ในปัจจุบันโทรทัศน์ในประเทศไทยต่างเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิตอลกันหมดแล้ว เพื่อเป็นการปรับตัวและรองรับกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง เช่น สมาร์ททีวี หรือโทรทัศน์ที่ถูกช่วยต่อกับอุปกรณ์ที่ทำให้สามารถเชื่อต่ออินเตอร์เน็ต จึงสามารถใช้งานด้านความบันเทิงได้หลากหลายยิ่งขึ้น
วันนี้ ในบ้าน จะพาไปชม รีวิว “Chromecast with Google TV” อุปกรณ์เสริมที่จะทำให้โทรทัศน์ของเพื่อน ๆ สามารถรองรับความบันเทิงยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน เพื่อให้การรับชมภาพยนต์จากต่างประเทศในคุณภาพสูงเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น ลองมาชมข้อมูลกันเลยจ้า
ชาวบ้านรีวิว Chromecast with Google TV ของดีที่โทรทัศน์คุณคู่ควร
(โดยคุณ หน้าแป้นแล้น)
แกะกล่อง
โฉมหน้าของกล่อง Chromecast พร้อมโชว์บริการที่รองรับ (แต่ประเทศเราอาจไม่รองรับ T_T)
ในกล่องมีตัว Chromcast ซึ่งขนาดเล็ก บางและเบามากเลยครับ ขนาดจริงเล็กกว่าบัตรเครดิตอีกมั้ง
รีโมทขนาดเล็กอีกเช่นกัน รีโมทก็ Made in Thailand นะเออ
ตัวนี้เคยอ่านรีวิวว่าปุ่ม Navi อยู่ด้านบน ทำให้จับไม่ถนัด แต่ส่วนตัวไม่มีปัญหาเลย เพราะแค่กำรีโมทนิ้วโป้งก็แทบจะอยู่ปลายรีโมทโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
นอกนั้นก็จะเป็นสาย USB-C / Adapter 5V./1.5A. หน้าตาคล้ายๆ ของ Sony เลย (กำลังไฟเท่ากันด้วย ไม่รู้โรงงานเดียวกันไหม)
สุดท้ายคือถ่าน Alkaline AAA ระดับ Ultra Rare ยี่ห้อ Google LLC. ซึ่งมีดีไซน์แสนจะมินิมอล (ถ้าขายต่อจะมีคนซื้อมั้ยหว่า 555)
เริ่มใช้งาน
ก็ไม่ยากครับ ต่อสาย HDMI เข้าตรูด TV + ต่อปลั๊ก จบปิ้ง
หรือถ้าแถวนั้นปลั๊กไฟเต็ม จะต่อผ่าน powerbank ก็ได้ไม่มีปัญหา
ในส่วนการ Setting ก็ไม่มีออะไรมาก โหลด App “Google Home” จาก Play Store มาลงมือถือก่อน play.google.com
จากนั้นก็ Set up New Device ผ่านมือถือได้เลย (เขาบอกให้ทำอะไรก็ กด Next รัวๆ ไปสไตล์ไทยแลนด์ 555)
ถ้ามีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่นพวก Nest / ลำโพง google home ก็จัดการผ่าน App นี้ได้ทั้งหมด
(อ้อ…เราสามารถสั่ง Screen Mirror จอมือถือผ่าน App นี้ด้วยก็ได้นะ) ซึ่งผมตั้ง Chromecast ของผมให้อยู่ family room
.
