่ทิ้งงาน ก็ทำงานชุ่ย คำแนะนำ คือ ให้จ้างสถาปนิก เพราะสถาปนิกจะเป็นคนตรวจงานผรม. อีกทีว่าตรงจุดนี้ผ่านมั้ย หรือสร้างตรงตามแบบก่อสร้างหรือเปล่า
โชคดีในโชคดีที่ได้ผรม. ที่มีทัศนคติในการทำงานที่ดี คือชอบงานที่ท้าทายและอยากพัฒนาสกิลการก่อสร้างของช่างในทีม มีความเป็นมืออาชีพสูง คือนำเสนอสิ่งดี ๆ ให้เจ้าของบ้าน แทนที่จะทำงานแบบขอไปทีและขยันทำงานมาก
เราว่าสถาปนิกมาดูไซต์บ่อยแล้ว ผรม. บ่อยยิ่งกว่า อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่ออาทิตย์ ซึ่งที่เราอ่านเจอมาไม่เป็นแบบนี้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมาดูงาน หรือมาเฉพาะตอนใกล้จ่ายค่างวดเท่านั้น ซึ่งตลอดการสร้างบ้าน ผรม. เต็มที่กับบ้านนี้มาก ตรงไหนที่ต้องรื้อก็คือรื้อ เมื่อหัวหน้ามีทัศนคติในการทำงานที่ดี ก็ส่งผลไปถึงลูกน้องด้วย ช่างอยากจะฟัฒนาฝีมือของตัวเอง และก็ภูมิใจที่ได้ทำงานที่ท้าทาย ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่
ต่อไปจะพาไปดูชั้น 2 นะคะ
.
ต่อกันเลยค่ะ….
แนะนำเจ้าของบ้านให้ซื้อวัสดุบางอย่างเอง เช่น ของใช้ในครัว และห้องน้ำ เพราะบางอย่างเราอาจจะซื้อได้ราคาถูกกว่า ที่สำคัญถูกใจเรามากกว่าด้วย เช่น เตาทำอาหาร สุขภัณฑ์แบบไหนที่ชอบนั่ง ก๊อกน้ำ ฯลฯ
สำหรับใครที่กำลังมองหาผรม. แนะนำให้ลองคุยกับคนที่เคยใช้บริการของบริษัทนั้น ๆ เพื่อดูว่าทัศนคติการทำงานของผรม.เป็นอย่างไร ถ้าจะให้ดี ไปดูไซต์งานและผลงานที่ทีมนั้นเคยสร้าง เพื่อดูว่างานเนี้ยบมั้ย หลังเข้าอยู่แล้วมีปัญหาหรือเปล่า
ซึ่งน่าจะบอกอะไรได้หลายอย่างเลย นอกจากนี้ก็มีเรื่องงบก่อสร้าง ถ้ามีสามเจ้าเสนอราคามา แนะนำว่าไม่ควรรีบตัดสินจากราคาที่ถูกที่สุด เพราะผรม.อาจจะกดราคาโดยใช้เกรดวัสดุที่ไม่ดี อีกทั้งเรตค่าแรงที่ถูกอาจหมายถึงช่างฝีมือไม่ดี แนะนำให้ดูผลงานเก่าๆ และคุยกับเจ้าของบ้านเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย ซึ่งเราอาจจะต้องจ่ายแพงขึ้น แต่จะทำให้เราไม่ต้องเสียค่าซ่อมเพิ่มเติมในตอนหลัง
ในชีวิตเราอาจจะไม่เคยถูกหวย แต่เราถือว่าเราโชคดีจริง ๆ ที่ได้ทีมงานที่ดี บอกก่อนว่าไม่รู้จักกันก่อนเลย และสถาปนิกและผรม.ก็เพิ่งจะได้ทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรก แต่อาจเป็นเพราะอายุและทัศนคติที่คล้าย ๆ กัน เลยทำให้ทุกอย่างราบรื่น
