พื้นที่รอบๆ บ้านที่ไม่ได้ใช้งาน หากปล่อยทิ้งไว้จนหญ้าขึ้นรกรุงรัง ก็อาจจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาอยู่อาศัยได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยต่างๆ แมลงรบกวน และโดยเฉพาะงู คงไม่มีใครอยากจะเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ไว้ในเขตรั้วบ้านแน่ๆ
วิธีแก้ปัญหาก็คือ จัดการเปลี่ยนพื้นที่รกๆ ให้กลายเป็นสวนหย่อมนั่งเล่นซะ เหมือนกับรีวิวของคุณ เรือนขวัญ ที่ ในบ้าน นำมาฝากชาวเว็บกันในวันนี้ เป็นการเปลี่ยนพื้นที่รกๆ ริมรั้ว ให้กลายเป็นมุมจิบกาแฟสุดชิลล์ ลองมาดูกันครับว่ามีขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง เผื่อจะได้เอาไปเป็นแนวทางทำที่บ้านของเรากันบ้างเนอะ
Review : เปลี่ยนพื้นที่รกๆ ริมรั้ว ให้กลายเป็นมุมจิบกาแฟสุดชิลล์
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวห้องชายคาทุกท่าน แอบเข้ามาเก็บข้อมูลเรื่องต้นไม้ใบหญ้าเป็นระยะๆ จนตอนนี้จัดสวนเสร็จไปหนึ่งมุมแล้ว อยากนำข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ มาแบ่งปัน หรือถ้าใครมีคำแนะนำติชมอะไรก็น้อมรับนะคะ เพราะเราก็เป็นคนปลูกต้นไม้มือสมัครเล่นเหมือนกัน ต้นไม้ที่ลงๆ ไว้ก็ยังไม่รู้ว่าจะรอดหมดหรือป่าว
ที่มาที่ไปของสวนนี้เริ่มมาจาก พื้นดินรอบๆ บ้านเราทรุดตัวลงไปเยอะค่ะ เนื่องจากเมื่อก่อนหมู่บ้านนี้ใช้น้ำบาดาล ทรุดไปเรื่อยๆ จนล่าสุดคือมองเห็นตัวคานบ้านโผล่มาทักทายเป็นที่เรียบร้อย ลองเอาไม้บรรทัดวัดดู เห็นแล้วน่าตกใจ ทรุดไปประมาณหนึ่งศอกได้ เรากับคุณแฟนก็เลยปรึกษาหารือกันว่าคงต้องเตรียมซ่อมแซมบ้าน ถมพื้นดินรอบๆ และจัดสวนใหม่กันได้แล้ว แต่ถ้าจะทำพร้อมกันทุกอย่างนี่ งบประมาณตกหลายสิบหมื่นอยู่นะเนี่ย ก็เลยสรุปว่าถมดินรอบบ้านก่อนแล้วกัน
เพราะปล่อยพื้นรอบๆบ้านไว้เป็นโพรงคงไม่ดีแน่ กลัวจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาอยู่ด้วย
สภาพพื้นที่เดิมก่อนถมทราย
ระหว่างที่เรามะงุมมะงาหราตามหาผู้รับเหมาถมดินอยู่ (แบบว่าอยากได้ดินดีๆปลูกต้นไม้ได้ด้วย) คุณแฟนก็ใจร้อนไปตกลงกับผู้รับเหมาถมทรายในหมู่บ้าน ให้เอาทรายขี้เป็ดมาลงสองคันรถ พร้อมๆ กับไปว่าจ้างคนงานก่อสร้างในหมู่บ้านมาช่วยกันขน สองวันเรียบร้อยค่ะ
กะว่าจะรอซักระยะให้ทรายอยู่ตัวก่อนแล้วค่อยปลูกต้นไม้ แต่ช่วงสงกรานต์ ฝนเทลงมาห่าใหญ่ งานเข้าเลยค่ะ เพราะทั้งลมทั้งฝน พัดทรายปลิวตลบ กวาดบ้านกันไม่หวาดไม่ไหว ก็เลยต้องลงมือจัดสวนอย่างเร่งด่วน มุมแรกที่เราจะจัดนี้ เป็นมุมเล็กๆ อยู่ข้างที่จอดรถ เป็นจุดที่ทรายปลิวเข้าบ้านมากที่สุด
