วิถีชีวิตในเมืองที่แสนจะวุ่นวาย ต้องตื่นเช้ามาทำงาน ตกเย็นก็กลับบ้าน บางคนอาจมีทำโอทีต่ออีก หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวกลางคืน ต้องพบปะผู้คนอื่นๆมากมาย ช่วงเวลาส่วนตัวของคนในเมืองนี่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเลย
แต่จะดีแค่ไหน หากมีเวลาสักสองสามวัน และได้ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ ได้ตื่นนอนโดยปราศจากเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือ ได้ทานอาหารคลีนๆทนที่จะซื้อทานจากร้านฟาสต์ฟู๊ด และได้นอนหลับท่ามกลางลมเย็นยามค่ำคืนโดยไม่ต้องเปิดแอร์
ถ้าคุณคือคนที่กำลังอยากจะหนีจากความวุ่นวายในเมือง คราวนี้ ในบ้าน มีรีวิวโฮมสเตย์ที่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ลับของจังหวัดเชียงใหม่มาให้ได้ชมกัน เป็นที่ๆคนเชียงใหม่อาจจะไม่ค่อยรู้จักกันนัก แต่ในหมู่ชาวต่างชาติ เขาแย่งกันจอง ต่อคิวรอนานกันเป็นเดือนๆ เลยล่ะ
อยากรู้จักกันแล้วล่ะสิ เอาเป็นว่าอย่ารอช้า ลองไปชมกันเลยครับ สำหรับ “บ้านหอมสมุนไพรโฮมสเตย์” โฮมสเตย์แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง (รีวิวโดย ไปไง มาไง)
เราเองเป็นคนเชียงใหม่ ที่โตมากับสังคมเมืองเชียงใหม่นั่นแหละ
ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง เที่ยวในที่ๆ คนส่วนใหญ่เที่ยวเชียงใหม่กัน
จนบางครั้งเวลาเพื่อนมาเชียงใหม่แล้วถามว่า
” มีที่ไหนน่าไปอีกบ้างวะ “ เรากลับตอบไม่ได้ เพราะที่ไปมามันก็ซ้ำกันหมด
แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะเราเจออีกที่ๆ นึง ใกล้เมือง
ที่จะทำให้เข้าถึงเชียงใหม่ในมุมใหม่ๆมากขึ้น
เชียงใหม่แบบชุมช๊นนนนน ชุมชน
ที่นี่ทำให้เข้าใจคำว่าพักผ่อนแบบพักผ่อนจริงๆ 55555
“บ้านหอมสมุนไพร, เชียงใหม่”
การมาบ้านหอมสมุนไพรนั้นห่างจากสนามบินแค่ประมาณ 15 นาที
อยู่ใน ต.ท่าวังตาล อ.สารภี ใกล้ๆแค่นี้แหละ แต่น้อยคนจริงๆที่จะรู้จัก
กลับกันฝรั่งจะมาที่นี่ได้จะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 -3 เดือน
เพราะกรุ๊ปนึงจะรับเล็กๆไม่เกิน 10 คนเท่านั้น เพื่อให้ได้บรรยากาศของการพักผ่อนจริงๆ
ชุมชนรอบๆ บ้านหอมคือชุมชนบ้านหางแคว เค้าเล่าให้เราฟังว่า
สมัยก่อนเวลาเดินหรือปั่นจักรยานผ่านบ้านหลังนี้ จะมีกลิ่นหอมๆโชยออกมา
ป้าๆเล่าให้เราฟัง เค้าพูดว่า ” บ้านนี้ดีจัง เดินไปทางไหนก็หอมสมุนไพร “
