ปัญหาที่คนซื้อคอนโดต่างพบเจอก็คือพื้นที่ห้องที่ค่อนข้างจำกัด แล้วเราจะแต่งห้องอย่างไรให้มีฟังก์ชันการใช้งานทุกอย่างครบครัน ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน คงหนีไม้พ้นการเลือกเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินอย่างแน่นอน เนื่องจากราคาไม่แพง และช่วยประหยัดพื้นที่ในห้องได้อีกด้วย
ครั้งนี้ ในบ้าน จึงได้มาพร้อมกับไอเดียการแต่งคอนโดขนาด 55 ตารางเมตร จากคุณ pawin_oh ที่ได้ทำการเนรมิตตกแต่งห้องให้ออกมาน่าอยู่ และเพิ่มตู้บิวท์อินขนาดใหญ่ เพื่อการใช้สอยที่คุ้มค่า เป็นระเบียบ หากเพื่อนๆ กกำลังมองหาไอเดียแต่งคอนโดเล็กๆ กันอยู่ ลองชมไปพร้อมๆ กันเลยค่า
แต่งคอนโด 2 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร เพิ่มพื้นที่ใช้สอย เพื่อการใช้งานที่ครบทุกฟังก์ชัน
(โดย pawin_oh )
สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ตั้งใน “ชายคา” เลยครับ ^^ รีวิวแบบรวมมิตรม้วนเดียวจบ ทั้งรีวิวคอนโด – เครื่องใช้ไฟฟ้านิดหน่อย – วอลเปเปอร์/ม่าน – ตู้ลอยตัว-ตู้บิ๊ลท์อิน (รูปอาจเยอะไปหน่อยนะครับ)
คอนโดนี้สร้างเสร็จเมื่อต้นปี 55 ตอนนี้ก็ยังเปิดขายอยู่ครับ ที่เหลือก็จะเป็นห้องขนาด 2 ห้องนอนขนาด 55 ตร.ม. ขึ้นไปครับจบเรื่องรายละเอียดคอนโดฯแค่นี้เนอะ เพราะไม่ใช่คอนโดเปิดใหม่ แทบจะไม่มีกระแสในนี้แล้วมั้งครับ
ห้องนี้ เพิ่งซื้อเมื่อ ก.ค. 56 นี้เองครับ อยู่ชั้น 21 จากทั้งหมด 25 ชั้น เปิดเข้ามาด้านซ้ายก็จะเป็นโต๊ะกินข้าวครับซึ่งด้านนี้จะทำตู้บิ๊ลท์อินขนาด 3.6 เมตร x 2.6 เมตร x 60 เซ็นติเมตรครับ
มองไป (เกือบ) ตรงๆ ก็จะเจอห้องครัวและระเบียงอันแสนจิ๊บจ๊อยมากครับ ^^
และด้านขวาก็จะเจอโซฟารับแขก นั่งแบบไม่สนิทสนมกันได้ 2 ที่นั่งครับ (ยาวประมาณ 160 cm)
ครัวเล็กจุ๋มจิ๋มมาก เล็กกว่าห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนที่เพื่อนผมซื้อไว้อีกห้องนึงอีกครับ มองไปเห็นระเบียง พร้อมกับคอมเพรสเซอร์แอร์ 3 ตัว (สำหรับแบบ 2 ห้องนอน) ดังนั้นจึงเหมือนมีเครื่องอบผ้าส่วนตัวทุกยูนิตครับ
ห้องน้ำก็ทั่วไปครับ ไม่มีอ่างอาบน้ำ เปิดประตูเข้าไปมองตรงเจออ่างล้างหน้า มองซ้ายเจอชักโครก มองด้านขวาเจอ shower box โดยรวมห้องน้ำกว้างสะใจดีครับ มีแค่ฝักบัวธรรมดา แต่ไม่มีที่ทำน้ำอุ่น และ rain shower ต้องซื้อเพิ่มครับ
โต๊ะเครื่องแป้งไม่มีที่นั่ง ตู้เสื้อผ้าบิ๊ลท์อินเล็กมาก เล็กกว่าแบบ 1 ห้องนอนอีก
ซ้ายห้องนอนเล็ก ขวาห้องนอนใหญ่