ถมทรายปรับพื้นที่เรียบร้อย พร้อมลุย
แปะรูปผังบ้านให้ดู จะได้นึกภาพออก พื้นที่ตรงนี้ใหญ่มากๆ กว้าง 2 ม. ยาว 4.85 ม. นอกจากจะแคบแล้วยังแถมบรรดาสารพัดท่อน้ำ (บ่อซึมหนึ่ง ท่อระบายน้ำทิ้งอีกสอง) ยื่นหน้ายื่นตามาให้นักจัดสวนสมัครเล่น อย่างเราปวดหัวเล่น เพราะปลูกต้นไม้ไม่ได้ จะถมก็ไม่ได้อีก
มาเริ่มลงมือจัดสวนกันค่ะ เริ่มแรกเลยเราก็ไปรื้อหนังสือเกี่ยวกับบ้านและสวนเก่าๆ มาดูรายชื่อต้นไม้ขนาดเล็ก เน้นไม้ในร่ม เข้าเวบหาดูตัวอย่างสวน (เน้นขนาดเล็กๆ เข้าไว้) วัดพื้นที่ เอากระดาษกับปากกามาวาดคร่าวๆ ว่าจะวางอะไรตรงไหน แล้วไปรื้ออุปกรณ์ประดับสวนเก่าที่เหลืออยู่มาลองวางเรียงดูว่ามีอะไรใช้ได้บ้าง แล้วจดรายการสิ่งของและต้นไม้ที่ต้องซื้อเพิ่ม
ดูพื้นที่แบบใกล้ๆ วงกลมเขียวๆ นั่นคือต้นโมกที่มีอยู่แล้ว
สภาพพื้นที่หลังจากถมทรายแล้ว มีต้นจั๋งเก่าแก่คู่บ้าน ยืนโด่เด่อยู่ ทนมาก ฝากเทวดาดูแล เพราะไม่ค่อยได้รดน้ำเลย หลังจากลองเอาของเก่าๆ มาเรียงดู ก็ได้ประมาณนี้ค่ะ แต่ก็ยังดูไม่ค่อยลงตัว คุณแฟนบอกว่าใบจั๋งมันเกะกะ ทิ่มหน้าทิ่มตา เราเดินวนดูอยู่รอบนึง ตัดใจขุดมันทิ้งไป ถึงเวลาเปลี่ยนแล้วค่ะ
พื้นที่ตรงนี้อยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน มีลมเย็นๆ พัดผ่านให้ชื่นใจช่วงเช้าๆ ไปถึงบ่ายๆ โดนแดดช่วงบ่ายแก่พักนึง เพราะโดนหลังคาเพื่อนบ้านบัง ดูจากทำเลแล้ว เราคิดว่าทำเป็นมุมจิบกาแฟตอนเช้าน่าจะเหมาะ ก็เลยโดดขึ้นรถชวนคุณแฟนไปหาซื้อโต๊ะเก้าอี้และต้นไม้ ไปร้านแรกเจอเก้าอี้ไม้เก่าๆ แต่ตัวใหญ่ไปหน่อย ยังไม่ถูกใจ ขับรถวนไปอีกถนนนึง ไปเจออีกร้าน เจ้าของเค้าไอเดียดีค่ะ เอาไม้เก่าๆ มาประกอบเป็นเก้าอี้นั่งเล่น ด้านล่างทำเป็นช่องเล็กๆ ไว้เก็บของกระจุกกระจิก เห็นแล้วปิ๊งเลย เพราะสีสันสดใส ทำให้สวนเล็กๆ เราดูสว่างขึ้น
ตัวนี้ค่ะ ชอบมาก ยกมาวางเสร็จแล้ว เราใช้กรวดขนาดเล็กโรยอำพรางฝาบ่อซึมที่อยู่ด้านหน้า
เหลือบไปเห็นโต๊ะกับเก้าอี้เล็กๆ ที่โชว์อยู่ในร้านอีกชุดนึง ก็เลยสอยมาด้วยกัน เผื่อเอามาไว้นั่งเล่นโน๊ตบุค เบ็ดเสร็จจ่ายค่าโต๊ะ เก้าอี้ไป 5300 หมดไปครึ่งหมื่นแว้วยังไม่ได้ต้นไม้เลยเนี่ย
โต๊ะ เก้าอี้ ชุดที่สอง
ตอนนี้อุปกรณ์แต่งสวนครบแล้ว เราก็เริ่มจัดสวนด้วยการขุดต้นจั๋งทิ้ง ปรับพื้นที่ (พื้นถมด้วยทรายแล้ว ก็เลยปรับง่าย แค่เอาจอบลากๆ เอาระดับน้ำวางไม่ให้มันเอียงมาก) มาหนักก็อีตอนยกหินทรายปูพื้นนี่แหละค่ะ ยกไปได้ห้าหกก้อน พาลจะหน้ามืดเอา ทำมั่งพักมั่ง แดดร่มลมตกเราก็ปูพื้นเสร็จ ยกเก้าอี้มาวางนั่งพักเหนื่อย