เลยเป็นที่มาของชื่อบ้านหลังชื่อ คือ บ้านหอมสมุนไพร
การท่องเที่ยวแบบนี้ต้องยอมรับว่าอาจไม่ได้รับความนิยมมากนัก
คงเป็นเพราะเป็นอะไรแบบไทยๆ ไทยแท้ๆ เลยคิดว่าอาจไม่มีอะไรที่น่าสนใจ
เราว่าการมาเที่ยวชุมชนแบบนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือเปิดใจยอมรับ และเปิดตา
เปิดตาเพื่อให้เราได้เห็นความยิ่งใหญ่แบบไทยๆ ของธรรมชาติที่วิเศษมากๆ
วิดีโอตัวนี้มีความยาวแค่ 1 นาที อยากให้ลองเปิดดูเราตั้งใจทำมาก อิอิ
เป็นการเริ่มต้น Unlock all you senses ให้ตื่นเต้นเบาๆ (อย่าลืมกด HD ด้วยนะ)
ห้องพักที่นี่จะเป็นแบบ Open air ทั้งหมด คือไม่มีแอร์จ้า
มาตอนแรกก็กังวลเหมือนกันว่าจะนอนยังไง ถ้ากลางคืนมันร้อน
แต่เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ร้อนขนาดจนอยู่ไม่ได้ เพราะเป็นบ้านไม้ยกสูงลมพัดตลอด
อากาศตอนกลางคืนก็ค่อนข้างเย็นสบายและถ่ายเท
ที่นี่มีพระเอกอยู่หลายตัวด้วยกัน และชื่อของแต่ละตัวนั้นจะเป็นชื่อสมุนไพรทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็น ดีปลี ชะพลู เรียกชื่อเฉยๆก็สั่นหางวิ่งมาแต่ไกลแล้ว
เราไปพักที่นี่มาเต็มอิ่ม 2 คืนเต็มๆ ทำให้เข้าใจว่าการไปเที่ยวผจญภัยแบบที่เราชอบทำ
กับการมาเที่ยวแบบใช้ชีวิตช้าๆที่นี่ มันแตกต่างกันมากกกกก
เราว่าการเที่ยวแบบนี้น่าจะเรียกกว่าการพักผ่อนถึงจะถูก
ตอนที่เราไป มีแค่พวกเรา 3-4 คนกับกรุ๊ปคุณลุง คุณป้าชาวฝรั่งเศสที่มาเที่ยวที่นี่โดยเฉพาะ
ทำให้กิจกรรมของเราทั้งหมดต้องพูดทั้งไทยและอังกฤษ ช่วยกันแปล ช่วยกันลอง
ไม่ใช่แค่ฝรั่งเท่านั้นที่ตื่นตาตื่นใจ เราเองคนไทยแท้ๆบาอย่างก็ยังไม่เคยทำเหมือนกัน
ในภาพนี้คือคุณครูหอมปรางค์ หรือ ป้าหอมของเรานั่นเอง
ทุกอย่างจากธรรมชาติที่เอามาสอนและให้พวกเราได้เรียนรู้ที่นี่
มันไม่ใช่ของใหม่ มันสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เพื่อไม่ให้มันหายไป
เราต้องทำต่อ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ๆได้รู้จักของดีของพวกเรา
” พวกเธอกินใบไม้กันจริงๆหรอเนี่ย !! “
คุณป้าชาวฝรั่งเศสร้องเสียงหลง ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือทำเมี่ยงคำกินกัน อุอุ
เราเคยคิดว่าทำไมเมี่ยงคำตามตลาดน้ำที่เราไปเจอมาขายแพงจัง
ไม้ละ 25 บาทแหนะ กินใบไม้เฉยๆเนี่ยนะ แพงมากกก
แต่พอได้ลองมาทำด้วยตัวเอง จะรู้เลยว่าวิธีการมันก็ยากอยู่
