สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวเว็บที่น่ารัก วันนี้ ในบ้าน จะขอพาทุกท่านไปชม บ้านสไตล์คอทเทจหลังน้อย ดีไซน์บ้านไม้ชั้นเดียว ตกแต่งภายนอกได้น่ารักน่าอยู่เน้นใช้โทนสีสดใส พร้อมปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่นและความมีชีวิตชีวาให้กับบ้าน เป็นแบบบ้านจาก Ray White เราลองไปชมกันเลยดีกว่าค่ะ
บ้านชั้นเดียวขนาดกลาง ก่อสร้างอยู่บนพื้นที่แนวลาด ตัวบ้านประกอบขึ้นจากไม้ทั้งหลัง ผนังแต่งแต้มด้วยโทนสีครีมอ่อนรับกับเชิงชายสีเขียว มุงหลังคากระเบื้องลอนสีแดง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นสีสันสดใสที่ช่วยขับให้ตัวบ้านดูน่ารักและโดดเด่นมากขึ้น พร้อมเฉลียงพักผ่อนสบายๆ หน้าบ้านในบรรยากาศธรรมชาติ
นอกจากการตกแต่งภายนอกที่เสริมให้ตัวบ้านดูน่าอยู่ ในส่วนขอการตกแต่งภายในก็ดูน่าประทับใจไม่แพ้กัน โทนสีที่ใช้จะเน้นไปในโทนสีขาว-ครีมเรียบง่าย ผสมผสานไปกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน ซึ่งมันก็ช่วยขับให้บรรยากาศภายในห้องดูเย็นตาน่าพักผ่อน อีกทั้งยังมีหน้าต่างกระจกช่วยในการระบายอากาศและเปิดรับแสงสว่างจากภายนอก สร้างบรรยากาศปลอดโปร่งและผ่อนคลายได้มากขึ้นอีกเท่าตัว
พื้นที่ใช้สอยภายในก็มีการจัดแบ่งเป็นสัดส่วน โดยห้องนี้จะประกอบไปด้วย มุมโซฟานั่งเล่น มุมรับประทานอาหาร และมุมทำครัวด้านใน ช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
มุมทำครัวแบบเปิด ออกแบบในสไตล์ครัวไอส์แลนด์มีพื้นที่ใช้สอยตอนลึก โอบล้อมรอบด้านด้วยเคาน์เตอร์ครัวตัวซีกรุแต่งด้วยวัสดุไม้สีเข้ม มาพร้อมอุปกรณ์ทำครัวครบครัน ทั้งซิงค์ล้างจาน เตาหุงต้ม เครื่องดูดควัน และตู้เก็บของยึดผนัง
มุมรับประทานอาหารเล็กๆ ตกแต่งผนังในโทนสีที่แตกต่างออกไป โดยเน้นสีชมพูเป็นหลัก แต่ก็ยังคงไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์และของประดับดีไซน์คลาสสิค ช่วยสร้างความต่อเนื่องระหว่างการตกแต่งพื้นที่ทุกส่วนภายในบ้าน
ห้องนอนแต่งแต้มผนังด้วยสีม่วงสลับสีขาว ลงตัวไปกับพื้นไม้และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม
สุดท้ายนี้คือห้องน้ำ ดีไซน์เรียบง่ายดูสะอาดตาน่าใช้งาน ผนังกรุแต่งด้วยกระเบื้องสีขาวเล่นลวดลายเล็กน้อย พร้อมติดตั้งฉากกระจก แบ่งกั้นระหว่างโซนเปียกและโซนแห้ง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
บ้านสไตล์คอทเทจหลังนี้ มีพื้นที่ใช้สอยราว 150 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องโถงกลาง ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร และเฉลียงหน้าบ้าน เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการพื้นที่พักผ่อนสุดสบายและเป็นส่วนตัว ใครชอบก็ลองนำแบบกลับไปประยุกต์ใช้กันได้นะคะ
ที่มา : Ray White
.
.