ปูพื้น วางเก้าอี้แล้วออกมาประมาณนี้ ต้องพยายามมองข้ามกำแพงกระดำกระด่างข้างหลังนั่นไปก่อน รอคิวจัดการลำดับถัดไป
หลังจากปูพื้น ทำทางเดินแล้ว จะเห็นว่ามีพื้นที่เหลือให้ลงต้นไม้กระจึ๋งนึง ข้างละประมาณ 50 ซม. เองอ่ะ (เยอะมาก ประชด)
เริ่มจากฝั่งขวามือ (หันหน้าเข้าหาประตูบ้าน) ตรงนี้จะติดโคนต้นโมก ต้นเสาและก๊อกน้ำ ก็ไม่ต้องคิดมากเอาต้นฟิโลซานาดูลงไป วาดฝันว่าเค้าจะโตและเป็นพุ่มคลุมโคนต้นโมก และตอนนั้นเราจะตัดใบเค้าไปปักแจกัน (ฝันกลางวัน อิอิ)
จากนั้นก็ลงเฟิร์นใบมะขามคลุมดิน จริงๆ ถ้าใจร้อน จะซื้อมาเยอะๆ แล้วลงให้เต็มพื้นที่เลยก็ได้ แต่เราใจเย็น (เรื่องของเรื่องคือแอบงก) ก็เลยซื้อกระถางใหญ่มากระถางเดียว แล้วมาแยกต้นเล็กๆลงปลูก ส่วนกระถางใหญ่เก็บไว้ตั้งโคนต้นโมก
แยกกันเห็นๆ
ปลูกต้นไม้เสร็จเราก็ขนบรรดาก้อนหินสารพัดหินในบ้าน มาวางเรียงเป็นแนว ป้องกันทรายกระเด็นตอนฝนตก นับวันรอให้เฟิร์นโตเป็นพุ่มเร็วๆ จะได้ช่วยปิดหน้าดิน
อุปกรณ์ทุ่นแรงของเรา ในการขนสารพัดของแต่งสวน
ปลูกเฟิร์นเสร็จแล้ว ทำไมยังดูโล่งๆ อีกหล่ะ ต้องขนสารพัดไม้กระถางที่ซื้อมาวางอัดลงไป มีทั้งเงินเต็มบ้าน เฟิร์นกอใหญ่ (ที่รอดจากการชำแหละเมื่อตะกี้) และสับปะรดสี ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของมุมนี้ เพราะช่วยทำให้มีสีสันขึ้น
ฝั่งขวาเสร็จแล้ว ย้ายมาฝั่งซ้ายกันบ้าง จากแผนผังข้างบนเราจะเห็นว่ามีฝาท่ออยู่สามจุดซึ่งเราถมไม่ได้ ปลูกต้นไม้ไม่ได้ ทำไงดี
เราก็แก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการวางตอไม้ทับฝาท่อไว้ เอาหินก้อนเตี้ยๆ วางไว้เป็นฉากหน้า เอาอิฐดินเผาเก่าๆ มาเรียงเป็นฐานแล้ววางโอ่งใบเล็ก เอาไว้พักน้ำเพื่อใช้รดบีโกเนีย หาฝามาปิดและห้อยกระบวยตักน้ำไว้ใกล้ๆ จะได้หยิบใช้สะดวก
โคนต้นโมกก็เรียงอิญดินเผาเป็นแท่น ไว้วางกระถางบีโกเนีย
ติดกับกำแพงบ้าน เราปลูกหมากผู้หมากเมียหางหงส์ลงไปหนึ่งต้น (คิดว่าจะใช้เป็นไม้ประธาน แต่ปลูกเสร็จแล้วทำไม มันเตี้ยอย่างนี้ เรื่องของเรื่องคือซื้อต้นเล็กไป คงต้องร้องเพลงรอให้เค้าโต)
ระหว่างตอไม้กะโอ่งเนี่ยดันมีช่องว่างเกิดขึ้น เราจึงต้องยัดสัปปะรดสีต้นที่สองที่ซื้อมาเพราะคนขายเชียร์ว่า ซื้อต้นนี้คุ้ม เพราะเค้ากำลังแตกหน่อสองหน่อ (งกว่างั้นเถอะ อิอิ) วางลงไปแล้วดูดีมีสกุลขึ้นเนอะ