ห้องนอนใหญ่มีฐานรองเตียง พร้อมหัวเตียงแขวนผนัง จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี เพราะถ้าเราอยากได้เตียงสวยๆมีหัวเตียงสวยๆ ฝันเราก็จะสลายไปครับ เช่นผมเป็นต้น หน้าต่าง 4 บาน รับแดดช่วงบ่ายของฟ้าเมืองไทยไปเต็มๆครับ แต่เรื่องแดดไม่เป็นปัญหาเพราะเปิดแอร์ตลอดครับ
วิวหน้าต่างห้องนอนใหญ่ มองเห็นตึกใบหยก 2 ได้ชัดเจนดี สำหรับห้องนอนเล็กนั้น ลืมถ่ายมาซะได้ ฮ่าๆ
จริงๆ ห้องนี้ก็ถือได้ว่าหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยนะครับ ส่วนจะเข้ามาแล้วเอากระดาษหนังสือพิมพ์ปูนอน ซักผ้าด้วยมือ ก็ว่ากันไป แต่พอดีไม่รีบไม่ร้อน ก็เลยหาของใหม่ๆ มารับห้องใหม่ๆละกัน ของเก่าก็ขนกลับบ้านเก่าไปจิเนอะ
สรุปเรื่องห้อง ให้ 8 เต็ม 10 หักที่ส่วนกลางไม่ค่อยดี สระว่ายน้ำ/ฟิตเนสยิม เล็กมากเมื่อเทียบกับจำนวนห้อง
ล็อบบี้ไม่สวยเมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกัน และสวนของคอนโดก็เล็กมาก
แท้นแถ่นอย่างแรก ตู้เย็นขนาดพอดี ไม่ใหญ่ไม่เล็กของ Electrolux
เครื่องซักผ้าฝาหน้า ขนาด 8 ก.ก. Electrolux ชอบที่มีระบบไอน้ำร้อน (เหรอ)
สรุปตู้เย็นเครื่องซักผ้า ให้ 8 เต็ม 10 ตัดตรงเสียงเครื่องซักผ้าเวลาปั่นดังเหมือนฐานปล่อยจรวด
ที่นอน Slumberland รุ่น Royal impression ซื้อจากเอกลักษณ์ mbk ครับ ได้หมอนแถมมา 2 ใบ ขอบอกว่า ถ้ามีที่เก็บที่นอนไว้ก่อนให้รีบซื้อๆนะครับ เพราะราคาที่นอนขึ้นทุกปีครับ ขึ้นทีละหลายพันบาทด้วย อย่างปีที่แล้วซื้อ Omaz ได้ในราคาสองหมื่นกลางๆ ปีนี้ไปสามหมื่นกว่าเลยครับ
สรุปที่นอน ให้ 8.7 เต็ม 10 ไม่มีอะไรตัดคะแนน แต่ก็ไม่กล้าให้คะแนนเต็มน่ออออ
หมดเวลาไป 1 เดือนเริ่มจากวันโอน ก็ได้อย่างที่เห็นครับ จากนั้นก็ติดต่อพี่ที่ทำวอลเปเปอร์ให้ห้องตัวอย่างของโครงการมาติดวอลเปเปอร์-ผ้าม่านให้ครับ
ห้องนอนเล็กติดวอลเปเปอร์แล้ว อันนี้ก๊อปปี้จากห้องตัวอย่างมาเลย ฮ่าๆๆ
คือเลือกผนังด้านนึงของห้องเล่นลวดลายของวอลเปเปอร์เยอะๆ แล้วที่เหลือก็สีพื้นให้คุมโทนกับวอลเปเปอร์หลัก
ติดม่าน ห้องเล็กต้องติดม่านแบบพับ เพราะว่าถ้าทำแบบปล่อยชาย จะไปติดกับเตียงบิ๊ลท์อินของโครงการ
ห้องนอนใหญ่เป็นอะไรที่ฮามาก เพราะผนังด้านที่ติดวอลเปเปอร์หลักนั้นติดวอลเปเปอร์ไป 3 หน 3 ลายกว่าจะผ่าน อันนี้เป็นลายที่ 2 ที่ผมอยากได้และเลือกไว้ ลายแรกไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเค้าติดลายผิด
ดูไกลๆ ก็จะเรียบๆ ขรึมๆ แต่ถ้ามองใกล้ๆ จะเห็นว่าสุดยอดอ่ะ ชอบครับชอบ