เริ่มตั้งแต่ซอยเครื่องเคียง หั่นมะพร้าว เอามะพร้าวไปเผา ทำน้ำราดเมี่ยงคำช
โอ้ย คือเอาจริงๆว่าซื้อกินง่ายกว่า 55555555
เราได้ลองทำทุกๆ ขั้นตอนของเมี่ยงคำ 555555
น้ำราดเมี่ยงคำจะอร่อยก็ต่อเมื่อใส่กะปิลงไป แต่ป้าๆบอกว่า “เหม็นมากกกกก”
เราเลยต้องทำกันสองอัน อันนึงแบบไม่กะปิให้ฝรั่งกิน อันนึงแบบมีกะปิคือเรากิน
พวกนางก็สนใจช่วยเราทำทุกอย่างเลยนะ เราหั่นนางก็มาหั่น เราต้มน้ำก็จะมาต้มด้วย
เค้าบอกว่า กะปิเหม็นมากๆไม่กล้ากิน … หึหึ เดี๋ยวรู้เลยยยยย
ใช้เวลาช่วยกันงมนานอยู่พอสมควรกว่าจะได้เมี่ยงคำแสนอร่อยขี้มือพวกเรามาจานนึง
ฝืมือไม่เบาเห็นมั้ยหละ หน้าตาสวยงามใช้ได้เลย อิอิ
แต่เรื่องพีคๆมันอยู่ตรงที่ว่า ” เราไม่ได้บอกว่าอันไหนคือกะปิ “
จริงๆคือบอกไม่ทัน ป้าๆ ลุงๆ จ้วงกันก่อนเลย 555555555
แต่ ..
” โอ้ยยยยยยย อร่อย !! “
ไหนบอกว่าเหม็นไงหละ 5555555
(เอาจริงๆเราว่ามันก็เหมือนบลูชีสนั่นแหละนะ)
สรุปฝรั่งทั้งหลายกินแบบที่มีกะปิเข้าไป พอเข้าปากปุ๊ป ใจเราก็ลุ้นมาก “แ ม่ ง จะอ้วกปะวะ อย่าอ้วกนะๆ”
ที่ไหนได้หน้าตาปริ๊งปรั๊งแล้วบอกว่า “อร่อยมากกกก”
#สรุปคือทุกคนเปิดใจกินกะปิ #ดีใจในที่สุดก็กินกันเป็นซะที
แชมพูธรรมชาติใช้แค่ใบไม้กับดอกไม้ !!
ได้ยินตอนแรกคิดในใจในแง่ลบไว้ก่อน 555555
” มันจะสะอาดได้ไงวะ น่ากลัวไปปะ ถ้าหนอนไชหัวกูขึ้นมาจะทำไง “
เราเริ่มตั้งแต่การให้ฝรั่งปีนต้นไม้เก็บใบหมี่แทนพวกเรา ส่วนเราก็ทำตัวสวยๆไปหาดอกอัญชัน
ใช่แล้ว แชมพูของเราใช้แค่ 2 อย่างนี่แหละกับน้ำสะอาด เท่ปะหละ
ป้าหอมเล่าให้เราฟังว่า สมัยก่อนนี่นะเวลาสระผมทีนึงเค้าสระพร้อมกันทั้งบ้าน
แชมพูก็เนี่ยแหละ เก็บๆเอามีเต็มไปหมด ไม่ต้องใช้สารเคมีเลย แค่นี้ก็สบายๆ
สะอาดด้วย หอมด้วย และมีฟองด้วยนะ ไม่ธรรมดา
วิธีทำก็ง่ายมาก ขั้นตอนแรกที่สำคัญมากๆคือล้างมือตัวเองให้สะอาด 55555
เอาใบหมี่และดอกอัญชันมาผสมกัน พร้อมกับใส่น้ำ แล้วขยี้ยำให้เกิดฟองเหลว
สีสันสวยงามหน้าตาหน้ากินแต่กินไม่ได้ 55555
แค่นี้แหละง่ายๆเลย กับแชมพูธรรมชาติ
เรามองว่าเป็นกิจกรรมที่กรีนๆกับสิ่งแวดล้อมมากนะแถมยังสนุกอีกด้วย
อีกอย่างนึงที่เราชอบที่นี่คือทุกกิจกรรมจะไม่ค่อยเบียดเบียนใคร
หมายความว่าทุกอย่างจะค่อนข้างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะคน หนอน หรือน้องหมา
เราเชื่อว่ากิจกรรมที่มีเสน่ห์ในตัวของมันเองแบบนี้แหละ … อยู่ได้นาน
ลูกประคบ อยากได้อะไรก็ใส่ !!