จัดหาท่านประธานเอ้ยไม้ประธานได้แล้ว ก็มาลงไม้รองๆ กันบ้าง เราเลือกเสน่ห์จันทร์แดงค่ะ เพราะชอบสีและรูปทรงเป็นพุ่มๆ แถมแตกหน่อขยายพันธ์ง่ายด้วย ถัดไปก็เป็นเดหลีสองกอ ด้านหน้าเดหลี ลงคล้านางพญา ใบลายๆ หลังใบแดง เพิ่มสีสัน
จากนั้นลงเศรษฐีเรือนนอกสามกอเพื่อคลุมดิน ตามช่องว่างเราจะวางอิญมอฐไว้เพื่อกันทรายกระเด็นเวลาฝนตก แล้วก็ไปค้นสารพัดตุ๊กตาแต่งสวนเก่าๆ มาวาง
มีตุ๊กตาหินทรายเหลืออยู่ในกรุอีกหลายตัว ยกมาตัวนึงวางไว้ใกล้ๆตอไม้พร้อมกับเด็ดพลูทองกับต้นเงินไหลมา จิ้มใส่กระถางวางไว้จะได้ไม่ดูโล่งเกินไป
เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ ตอนนี้เหลือซอกแคบๆ ที่เป็นทางเดินไปหลังบ้าน ตรงนี้แคบเกินกว่าที่จะปลูกต้นไม้ เราก็เลยจัดการปรับพื้นที่ วางแผ่นหินทรายเป็นทางเดิน ระหว่างรอยต่อตอนแรกเอากรวดโรย แต่ดูแล้วก็เริ่มเบื่อ ลองเอาต้นหนวดปลาดุกแคระมาลงตามแนวแผ่นหินทรายสลับกับกรวดมั่งดีกว่า จะได้ดูไม่แข็งเกินไป
แอบขัดใจท่อน้ำสีฟ้าแปร๋นแหล๋นนี่ ไว้ว่างๆ คงต้องจับทาสีให้หมด ตอนนี้หมดแรงแล้ว
แผ่นหินทรายสีเหลืองและแดงที่เหลือๆ อยู่ในบ้านค่ะ เก็บมาใช้ให้หมด เสียดาย อาจจะดูตะปุ่มตะป่ำ ไม่ค่อยได้ระดับไปบ้างตามประสามือสมัครเล่น แต่ก็ไม่เป็นไร ศรีทนได้
ทยอยทำไปวันละนิดละหน่อย ใช้เวลาไปสามอาทิตย์ สุดท้ายก็เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เห็น (ไม่สามารถใช้คำว่าเสร็จสมบูรณ์ได้ เพราะว่างๆ เราก็โยกย้ายกระถางต้นไม้ ไปเรื่อยเปื่อย)
เดินไปเทโค้กเย็นๆ มานั่งจิบ ชื่นชมมุมกาแฟใหม่ ไม่ได้สวยงามเรียบร้อย ลงตัวเป๊ะ แบบมืออาชีพ แต่ก็เป็นความสุขเล็กๆ ของคนชอบต้นไม้อย่างเรา
แถมๆๆ
ลงรายชื่อต้นไม้พร้อมราคา (เท่าที่จำได้) ที่เราใช้การจัดสวนครั้งนี้ เน้นไม้ในร่ม ดูแลง่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้พื้นๆ ที่เราเห็นทั่วไปตามร้านขายต้นไม้ ต้องขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปมาประกอบ ใครอยากเห็นหน้าตาต้นใหนแบบใกล้ๆ ลองใช้บริการอากู๋ google ดูค่ะ
1. หมากผู้หมากเมียหางหงส์ เหมาะปลูกในที่แคบๆ เพราะทรงต้นเค้าจะสูงชะลูดขึ้นไป โคนต้นโปร่งๆ ปลูกไม้พุ่มเตี้ยๆ แซมได้ (กอเล็ก 80 บาท)
2. เสน่ห์จันทร์แดง เป็นพุ่มแตกหน่อได้ ขยายพันธ์ง่าย พุ่มไม่สูงมาก ปลูกคลุมโคนไม้ใหญ่ๆ สวยค่ะ
3. เดหลีใบกล้วยและใบเล็ก แบบว่าตัดสินใจไม่ได้เลยหยิบมาอย่างละต้น แต่พอลงดินแล้ว เราคิดว่าเดหลีใบเล็กดูจะเหมาะกับการปลูกในที่แคบมากค่ะ (เดหลีใบเล็ก 100 บาท)
