กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pongprom Snitwong Na Ayuthaya ได้มาแชร์เรื่องราวของการไปพักในที่พักแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือ
การไปพักครั้งนี้ ภรรยาเจ้าของเรื่องผู้ดำเนินการให้ทั้งหมด เพราะเห็นว่าเป็นที่พักที่มีศิลปะที่งดงาม แต่พอเจ้าของเรื่องไปถึงที่พัก กลับพบว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นเหมือนตอนที่จอง!!
โพสต์ต้นทาง
เนื้อหาต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวที่เจ้าของเรื่องจะมาถ่ายทอดเรื่องราวความหลอนให้พวกเราได้อ่านกัน…
ศรีภรรยาจองที่พักให้ (ขอสงวนไม่บอกชื่อที่พัก) ภาพและข้อมูลที่เห็นจากเน็ตมีความเป็นศิลปะสวยงามแบบล้านนา เธอคิดว่าผมน่าจะชอบ ราคาไม่สูง เลยจองไว้ให้สองคืน 28 – 29 เพราะเราต้องทำงานวันที่ 29 กลับวันที่ 30
เมื่อเราเดินทางจากเชียงรายมาถึงเชียงใหม่เวลา 17 นาฬิกา เราก็ตรงไปที่พักที่จองไว้ทันที
เมื่อไปถึง พบว่าเป็นบ้านไม้เก่าสีดำดูทรุดโทรมมาก และความรู้สึกแรกที่แว้ปขึ้นในหัวคือ นี่มันบ้านร้างชัดๆ บริเวณด้านหน้าที่เป็นส่วนสำนักงานต้อนรับและดูเหมือนกับจะเป็นมินิบาร์เล็กๆ มีเครื่องเสียงวางตั้งอยู่เหมือนมีดนตรีเล่น.. ไม่มีคนอยู่และสกปรกเต็มไปด้วยหยากไย่
พวกเราส่งเสียงร้องเรียก…
“สวัสดีครับ จองห้องพักไว้ครับ…” เงียบ…
เราส่งเสียงเรียกอีก สองครั้ง สามครั้ง ห้าครั้ง หกครั้ง… ยังคงเงียบ
“ฮัลโหล มีใครบ้างครับ ผมจะขโมยลำโพงแล้วนะ…” เงียบ!
ไม่มีใครออกมาต้อนรับตามวิสัยที่ควรเป็น
เราเริ่มสำรวจบริเวณส่วนหน้า เดินดูไปทั่วๆ ก็ไม่เห็นใคร จึงเริ่มเดินเข้าไปด้านในส่วนที่เป็นบ้านพัก
ผมส่งเสียง “สวัสดีครับ…” เงียบ
เดินลึกเข้าไปอีก
“สวัสดีครับ…” ยังคงเงียบ
ผมเริ่มหงุดหงิด และส่งเสียงดังขึ้น ขณะที่เดินเข้าไปด้านในสุด
“มีใครอยู่ไหมครับ จองห้องพักไว้”
คราวนี้เปล่งพลังชาวร็อคด้วยความโมโห เพราะมันเริ่มเย็นมากแล้ว “มีใครอยู่ไหมครับ จองห้องพักไว้ !!!!!!!!!”
มีผู้ชายคนนึงผอมแห้งดูซูบดำโผล่ออกมาจากห้องชั้นบนด้านในสุด “อ้อ ครับ เชิญๆ”
เขาเดินลงมาชี้ห้องนึง ห้องนี้พักคนเดียว
อาจารย์ต่อ ผู้ช่วยที่มากับผมคนนึงถาม “แล้วห้องผมล่ะ?”
อ๋อ ชายผู้นั้นขยับร่างออกมาข้างหน้าอีกนิด แล้วชี้มือ “ห้องนั้นครับ อยู่สองคน”
จากนั้นก็เดินกลับขึ้นไปข้างบนแล้วเข้าไปในห้องที่ออกมา ไม่มีการต้อนรับ สนทนาตามวิสัยผู้ให้บริการ
ผมคิดในใจ “ห่า.. อะไรวะ? นี่มันบริการอะไรกัน?”