ทีมสถาปนิกแม้อายุยังน้อย แต่ไฟแรงมาก และผรม. ก็มีความเป็นมืออาชีพเต็มที่กับงาน ทั้งหมดนี้ ทำให้ประสบการณ์การสร้างบ้านหลังแรกของเราไม่ปวดหัวเลย มีความสุขและสนุกกับการได้มองดูความเปลี่ยนแปลงของบ้านไปทีละน้อย จนวันที่บ้านเสร็จสมบูรณ์
3. จากความฝันสู่ความจริง
สิบสามเดือนแห่งการรอคอย และแล้ว… แทนแท่นแท้นนน…! “บ้านฟ้าบ่กั้น” ก็เสร็จพร้อมเข้าอยู่ แอบมีความเซอร์เรียลไม่น่าเชื่อว่าบ้านเสร็จแล้ว ช่วงโค้งสุดท้ายนี้บอกไม่ได้เลยว่าจะได้เข้าอยู่วันไหน เพราะมีรายละเอียดหลายจุดที่ยังไม่เรียบร้อย ทั้งไฟ ประปา สี built-in ช่างรุมหน้างานเยอะมาก บทบ้านจะเสร็จก็เสร็จซะงั้น รู้ตัวอีกที ขนของย้ายของเข้าบ้านเสร็จเรียบร้อย
ตอนนี้เข้าอยู่ได้สองเดือนแล้ว ถือขอโอกาสรีวิวบ้านแบบเร็ว ๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์นะคะ
3.1 ฟังก์ชั่นการใช้งาน
โดยรวมแล้ว เราโอเคกับบ้านมาก ๆ แทบไม่มีตรงจุดไหนที่อยากปรับเลย (นอกจากอยากให้บ้านใหญ่กว่านี้อีกนิด เสียดายงบไม่พอ 555) ชอบที่ไม่ต้องเปิดไฟตอนกลางวัน เพราะหน้าต่างเยอะ ทำให้มีแสงสว่างเข้ามาตลอด อากาศถ่ายเทดี ลมโกรกตลอดเวลา ทำให้บ้านไม่ร้อน ตอบโจทย์เรื่องประหยัดไฟดีมาก
อาจจะมีช่วง เม.ย.-พค. ที่ร้อนจัด ๆ ก็มีโหยหาแอร์ ชอบที่ห้องนอนเงียบสนิทด้วย เวลาฝนตกแทบไม่ได้ยินเสียงเลย ต้องขอบคุณกำแพงอิฐสามชั้นที่ทำให้บ้านเย็น และเก็บเสียงได้ดี หากใครชอบบ้านแบบโปร่งสไตล์นี้ แนะนำให้ติดมุ้งจีบหรือมุ้งลวด เพราะตอนกลางคืน จะหายใจไม่ออก
รู้สึกคิดถูกมากที่ตัดสินใจทำชั้นหนังสือแบบใหญ่ๆไปเลย เพราะก่อนหน้านี้ที่ไม่พอก็ต้องวางทับๆกัน ตอนนี้คือที่พอและสามารถจัดระเบียบหนังสือได้ดีมาก แต่ตอนทำความสะอาดก็ยุ่งยากนิดหน่อย เพราะต้องเอาบันไดมาต่อ เพื่อปีนไปเช็ดฝุ่นชั้นบน
ให้ทายว่ามุมโปรดของคนในบ้านคือตรงไหน…มันคือเปลไม้ไผ่หน้าบ้านค่ะ รองลงมาก็จะเป็นชานไม้หน้าบ้าน เพราะช่วงบ่าย แดดจะย้ายไปหลังบ้าน ทำให้หน้าบ้านเหมาะแก่การงีบ นอนเล่นบนเปลมากๆ
ถ้าถามว่าไม่ชอบอะไร น่าจะเป็นพวกแมลง เนื่องจากบ้านอยู่นอกเมือง ทำให้มีแมลงต่างๆเข้ามาในบ้านทุกวัน โดยเฉพาะตรงโถงห้องนั่งเล่น ที่เป็น double volume ตื่นมาตอนเช้าก็จะเห็นแมลงตายเกลื่อนพื้น ก็ต้องมาคอยกวาด ไม่งั้นบรรดามดก็จะแห่มารุมแมลง
แนะนำใครที่กำลังสร้างบ้านให้ดูแบบให้ละเอียด ๆ โดยจินตนาการว่าเรากำลังเดินอยู่ในบ้าน ดูว่าขนาดห้องเท่านี้โอเคมั้ย หน้าร้อน หน้าฝน หนา้หนาว บ้านจะต้องเจออะไรบ้าง ตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ โอเคแล้วมั้ย หรือตำแหน่งปลั๊ก-สวิทช์ไฟโอเคหรือเปล่า