แต่ว่าสวยอยู่ได้คืนเดียว พอวันต่อมาวอลเปเปอร์ฝั่งนั้นบวมเป็นฟองอากาศเพราะว่าช่างเค้าลอกวอลอันแรกออกแล้วขูดกาวไม่ดีทำให้พอติดอันที่2 แล้วมันบวม พอง เหมือนคนที่มีแผลพุพองอ่ะครับ
เลยได้ลายที่ 3 อันนี้ต้องจำใจเลือก เพราะลายที่ชอบมันเป็นวอลแบบหน้าแคบเมื่อติดแล้วเห็นรอยต่อเยอะไป
ไหนๆได้เปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนเอาแบบหน้ากว้างซะเลย
หมดกัน วอลเปเปอร์เรียบหรูของผม กลายเป็นวอลเปเปอร์เรโทร ลายหมุนติ้วๆ สะกดจิตตัวเองก่อนนอนซะเลย
อ๊ะๆ แต่พอถ่ายทั้งห้อง แต่งแสงให้นวลๆซอฟท์ๆหน่อยก็สวยอยู่นะ อิอิอิ ส่วนผ้าม่านห้องนอนใหญ่ สวยมาก ใครเห็นก็ชอบ ก็ชมว่าสวยเนื้อผ้าดี
สรุปวอลเปเปอร์กับม่าน ให้ 8.9 เต็ม 10 ตัดตรงผิดคอนเซ็ปต์โก้หรู กลายเป็นเรโทร บีทเทิ่ล โรลลิ่งสโตนซะงั้น
ต่อมาก็ไปซื้อตู้จาก Index living mall เน้นคอนเซ็ปท์คือ “ถูก” และใช้งานได้จริง ไม่เน้นสวยครับ ตู้หนังสือ เล็กจุ๋มจิ๋มเหมือนตู้โชว์เลยอ่ะ ตอนไปเลือกมันดูใหญ่กว่านี้นะ เอ หรือว่ามันหด ???
ส่วน 2 ตัวนี้ชอบมากครับ ราคาไม่แพงและประยุกต์ใช้งานได้ตรงใจมากๆ
.
ได้เป็น walk in closet แบบหลอกตัวเองไปเรียบร้อย อิอิ
สรุปตู้ลอยตัว index ให้ 8.4 เต็ม 10 หักคะแนนที่สีหน้าบานตู้หนังสือที่ไม่ใช่สีขาวและตู้เล็กไปหน่อย
ด้วยความที่ตู้ที่เค้าให้มามันเล็กมาก ไม่พอเก็บสมบัติบ้าที่สะสมมานับสิบๆ ปีได้ จึงต้องมีตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของเพิ่มเติม ครั้นจะซื้อแบบลอยตัวมาวางมันก็ไม่ได้แรงอกอย่ากระนี้กระนั้นเลย บิ๊ลท์อินดีกว่า
ไม่อยากจิบอกเลยว่าไอ่ตู้ขนาดกว้าง 3.6 เมตร x สูง 2.6 เมตร x ลึก 65 เซ็นติเมตร เนี่ยแหละตัวทำปวดหัว
เพราะไปติดต่อเพื่อทำตู้นี้กับ 2 แบรนด์ และ 3-4 อินทีเรีย รวมเป็น 6 เจ้าอ่ะกว่าจะได้ตู้ตัวนี้มา
เจ้าแรกนะครับ SB Furniture ตอนแรกเอาแบบไฮเอ็นสุดๆ เลือกผลิตภัณฑ์ในไลน์ Posh Atelier หน้าบานกระจกปรอทชาทอง 7 บาน (บานละ 50 เซ็นติเมตร) เข้าขอบกระจกด้วยอลูมีเนียมแบบ pink gold
ตีราคามา 180,000 เป็นอย่างน้อยยยยยย เอิ๊ก ฝันสลายกลายเป็นจุล เลยเหลือแค่แบบธรรมดาๆ แบบในรูปนี้ครับอยู่ที่ เริ่มต้น 80,000 บาทครับ
จากรูปนี้จะเห็นว่าเสียพื้นที่ด้านบนที่ต้องปิดทึบไป 40 เซ็นติเมตร ทั้งความยาว 3.6 เมตร เลยยังไม่ได้ตัดสินใจทำกับที่นี่
รายที่ 2 เป็นของ Index Living Mall สาขา MBK ที่นี่มีตัวอย่างให้ดูครับ ไปดูแล้วชอบมากตรงใจที่อยากได้ ในราคาที่ไม่แพงเกินไปด้วย
