บางคนมักจะซื้อคอนโดไว้เพื่อการลงทุนปล่อยเช่า แต่ถ้าหากวันเวลาผ่านไปห้องเดิมๆ ก็อาจจะทรุดโทรมตามกาลเวลา การจะรีโนเวทห้องคือทางเลือกเดียว ที่จะทำให้ห้องนั้นกลับมาสวยใหม่ และง่ายต่อการปล่อยเช่าอีกด้วย
วันนี้ ในบ้าน ได้มาพร้อมกับไอเดียการตกแต่งคอนโด จากคุณ สมาชิกหมายเลข 2619485 ที่สามารถเปลี่ยนจากห้องแสนธรรมดา ให้เป็นห้องสุดเรียบง่าย โทนสีอ่อน ทำเองไม่ต้องง้อช่าง ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงนั้น ต้องตามไปชมกันค่ะ
เปลี่ยนคอนโดบ้านๆ ให้เป็นห้องสุดน่ารัก บรรยากาศอบอุ่น งานนี้ลงมือทำเองแบบไม่ง้อช่าง!!
(โดย สมาชิกหมายเลข 2619485)
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์การตกแต่งห้องด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องจ้างช่างค่ะ ทำเองเงียบๆ ไม่รบกวนเพื่อนบ้าน ไม่ต้องเจาะ ไม่ต้องทุบ แต่ได้ผลลัพธ์น่าพอใจมากค่ะ
เนื่องจากเจ้าของกระทู้ซื้อคอนโดและปล่อยให้เช่า ซึ่งซื้อมาหลายปีแล้ว ห้องก็จะโทรมไปตามการใช้งานของผู้เช่าแต่ละคน จึงถือโอกาสที่คนเก่าย้ายออก มาปรับปรุงเปลี่ยนหน้าตาห้องซะใหม่ให้น่าอยู่ขึ้นซักนิดนึง โดยใช้วอลเปเปอร์สติ๊กเกอร์เป็นหลักในการตกแต่ง แทนการทาสีค่ะ
>>>มาดูรูปห้องสำเร็จกันก่อนเพื่อเป็นกำลังใจ<<<
(ใช้มือถือถ่ายพาโนรามานะคะ ไม่ได้ปรับแสงใดๆ แดดกำลังส่อง แสงเลยสว่างจ้าไปหน่อยค่ะ)
มาดูสภาพของห้องโดยรวมกันก่อน มีรอยเปื้อนที่เช็ดไม่ออกบนผนังเป็นวงกว้าง ทำให้ห้องดูโทรมไม่น่าอยู่ มีคราบสติกเกอร์ที่ผู้เช่าเก่าติดไว้ด้วยค่ะ
-เคาน์เตอร์อ่างล้างจานบวมและมีรอยแตก เพราะเป็นไม้ไม่ทนน้ำ จากเดิมใช้แผ่นพลาสติกสีเทาปิดไว้ค่ะ มันเยินจนไม่ไหวแล้วค่ะ
.
อุปกรณ์ที่ใช้ในการแต่งห้องครั้งนี้
1. วอลเปเปอร์สติ๊กเกอร์ อันนี้หาซื้อในเน็ตได้เลยค่ะ เสิร์จคำว่าวอลเปเปอร์สติ๊กเกอร์ จะมีมาให้เลือกหลายร้าน
เท่าที่ลองสอบถามดู คุณภาพและราคาเหมือนกันทุกร้านค่ะ (ตัวเจ้าของกระทู้เองก็ซื้อมาจาก2ร้าน ค่ะเพราะว่ามีลายให้เลือกต่างกัน หรือบางร้านบางลายก็ไม่มีของ) อันนี้ซื้อเองไม่มีสปอนเซอร์ใดๆทั้งสิ้นนะคะ จึงไม่ขอระบุชื่อร้านจ้า
ก่อนซื้อต้องวัดผนังห้องก่อนนะคะ ว่าจะติดตรงไหนบ้าง จึงจะคำนวนความยาวที่จะซื้อได้ค่ะ
2 .แผ่นรองตัด
3. ไม้บรรทัด
4. คัตเตอร์
มาเริ่มกันเลยค่ะ
ขั้นแรก ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆมาเช็ดทำความสะอาดผนังก่อนแล้วทิ้งไว้ให้แห้งซัก 1 วัน (ดูจากภาพแล้วเช็ดสะอาดสุดแล้วได้แค่นี้เลยจ้า)