ทุกคนรู้จักแหละว่าลูกประคบคืออะไร แต่ที่เห็นขายๆกัน
บางร้านก็ย้อมแม้วเอาเศษไม้เศษอะไรไม่รู้ใส่เต็มไปหมด จะแก้ดูก็ไม่ได้
ป้าหอมบอกว่าลูกประคบที่ดี เครื่องต้องแน่น เราทำที่บ้านเราเอง
อยากได้อะไรหยิบหาตามรั้วบ้านได้ทั้งหมด 5555555 ใจป๋ามากกกก
ป้าหอมจะพาเราไปเก็บสมุนไพรด้วย คือถือตะกร้าใบนึง
แล้วป้าหอมก็จะแนะนำไปเรื่อยๆ ว่าต้นนี้ใช้ทำอะไร ปลูกกับอะไรขึ้นดี
ต้นนี้ใช้ราก ต้นนั้นใช้ใบ ต้นนี้ใช้กิ่ง ต้นนั้นไม่ใช่ปลูกไว้เฉยๆ 55555
เดินเล่นไปเรื่อยๆ อากาศร้อนก็สู้ เพราะเราไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลยยยยยย
มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับเราทั้งหมด คิดดูว่าเป็นคนไทยแท้ๆมา 23 ปี
ยังเรียกชื่อสมุนไพรที่แม่เอาต้มใส่แกงให้กินไม่ได้เลยยยยยยยยยยย
วิธีทำก็ง่ายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกแต่ใช้เวลา
เราต้องเอาสมุนไพรทั้งหมด มาซอยให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วก็ตำให้หยาบๆหน่อย
ป้าหอมบอกว่าถ้าตำละเอียดเวลาเอาไปนึ่งก่อนเอามาใช้ ไอน้ำมันจะไม่มีที่ทะลุออกมา
แค่นี้แหละก็จะได้สมุนไพรใส่ในลูกประคบให้เราเอาไว้นวด และเอากลับบ้านได้ด้วยนะ ^^
อบสมุนไพรไม่ใช่แบบที่เราคิด
พูดแล้วก็เขินพอป้าหอมบอกเราว่า เดี๋ยวจะพาไปอบสมุนไพรด้วยนะ
ภาพแรกที่เราคิดคือ ป้าหอมต้องให้เราอบกลางสนามหญ้าแน่ๆ !!
แบบนี้
.
.
.
อารมณ์เหมือนคุณแม่ท้องพึ่งคลอดแล้วต้องอยู่ไฟ
จะบอกว่า ลบภาพนี้ทิ้งกันเดี๋ยวนี้ 555555 เพราะไม่ได้อบแบบนี้โว้ยยยยย
ป้าหอมจะให้เราไปเลือกสมุนไพรว่าอยากได้อะไรบ้างแล้วเด็ดมา
เราชอบมากที่สุดคือ .. ต้น Tea Tree !