ผมเข้าไปในห้องที่เป็นห้องสำหรับผม (ดูภาพประกอบ) สิ่งแรกที่เห็นคือกล้วยเน่าหวีหนึ่งบนโต๊ะที่สกปรก ผมกวาดตาไปโดยรอบ พร้อมกับคิดในใจ มันรู้สึกพิลึกมาก เหมือนไม่มีคนมาพักนานมากแล้ว กลิ่นสาบลอยในบรรยากาศ
ผมเดินต่อเข้าไปในห้องน้ำ พบอ่างล้างหน้าที่สกปรก และบนท้อปของอ่างเต็มไปด้วยขี้ดินฝุ่นผงจำนวนมากและตะปูเก่าๆ หนึ่งตัว นี่อะไรกัน ห้องพักที่เปิดขายบริการให้แขกมาพัก เห็นชัดว่าไม่ทำความสะอาดมาแรมเดือนแล้ว
เมื่อชะโงกมองเข้าไปในอ่างอาบน้ำก็ยิ่งสกปรกหนักกว่า ที่ผนังด้านปลายอ่างอาบน้ำเต็มไปด้วยฝุ่นผงที่ควรจะเรียกว่าขี้ดิน กระจายอยู่ทั่ว ผมเริ่มถ่ายรูปทุกมุมห้อง และเดินออกมาหา โน๊ต ศิษย์เอกมือขวาที่มาด้วยกันซึ่งพักกับอาจารย์ต่อที่พูดถึงไปเมื่อครู่
“โน๊ต เป็นไง? ห้องพัก?”
อาจารย์ต่อพูดแทรก “มาดูสิครับ มีบางอย่างอยากให้เห็น”
ผมเดินเข้าไปในห้อง โน๊ตชี้ให้ดูบนโต๊ะตัวหนึ่งในห้อง มีขวดมีน้ำมันอยู่ในห้องในขวดเหมือนมีบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นวัตถุบางอย่างคล้ายๆ “รักยม”
โน๊ตรีบบอก “อย่าจับนะครับ”
ด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าท่าเสียแล้ว ผมมีที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณอยู่คนนึง ต่อสายวิดิโอคอลทันที
“ฮัลโหล ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง” พลางกวาดกล้องมือถือไปรอบๆ…
ที่ปรึกษาบอกทันที “โอ มีผู้หญิงคนนึง แต่งตัวโบราณนั่งสางผมอยู่ เขาไม่พอใจ…. ลองดูใต้เตียงซิ”
ก้มลงดู…
มีผ้าขาวผืนนึงพับวางไว้ใต้เตียงกับขวดน้ำขวดนึง
เราเคลื่อนตัวไปยังห้องที่ผมจะพัก กล้องส่องต่อไป ตรงจุดที่มีเก้าอี้หวายตัวนึงที่โต๊ะมีกล้วยเน่าอยู่หวีหนึ่ง
ที่ปรึกษา “โอ มีตาแก่คนนึงนั่งฟุบอยู่ตรงนั้น… โอ อย่ามองกระจกบานนั้นนะ มีผู้หญิงคนนึงร้องไห้ … ออกมาเถอะ นอนที่นี่ไม่ได้….”