4. ต้นนางพญาคล้าทอง บางคนก็เรียกคล้านางพญา บ้างก็เรียกคล้าทอง ไม่รู้จะเชื่อใคร รู้แต่ว่าใบสวย ปลูกแซมๆ กับไม้สีเขียว ช่วยเพิ่มสีสันดี (30 บาท)
5. เฟิร์นใบมะขาม นี่ถือเป็นยาสามัญประจำสวน คิดอะไรไม่ออก ยัดด้วยเจ้านี่ไปก่อน ปิดบังอำพราง ช่องว่าง รอยโหว่ ได้ดีชะมัด ถูกและทน
6. เศรษฐีเรือนนอก จะปลูกคลุมดิน ปิดรอยต่อ ลงกระถางตั้งโต๊ะ ก็งามค่ะ (ถุงละ 15 บาท)
7. บีโกเนีย สุดยอดของไม้ใบสีสวย ชอบชื้นแต่ไม่ชอบแฉะ บางคนก็ว่าเป็นไม้ปราบเซียน เพราะเลี้ยงยังไงก็เน่าตายหมด ของเราที่ซื้อมานี่ ก็ยังไม่รู้ว่าจะรอดไปนานแค่ไหน (กระถางใหญ่ 180 บาท)
8. สัปปะรดสี เอาไว้เพิ่มสีสันให้กับสวนในร่ม ที่ปลูกไม้ดอกไม่ได้ มีหลายแบบหลายสี จารนัยไม่หมด
9. เงินเต็มบ้าน เป็นไม้ในกลุ่มอโกลนีมา สีของใบมันวาวคล้ายอลูมิเนียม มีต้นกำเนิดมาจากฟิลิปปินส์ แต่คนขายเอามาตั้งชื่อว่าเงินเต็มบ้าน และโปรโมทว่าเป็นไม้มงคล ปลูกแล้วเงินจะเต็มบ้านรึป่าว ต้องติดตามตอนต่อไป (80 บาท)
10. ฟิโลซานาดู ใครชอบจัดดอกไม้ คงคุ้นเคยกับต้นนี้ดี เพราะใบซานาดูนี่ตัดไปปักแจกัน อยู่ทนและอยู่นาน เป็นไม้ชอบร่มค่ะ เราเลยปลูกไว้โคนต้นโมกเลย
11 หนวดปลาดุกแคระ ไว้ปลูกแทรกตามรอยต่อของก้อนหินหรือทางเดิน บริเวณที่เราอาจจะปลูกหญ้าไม่ได้ (ถุงละ 6 บาท ซื้อเยอะๆ ต่อเหลือ 5 บาท ถ้าจะซื้อเยอะมากๆ แนะนำให้ไปคลอง 15 ค่ะ
สำหรับเรา การจัดสวนในที่เล็กๆ แบบนี้ มีกฎสองข้อคืออย่าใหญ่และอย่าเยอะ คือไม่ปลูกไม้ใหญ่ๆ เพราะจะทำให้ดูอึดอัดและอย่าลงต้นไม้เยอะ เลือกเอาทรงและสีที่ดูเข้ากันหรือตัดกัน เพื่อเพิ่มสีสันให้สวน
หันไปเห็นพื้นที่โล่งๆข้างบ้านอีกสามส่วนแล้วเริ่มปวดหลัง รักนะแต่สังขารเริ่มไม่ให้ซะแว้ว ตอนนี้ขอพักไปนวดยาให้หายปวดหลังก่อน ไว้มีเรี่ยวแรงจัดสวนมุมอื่นๆ แล้วจะมารีวิวให้ดูกันอีกนะคะ
แผนที่ร้านขายเก้าอี้ค่ะ ร้านนี้จะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเกษมบัณทิต วิทยาเขตร่มเกล้า เขตมีนบุรี อยู่ริมถนนร่มเกล้า ช่วงใกล้ๆ ถึงสี่แยกร่มเกล้าตัดถนนรามคำแหง (เดิมเรียกถนนสุขาภิบาล 3) บริเวณนี้จะมีกลุ่มร้านค้าต้นไม้ ดอกไม้และของแต่งสวนอื่นๆ อีกหลายชนิดค่ะ
ใครอยู่ใกล้แถวนี้ จะลองแวะมาเดินดูของแต่งสวนก็ได้ค่ะ มีหลายอย่างเหมือนกัน แต่ถ้ามาไกลๆ เกรงว่าจะไม่คุ้มนะ เพราะร้านขายเก้าอี้นี้เป็นร้านเล็กๆ เองค่ะ เจ้าของทำเอง บางช่วงก็อาจจะไม่มีอะไรให้ดูเท่าไหร่
ที่มา : เรือนขวัญ