แต่ไม่ได้เลือกแบบบิ๊ลท์อิน เพราะแบบนั้นจะแพงมากครับ เลยเลือกแบบตู้ Knock down
ตอนแรกดูแบบนี้ไว้ครับ ราคาเริ่มต้นที่ 80,000 บาท
แต่พอใกล้ถึงวันเซ็นสัญญา ฝ่ายออกแบบเกิดลังเลเพราะคิดว่ากล่องที่ทำตู้แบบ knock down จะพอดีกับความสูงเกินไปจนไม่สามารถใช้พื้นที่ด้านบน 40 เซ็นติเมตร เลยเสนอที่จะปิดทึบด้วยไม้พาร์ทิเคิลบอร์ด ทำให้เสียพื้นที่เก็บของไปอีกเช่นเดิม
ระหว่างนั้นก็ติดต่ออินทีเรียที่รับงาน (แต่งห้องตัวอย่าง) ในโครงการเจ้านึง เป็นงานบิ๊ลท์อิน ตีราคามา 170,000 ได้อย่าง Posh Atelier เป๊ะแต่ออกแบบนานมาก นานชนิดที่ว่าติดต่อก่อนใครแต่กว่าจะส่งแบบส่งราคานี่ช้ากว่าทุกเจ้าเลยไม่กล้าดีลงานต่อ
และคุยงานกับอีกสองรายในเฟสบุ๊ค ที่เค้ามีเพจอยู่ เจ้านึงถนัดด้านงานไม้มาก เป็นระดับอาจารย์ น่าเชื่อถือ ฝีมือดีมากๆๆ และไม่ทิ้งงานแน่นอน แต่เค้าไม่รับงานกระจก ถ้าอยากได้กระจกต้องติดเอง ก็เลยไม่ได้คุยงานต่อ (ราคาประมาณ 70,000 ไม่ติดกระจก)
อีกเจ้าฝีมือดีมาก แต่น่าจะงานเยอะมาก ชอบผลงานเค้ามาก เค้าถนัดเรื่องการอัดประโยชน์ใช้สอยในพื้นที่เล็กๆได้ดีมาก ความที่เค้างานเยอะ เค้าก็อาจไม่สะดวกรับงานเล็กๆ อย่างงานผม
มาถึงรายที่ตัดสินใจทำ แหม่ะ จำชื่อบริษัทไม่ได้ เอาเป็นว่าคุยกันหลังจากที่หมดหวังไปแล้วกับทุกรายที่กล่าวมา
แต่พอดีพี่ที่เค้าทำม่าน ทำวอลล์ให้เค้าแนะนำมาเพราะเค้าดีลงานกันอยู่ก็เข้ามาคุยงานกัน วัดพื้นที่ 2 ชั่วโมงก็ตัดสินใจเลือกเจ้านี้ครับ
วันต่อมาก็เอาแบบมาให้ดู (จะเหมือนกับตู้ของอินเด็กซ์ เพราะอยากได้แบบนี้แล้ว ทั้งกระจกทั้งขอบกระจกเอาคล้ายๆ กันเลย)งานเป็นโครงไม้จริง จะแข็งกว่างานที่ใช้ไม้พาร์ทิเคิลบอร์ดอย่างเห็นได้ชัดครับ เค้าขอเวลา 15 – 20 วันทำการ เมื่อโอนเงิน 50% เค้าก็จะเข้ามาทำให้ภายใน 19 ส.ค. 56 ครับ
วันที่ 20 ส.ค. 56
ทางช่างก็ได้เข้ามาประกอบตู้ในสถานที่จริง
ใช้เวลา 1 วัน ก็ได้แบบนี้มาเรียบร้อยครับ ภายในใช้สีขาวทาเอาครับ ขอบอกว่าตั้งแต่ออกจากลิฟท์มา รู้เลยว่าห้องผมอยู่ไหน แบบว่าเดินตามกลิ่นสีไปได้เลยครับ ฉุนมากกก
มองซ้ายเจอประตูหน้าห้อง
มองขวาเจอครัว ซึ่งตอนนี้ติดประตูพับพลาสติกเรียบร้อยแล้วครับ พี่กุ้ง (พี่ที่ติดวอล-ม่านเนี่ยแหละเป็นคนติดให้)
ประตูนี้ดีเกินราคามากครับ ปิดกันแอร์ไม่ให้รั่วออกจากห้องรับแขกได้ดีมาก คิดว่าคงกันกลิ่นเวลาทำกับข้าวได้เช่นกัน บวกกับเครื่องดูดควัน ก็คงหมดห่วงอ่ะครับ
วันที่สอง เข้ามาทาสีภายในเพิ่มอีกชั้น และทาสีแผ่นที่ใช้ทำชั้นวางของในตู้
.