ก่อนใช้งานก็โหลดเฟิร์มแวร์ต่าง ๆ กันซักนิดนึง (น้ำตาจิไหลเดี๋ยวนี้แม้แต่รีโมทก็ยังต้องอัพ Firmware)
การสั่งงาน ถ้าจะสั่งงานด้วยเสียงพูดภาษาไทย ต้องตั้งค่าเมนูเป็นภาษาไทยด้วย (ตอนแรกผมตั้งเป็นภาษาอังกฤษไว้ พอพูดภาษาไทยไปมันพยายามจะแปลเป็นภาษาอังกฤษท่าเดียวเลย)
แล้วก็เข้าเมนูตั้งค่ารีโมทของ Chromecast ให้รู้จักกับ TV คุณปู่เราซะนิดนึง ซึ่งเจ้ารีโมทตัวนี้รองรับทั้ง IR และ Bluetooth ครับ เดี๋ยวจะพูดถึงตอนช่วงการใช้งานอีกที
การใช้งาน
หน้าตาก็จะเป็น Google TV base on Android 10 ประมาณนี้ ถ้าเรามี App ใด ๆ ที่ผูกบริการไว้กับ Google Account ระบบก็จะ Sign in ให้แบบง่าย ๆ เลย
เพียงเท่านี้ TV เจ้าคุณปู่ของเรา ก็จะมีระบบ/UI ที่ล้ำกว่า TV ราคาหลาย ๆ หมื่นที่ยังไม่ได้ Update แล้วนะจ๊ะ
แต่สำหรับใครรู้สึกว่าเมนูดูรกไป อยากให้จอแสดงแต่ App (คลีน ๆ อารมณ์ Apple tv) ก็ตั้งค่าใน setting ได้นะ
ภาพรวมการใช้งานเมนูต่างๆ มีความลื่นไหลที่ดี กดปุ๊บ มาปั๊บ กดโหลดคลิป ก็ Buffer ได้รวดเร็ว 1-2 วิ ก็ได้ดูแล้ว
เมมในเครื่อง ผมโหลด netflix linetv trueid เกมส์ FF6 เพิ่ม เมมเหลือประมาณ 4 GB ครับ (เดิม ๆ ไม่ได้ถ่ายไว้ น่าจะเหลือให้ใช้ประมาณ 5 GB ได้)
ซึ่งเยอะเหลือเฟือสำหรับ App Streaming ต่างๆ แต่คงไม่เหมาะกับสายเล่นเกมส์หนักๆ หรือสายโหลดหนัง (จริง ๆ เจ้าตัวนี้ก็รองรับการต่อ Mem นอกได้แหละ แต่ก็ต้องมีอุปกรณ์เพิ่มนิดนึง)
.
มาดูที่รีโมทกันบ้าง อย่างที่บอกไปว่าเจ้านี่รองรับทั้ง IR และ Bluetooth และตัว Chromecast รองรับ HDMI-CEC ด้วย ทำให้เราสามารถใช้รีโมท Chromecast สั่งงาน TV (สั่งได้ตลอดโดยไม่ต้องเปิด Chromecast ก็ได้) และ ใช้รีโมท TV สั่งงาน Chromecast กลับได้ (สั่งมาสั่งกลับไม่โกง)
อย่างแรกคือใช้รีโมท Chromecast เลือกปรับเสียงลำโพงในระดับ HW ของ TV ได้เลย (เหมือนเอารีโมท TV มาปรับเอง)
หรือจะสั่งให้ปรับเสียงเฉพาะใน Chromecast ก็ได้ (ใครมีหลายกล่องหลายอุปกรณ์ ผมแนะนำให้เลือกอันนี้ เพราะจะได้ไม่ต้องปรับเสียงไปมาเวลาเปลี่ยน Input)
นอกจากนี้ยังสามารถสั่งปิด/เปิด TV และเลือกช่อง Input โดยตรงจากรีโมทได้
(อันนี้ถือว่าดีครับ เพราะเดิมผมใช้กล่อง Windows 10 ปรากฏว่ามันคุยกับ TV ไม่รู้เรื่อง แม้แต่สั่ง Shut down มันก็ปิดแต่กล่อง จอไม่ดับเหมือนจอคอมด้วย พอใช้เจ้านี่สะดวกขึ้นเยอะเลย)
และรีโมท TV แก่ๆ ก็สั่งเจ้า Chromecast ได้ด้วย จะสั่งหยุดคลิป / เลือกคลิป /เข้า-ออกแอป ก็ทำได้ทั้งที่ TV Pana ที่บ้านค่อนข้างเก่า (ยังไม่ใช่ Smart TV เลยด้วยซ้ำ)
ทดลองเล่นเกมส์
ผมลองเกมส์ง่ายๆอย่าง Final Fantasy 6 ก็รันบนเจ้า Chromecast ได้กราฟฟิคลื่นไหลดี แต่การ Control ตะกุกตะกักนิดนึงเพราะต้องใช้รีโมทเล่น (มันกดไม่ถนัดเหมือนจอย และปุ่มมีไม่ครบด้วย
ดังนั้นหาจอยมาต่อเถอะ ไม่งั้นรีโมทลาโลกก่อนแน่นวล
.