เราถอยออกมาตั้งหลักด้านนอกบนลานหน้าตัวบ้านพัก ผมเริ่มถ่ายรูปโดยรอบ
ขณะกำลังกวาดกล้องไป อาจารย์ต่อที่มาด้วยกันแหงนมองไปชั้นบน เบิกตาค้างพร้อมร้อง “โอ้ยพี่ครับ ดูตรงนั้น มีผู้หญิงยืนตรงนั้น” ผมหันไปแต่ผมไม่เห็นอะไร
อาจารย์ต่อร้องอีก “โอ้ย เห็นไหมครับ เขายื่นหน้าออกมา” แล้วพาร่างมหึมาของเขาโดดมาเกาะแขนผมอย่างรวดเร็ว ผมไม่เห็นอะไร แต่บนโถงระเบียงมีรูปถ่ายผู้หญิงแต่งชุดพื้นเมืองสามคน มีผ้าดำขึงบังตา
ผมนึก ตัวผมห้อยสมเด็จอรหังของหลวงปู่สุกไก่เถื่อนกับหมากหลวงปู่ใหญ่ อาจบางทีน่าจะเป็นเหตุให้ผมไม่เห็นสิ่งที่อาจารย์ต่อเห็น แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงพลังงานแย่ๆ บางอย่าง
ผมโมโห นึกถึงห้วงเวลาที่เคยไล่ด่าผีที่อาคารเจนเอ๊กซ์อะคาเดมี่ เลยพูดลอยๆ ออกไปทันที…
“ผมไม่มีปัญหาอะไรกับดวงวิญญาณแถวนี้นะ แต่ผมไม่พอใจเจ้าของธุรกิจนี้ที่ให้บริการไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ห้องพักสกปรกและไม่มีแม้แต่ความใส่ใจจะทำให้มันสะอาดก่อนขายห้อง และไม่สนใจที่จะดูแลลูกค้า เข้าใจนะ”
ผมเดินเข้าไปด้านในแล้วตะโกนเรียกชายที่เป็นเจ้าของหรือคนดูแลคนเมื่อกี้
“ผมจะไม่พักที่นี่แล้ว ห้องพักสกปรก เหมือนไม่ทำความสะอาดเป็นเดือน ผมว่าคุณไม่แฟร์ต่อลูกค้า และเราจะร้องเรียนกับเอเจนต์ที่เป็นเพจคนกลางขายห้องพักให้คุณ”
ผู้ชายคนนั้นยืนฟัง แล้วเดินกลับเข้าห้องนั้นไป ไอ้ฟักแม้ว!
ผมโทรบอกภรรยา เล่าให้ฟัง จากนั้นส่งรูปที่ถ่ายให้เธอ
เครื่องเตือนขึ้นมาว่า failed to send… retry?
ผมกด retry .. ยังคง failed ติดกันสี่ครั้ง ส่งไม่ได้
ผมนึกในใจ ก็ถือว่าเงินค่าห้องที่จ่ายไปแล้วเป็นทานแก่ผู้เป็นเจ้าของบ้านพักร้างนี้แล้วกัน จากนั้นผมกับคณะพากันเดินทางออกจากสถานที่นั้น ตามคำแนะนำของที่ปรึกษา กลิ่นเหม็นเน่าโชยเข้าจมูกขณะที่เรากำลังเดินออกมาขึ้นรถ
ผมพูดกับโน๊ตและอาจารย์ต่อ
“อะไรก็ตามที่ดึงดูดให้เรามาที่นี่ คงมีเหตุผลบางอย่าง บางทีพวกเขาคงทุกข์ทรมานกับบางอย่าง เราไปหาวัดสักวัดหนึ่งแถวนี้ ไปทำบุญกรวดน้ำให้เขา” พอออกมาจากที่นั่น ผมส่งรูปอีกครั้ง คราวนี้ส่งสำเร็จ
เราแวะไปวัดโลกโมฬี ทำบุญใส่ตู้บริจาค สวดบูชาพระรัตนตรัยแล้วกรวดน้ำอิมินา แล้วพากันออกไปหาที่พักใหม่ ในที่สุดมาเช็คอินที่โรงแรมเล็กๆ ชื่อ Hop Inn
เรื่องบางอย่างในโลกนั้นยากอธิบาย
ความเชื่อส่วนบุคคล
ดังนั้นโปรดพิจารณาด้วยวิจารณญาณ
บรรยากาศในมุมต่างๆ ของที่พักแห่งนี้
.
.
.
.
.