จากนั้นวัดขนาดกว้างยาวของผนังแล้วตัดวอลเปเปอร์ให้เกินขนาดผนังด้านละ 2 เซนติเมตร (เผื่อติดเบี้ยวค่ะ ตัดออกทีหลังได้) เริ่มจากข้างบนก่อน ผนังด้านนี้เป็นด้านที่ 2แล้วนะคะพึ่งได้ถ่ายรูป จะเห็นว่ามีคานอยู่ด้านบนด้วย เราก็ต้องตัดสติ๊กเกอร์หลบคานด้วยจ้า
นำสติ๊กเกอร์ทั้งแผ่นที่ยังไม่ลอก มาทาบผนังเพื่อดูระยะ กันการติดเบี้ยว (อ่านในรีวิวของคนขาย เขาบอกสามารถติดคนเดียวได้ แต่เรามือใหม่ต้องให้คนช่วยจับ แถมไม่มีบันได อาศัยเหยียบบนเก้าอี้ ขอบอกว่าเหนื่อยมากค่ะ เหยียดสุดแขนเลยค่ะ)
ค่อยๆ ลอกสติ๊กเกอร์ออก พร้อมใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดเพื่อไล่อากาศออก ทำเรื่อยๆจนติดสติกเกอร์เต็มผนังค่ะ ไปได้ครึ่งทางแล้ว ถ้าติดไม่เรียบ ลอกออกแล้วใช้ผ้าเช็ดให้เรียบ ติดใหม่ได้ค่ะ
มาถึงเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง เช็ดทำความสะอาดพื้นผิว และใช้พุตตี้อุดรอยแตกตามร่องไม้นะคะ ทิ้งไว้ให้แห้ง 1 วัน เราเลือกลายอิฐสีขาวกับเคาน์เตอร์ลายไม้ ตรงนี้พื้นที่เล็กจะติดง่ายกว่าค่ะ วัดขนาดและติดได้เลยทำคนเดียวก็ได้ง่ายจัง
ส่วนที่เกินออกมาเราใช้ไม้บรรทัดทาบบนผนัง แล้วกรีดด้วยคัตเตอร์เลยค่ะ
ตรงเคาเตอร์นี้เดิมเป็นไม้อัด ไม่ทนน้ำเท่าไหร่ เราเลือกสติกเกอร์ที่กันน้ำและการขีดข่วนได้ (จะทนแค่ไหน ใช้แล้วจะมาบอกผลจ้า)
แบ่งการติดเป็น2ส่วนค่ะ
– พื้นเคาเตอร์ด้านขวา ติดให้เลยซิงค์มาเล็กน้อย แล้วใช้คัตเตอร์ตัดตามแนวขอบซิงค์
– ช่องว่างระหว่างซิงค์ ตัดเป็นกรอบสี่เหลี่ยม3ด้าน(หรือตัวcเหลี่ยมๆ)
ติดพื้นที่ที่เหลือ ตัดขอบมุมที่เกินออกเหมือนเดิมค่ะ
ความแตกต่างที่พบของวอลเปเปอร์แบบมีลายคือ มันจะหนากว่าแบบสีพื้นนิดนึง และมี texture เสมือนจริง แต่กาวไม่เหนียวเท่าแบบสีพื้น คือลอกออกได้ง่ายๆ เลยค่ะ
งบประมาณ
1. วอลเปเปอร์สติกเกอร์ (17เมตร) 3800 บาท
2. ของตกแต่ง 600 บาท
3. เปลี่ยนสีผ้าหุ้มโซฟา 6500 บาท (วอลเปเปอร์ยังเหลืออีกหลายเมตรนะคะ เพราะเราวัดมาเกิน คุณแม่ยึดไปเลยค่าา แม่ชอบมาก จะเอาไปติดที่บ้าน ปิดรอยเท้าน้องแมวตามผนังบ้าน)
ผลงานสำเร็จค่าาา
.
ติดกรอบรูป แบบไม่เจาะผนังค่ะ กรอบรูปซื้อมาจากIKEA ติดด้วยกาวสองหน้า จะใส่รูปไม่ได้นะคะ ติดเก๋ๆ ฮ่าๆๆ
เพิ่มของตกแต่ง นาฬิกา กรอบรูป เปลี่ยนเป็นม่านสีขาว (ม่านเดิมของโครงการ) เปลี่ยนสีผ้าหุ้มโซฟา ห้องดูน่าอยู่ขึ้นมากเลยค่ะ ตกหล่นตรงไหนขออภัยค่ะ เพิ่งแต่งห้องเป็นครั้งแรกจ้า
ที่มา : สมาชิกหมายเลข 2619485