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีในไทยด้วย ไม่เคยเห็น เราชอบกลิ่นมันมาก
เราเคยไปเด็ดมาเล่นตอนไปออสเตรเลียตอนเด็กๆ เพราะเป็นพืชท้องถิ่นของที่นั่น
ป้าหอมบอกว่า ” บ้านป้าก็มี ปลูกที่บ้านป้าก็ขึ้น อิอิอิ ” (อิอิอิ นี่เติมเองเพิ่มความคิ้วให้ป้าหอม)
หลังจากได้สมุนไพรที่ชอบมาจนพอใจเต็มตะกร้า
ป้าหอมก็จะเอาไปใส่ในห้องอบสมุนไพรให้ ห้องอบที่นี่เหมือนซาวน์น่านั่นแหละช
เป็นห้องไม้ มีไอน้ำพุ่งออกมารอบๆ กลิ่นสมุนไพรจะหอมคลุ้งไปหมด
เสียดายที่ถ่ายในห้องซาวน์น่าไม่ได้เพราะไอน้ำมันเยอะมากก
หลังจากอบสมุนไพรเสร็จแล้ว จะมีสระว่ายน้ำเล็กๆที่น้ำเย็นเฉียบมากให้ว่ายเล่น
ผ่อนคลายตัวเอง และ.. ป้าหอมจะเตรียมน้ำขิงร้อนๆให้เราดื่มกันด้วย
คือแบบ..น้ำตาจะไหล 555555 ไปเที่ยวต่างประเทศมาก็เยอะ
แต่บ้านตัวเองกลับไม่เคยมาเที่ยวและเหลียวแล และทำให้รู้ว่านี่มันสวรรค์ของคนรักธรรมชาติจริงๆ !
เดี๋ยวจะไม่เห็นภาพว่าอบสมุนไพรเสร็จแล้วขึ้นมาจิบน้ำขิงและว่ายน้ำเล่นมันมีความสุขแค่ไหน
ลองดูในวีดีโอนี้แค่ 1 นาทีเท่านั้นแหละ จะอยากมามากขึ้นเลย (อย่าลืมกด HD ด้วยนะ )
ยาอม ยาดม ยาลม ยาหม่อง
ตอนเด็กๆเคยได้ยินตลกร้ายพูดกันว่า… .
” ปากหวานอมยา ปากหมาอม ตี น ปากเหม็นจนเป็นลม ดมยาหม่องได้ทันที “
ป้าหอมให้เราลองทำยาหม่องด้วย 555555
อันนี้ดูเป็นวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก ป.4 ที่คุณครูจะให้ลองทำในสัปดาห์วิทยาศาสตร์
แต่ถามว่าล่วงเลยมาหลายปีจำได้มั้ย ? , ก็ตอบเลยว่าไม่ !
ป้าหอมเลยสอนเราทำอีกครั้ง อิอิ
ยาหม่อมขี้ผึ้งไพลพวกนี้เนี่ยส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันที่สกัดแล้วจากธรรมชาติ
แต่ก็ต้องระวังนะ เพราะมันแรงมากกก เช่นน้ำมันพริกที่เราเอามือไปแตะๆแล้วมาป้ายจมูก
โอ้โหหหหหหห ล้มทั้งยืน 55555555
กว่าจะได้ยาหม่องมาซักขวดนึงให้เราได้ใช้กัน ต้องมีส่วนผสมที่เหมาะสม
และใช้เวลากับความตั้งใจในการทำลงไป (พูดจาสวยอีกละ)
เรานั่งทำยาหม่องกันช่วงบ่ายกับป้าๆชาวฝรั่งเศสนี่แหละ ตื่นเต้นกันทั้งหมด
มีคลิปมาให้ดูด้วยนะ 1 นาที (อย่าลืมกด HD) แล้วจะรักที่นี่มากขึ้น
ไม่ว่าง ไม่ว่าง กำลังนวดดดดด
ช่วงที่เราอยู่ที่บ้านหอม ทุกเช้า 7 โมง จะมีการทำ ฤาษีดัดตนไม่ก็โยคะ
เพื่อให้คลายเนื้อได้ยืดเส้นยืดสาย เหมือนปลุกร่างกายให้ตื่นตัว
โอ้โห พูดเลยว่าโคตรทรมานสำหรับคนทำครั้งแรก ไม่ได้เจ็บอะไรมากขนาดนั้น
แต่อายมากกว่า 555555 เล่นท่ายากกันทั้งนั้น
มองไปทางป้าๆฝรั่งเศสพวกนางก็ทำได้อย่างขยันขันแข็ง แล้วเราหละ !