วันที่สาม เข้ามาต่อไฟในตู้ เวลาเปิดตู้หยิบของจะได้ไม่โดนงูฉก
ในขณะที่ตู้กำลังสวยวันสวยคืน ห้องนอนเล็กก็แป่วววววววววววววว มุมล้างซ้ายจะมองเห็นกระจกโมเสค 6 เหลี่ยมของ IKEA อยู่ 10 กล่อง กล่องละ 10 แผ่น
ซื้อมาเพราะอยากติด แต่ยังไม่รู้จะหาใครติดให้ เพราะกระจกหนักมากเกรงว่ากระดาษกาวสองหน้าที่แถมมาจะเอาไม่อยู่
โซฟาห้องรับแขกก็ต้องระเห็จไปแอ๊บเรโทรอยู่ในห้องนอน เออ สวยดีอ่ะ
เสร็จแล้วๆๆๆๆ
วันที่ 4 – 6 ก็ได้หน้าตาแบบนี้ครับ แบบปิดไฟก่อนเนอะ หลอนๆ หน่อยนะครับ ดีนะที่มองไม่เห็นหน้าผม ฮ่าๆๆๆ ไม่งั้นหลอนกว่านี้
แบบเปิดไฟ
แบบเปิดประตูตู้ – เปิดไฟในตู้
ด้านซ้ายสุดของตู้ทำเป็นที่เก็บรองเท้า เก็บได้อย่างน้อยชั้นละ 4 คู่คร้าบ
ถัดมาก็จะเป็นตู้เก็บของ ก็เลยไม่ได้ทำลิ้นชักไม่ได้มีฟังก์ชั่นอะไรในตู้ครับ
ตู้ที่สามก็จะเป็นตู้เสื้อผ้า มีลิ้นชักอยู่ทางขวามือครับ
ตู้สุดท้ายขวามือสุดก็เป็นตู้เสื้อผ้า มีลิ้นชักเหมือนตู้ที่สามครับ
สงสัยแค่ว่าช่องด้านบนใหญ่ๆ มีเอาทำไม อ๋อ ไว้ใส่ไมโครเวฟ!!! (เหรอ)
และแล้วก็เสร็จ (เกือบสมบูรณ์) แล้วครับ เอาโต๊ะกินข้าวมาวาง เอาโซฟามาวางที่เดิม ห้องเล็กลงไปถนัดตา แต่ก็แลกมาด้วยที่เก็บของที่อลังการมาก เดินเข้าไปนอนในตู้ได้กระนั้นเลย หันมามองตู้นี้ทีไร ตกใจนึกว่าอยู่ที่โชว์รูมอินเด็กซ์ อิอิอิ
(คิดเอาเองว่า) ห้องสวยเนอะ
ปิดท้ายด้วยรูปนี้ครับ จะเห็นว่าเปิดประตูหน้าห้องมาก็เจอโต๊ะกินข้าว เปิดประตูห้องนอนเล็กมาก็เจอโต๊ะกินข้าว ฮ่าๆ แสดงว่าชีวิตนี้ให้ความสำคัญกับการกินมากกกกกกกกกกกกกกกก
สรุปเรื่องตู้บิ๊ลท์อิน ให้ 9 เต็ม 10 ครับ มีหักนู่นนี่นั่นเล็กๆน้อยๆ แต่โดยรวมคือชอบมากครับ คุ้มค่าดีครับ
ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามกระทู้นี้ครับ (รู้แล้วว่า CR มันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง)
ที่มา : pawin_oh