อ้อ….เผื่อใครยังไม่รู้ Google บอกว่า Chromecast ตัวนี้จะรองรับ Stadia ด้วยนะ (เริ่มใช้ได้ในปี 2021 นี่แหละ)
ใช้งานได้ในไทยเมื่อไรคงได้ลองครับ (ถ้า Google ไม่ยุบโครงการก่อนอ่ะนะ 555)
การ cast ภาพจากมือถือ
ก็ทำได้ปกติ ทั้ง Cast ทั้ง Mirror ตามสไตล์ Chromecast แหละครับ โดยผมใช้วิธีสั่งผ่าน App Google Home
.
.
แถมท้าย
ด้วยความที่เจ้านี่มันรองรับการต่ออุปกรณ์นอกได้แต่ต้องใช้ USB Hub (และตัว Hub ต้องรองรับการต่อไฟเข้า เพื่อรับไฟมาจ่ายให้อุปกรณ์อื่น รวมถึงตัว Chromecast ด้วย) ราคาก็จะสูงอยู่พอสมควร ต่ำๆก็ 4-500 บาท
ด้วยความงก เพราะคิดว่าตัวเองมี Adapter OTG พอร์ท Type C to A อยู่แล้ว เลยลองสัง USB-C Splitter แบบในรูปมาลองใช้ดู (สั่งจากจีนผ่าน Shopee ราคา 32 บาทถ้วน)
ปรากฏว่า Fail ครับ ไม่ใช้ Chromecast ไม่รองรับนะ แต่ไอ้เจ้าตัวนี้มันห่วยเลยทดสอบอะไรไม่ได้ คือมันเสียบอุปกรณ์ได้ข้างเดียว เสียบ 2 ข้างพร้อมกันไม่ได้ (แล้วจะซื้อเอ็งมาเพื่อ….)
เลยอยากจะฝากเพื่อน ๆ ว่าเป็นไปได้กรุณาหา hub ตัวดี ๆ ซักหน่อยเหอะ (นี่ลองสั่งตัวอื่นไปละ) ไม่งั้นจะเข้าทำนองเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายเหมือนผมนะ 555
และขอจบรีวิวด้วยความ Fail แต่เพียงเท่านี้ (ถ้าได้ Hub ตัวใหม่ หรือ Stadia เปิดในไทย อาจจะหาเวลามารีวิวเพิ่มครับ)
สรุปภาพรวม
สิ่งที่ชอบ
1. ผลิตในไทย
2. เล็กเบา กะทัดรัด มี HDMI ในตัวไม่ต้องหาสายแยก
3. การใช้งานลื่นไหล
4. UI ล้ำกว่า Android ทุกเจ้าในตลาด (แหงล่ะ)
5. การ Support S/W น่าจะดีกว่ากล่องค่ายจีนทั้งหลาย (มั้งนะ 555)
สิ่งที่ไม่ชอบ
1. พอร์ตเชื่อมต่อน้อย น่าจะมี USB แยกซักช่องก็ยังดี
2. ไม่มีตัวแทนจำหน่ายในไทย ประกันร้านอย่างเดียว
3. เครื่องหิ้วราคาแสนจะโหดร้าย
ที่มา : หน้าแป้นแล้น .