ซึ่งเราไม่ได้ดูตรงนี้ แต่โชคดีที่ที่ทำมา โอเคเลย ชอบที่บ้านมีปลั๊กอยู่หลายจุด ทำให้ไม่ต้องใช้ปลั๊กพ่วง ชอบไฟแสงสีส้มด้วย เข้ากับบ้านไม้บ้านอิฐมากๆ แล้วก็ทำให้บ้านดูอบอุ่น แอบชอบมองบ้านตอนกลางคืนตัดกับท้องฟ้าสีดำ
มีเหมือนกันที่ต้องแก้งาน เช่น พัดลมเพดานที่ซื้อมาใหญ่กว่าอันทั่วไป ก็ต้องขยับดวงไฟและทำฝ้าใหม่ หรือปลั๊กไฟที่อยู่นอกบ้าน ปรากฏว่าโดนฝนสาดเต็ม ๆ ซึ่งต้องย้ายออก แล้วก็ชานไม้ข้างบ้านเพราะตรงนั้นไม่ได้ปลูกหญ้า ปรากฏว่าพอฝนตก ดินสาดขึ้นมาเต็มๆ ซึ่งก็ต้องเทปูนเพิ่ม เพื่อไม่ให้ไม้พัง
ส่วนเรื่องการดูแลสวน แอบเหนื่อยใช้ได้เลย เพราะสนามหญ้าที่สวย ๆ เบื้องหลังคือการขยันรดน้ำ ตัดหญ้า (30-45 วันควรตัดหนึ่งครั้ง) และสู้รบกับวัชพืช รดน้ำทีนึงใช้เวลาเป็นชั่วโมง ถ้ามีเงินเหลือ แนะนำให้ทำระบบรดน้ำดี ๆ ไว้เลยค่ะ
3.2 เก็บงานหลังเข้าอยู่
หลังจากส่งมอบบ้านให้เจ้าของบ้านแล้ว ผรม. แจ้งว่าช่วงเดือนแรก ก็น่าจะยังต้องแวะเวียนมาอยู่ เพราะอาจจะพบ defect ในบางจุด ซึ่งก็จริง สามวันหลังเข้าอยู่ ฝนตกสาดเข้าบ้านหนักมาก เพราะมีรอยรั่วตรงจุดที่ไม้กับกระจกมาเชื่อมกัน ซึ่งพอโทรหาผรม. วันุร่งขึ้นก็รีบส่งช่างมาแก้ไข
นอกจากนี้ก็มีเจอน้ำซึมออกมาจากท่อน้ำดี ซึ่งก็รีบส่งช่างมาดูแล เราและแฟนประทับใจกับบริการหลังการสร้างมาก ซึ่งผิดกับหลายที่ที่งานจบแล้วก็หายตัวไปเลย ซึ่งในสัญญาบ้าน ผรม. จะดูแลเราอีก 1 ปีหลังส่งมอบงาน
และทั้งหมดนี้คือการรีวิวประสบการณ์สร้างบ้านหลังแรกยังไงไม่ให้ปวดหัว หวังว่าจะมีประโยชน์กับใครที่กำลังวางแผนจะสร้างบ้านนะคะ
เคยถามสถาปนิกว่า บ้านจะสวยออกมาเหมือนในแบบ perspective ไหม เพราะบางทีดูในคอมคือดูดีมาก สร้างออกมางั้น ๆ สถาปนิกตอบว่า “บ้านของจริงจะสวยกว่าแบบมาก ๆ ครับ” มาวันนี้ วันที่ได้เข้าอยู่ นึกถึงคำพูดของสถาปนิกเลย
“ต่อให้แบบในคอมดูสวยขนาดไหน แต่มันไม่มีมิติเท่ากับของจริง ไม่มีเสียงนก ไม่มีลมพัดผ่านชานหน้าบ้าน ไม่มีแดดยามเช้าสะท้อนชั้นหนังสือ” ตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่มาวันนี้เข้าใจเลย “และบ้านจะสวยมากขึ้น เมื่อเจ้าของบ้านเข้ามาอยู่ เพราะมันจะมีชีวิตและเรื่องราวของเจ้าของบ้านเข้าไป ทำให้บ้านยิ่งสมบูรณ์มากขึ้นไปอีก”
.
.
ที่มา : hola_mundo .