ต้องให้ป้าหอมมาคอยดัดให้ตลอดเลย 5555555555
พอถ่ายรูปป้า หน้าป้าก็สวยขึ้นมาเลย ไหนทำท่ายากตะกี้สิ 55555
ช่วงบ่ายๆ ถ้าไม่ได้อยากทำแชมพู เมี่ยงคำ ลูกประคบ หรืออบสมุนไพรเป็นพิเศษ
กิจกรรมที่หนุ่มสาวชาวออฟฟิศย่านสาทรจะต้องชอบมากๆคือ ” นวด “
ที่นี่จริงๆเป็นโรงเรียนด้วยนะ ป้าหอมจะเปิดสอนนวดแผนโบราณ ฤาษีดัดตน
ให้กับคนที่อยากจะมาเรียน และนำไปใช้ต่อหรือสร้างอาชีพให้กับตัวเอง
เราจะเห็นฝรั่งหลายคนมาเรียน ไม่ใช่เพราะสร้างอาชีพแต่เพราะหลงไหลกับการนวดแบบไทยๆ
เราได้ลองนวดกับหลานของป้าหอมชื่อน้องแอน
ซึ่งน้องแอนเนี่ยก็เป็นรุ่นที่ 3 แล้วของบ้านหอมสมุนไพร น้องนวดเก่งมากจริงๆ
ป้าหอมเราให้เราฟังว่า รุ่นต่อไปที่จะมาสืบทอดเรื่องราวดีๆของสมุนไพรก็คือน้องแอนนี่แหละ
นักเรียนนอกสุดหล่อชื่อเทินเน่อ จริงๆชื่อเทินแต่มาอยู่เชียงใหม่ เลยเติม เน่อ เข้าไป 55555
ล้อเล่นๆ เค้าชื่อเทินเน่ออยู่แล้ว เทินเน่อเรียนรู้ทุกอย่างจากที่นี่ เค้าเป็นคนที่เล่นโยคะได้ตัวอ่อนมาก
ไม่รู้ว่าในร่างกายยังมีเครื่องในอยู่รึป่าว
เราให้เทินเน่อนวดแผนไทยให้เรา เพราะป้าหอมบอกว่า “คนนี้เก่งมาก”
พอเทินเน่อเริ่มลงไม้ลงมือกับเราปุ๊ป !!
” โอ้ยยยยยยยยยยฝรั่ง กูเจ็บ !! “
ดัดหลัง ดึงแขน สะบัดตัว โอ้โห คนไม่เคยนวดมาก่อนเส้นยึดไปหมด
จะบอกว่า ” ป้าๆๆๆๆๆ พอก่อน เจ็บ!” ก็ไม่ได้
เพราะคนนวดเป็นฝรั่งชาวเบลเยี่ยมนะเว้ย
เก่งกว่าคนไทยอีก นวดดีมากกกกกกกกกกกก
เราได้แค่นอนทำหน้าตาครวญครางและโหยหวน
แต่ได้ทำท่าทางเหมือนในโฆษณา ททท.ด้วยนะ
ที่นั่งบนตูดแล้วดันหัวเราขึ้นเหมือนปลาวาฬพ่นน้ำ
ชอบๆ สนุกดี ไว้จะทำอีก อยากอยู่ซักปีชีวิตดีแน่ๆ
เพราะที่นี่เป็นการเที่ยวชุมชน เราก็ไม่ได้อยู่ในบ้านหอมอย่างเดียว
เพราะเราได้ออกไปเที่ยวชุมชนรอบๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานเล่นรอบๆชุมชน
ไปหาอะไรกินในตลาด หรือว่าปั่นไปทำตุง (ไม่รู้จักหละสิ อิอิ)
ตุงเนี่ยเป็นสัญลักษณ์ของคนล้านนาเลยนะ
เป็นสัญลักษณ์ของความดี ความเป็นศิริมงคลที่จะเข้ามาในชีวิต
เราก็ได้ลองทำตุงเหมือนกัน ส่วนใหญ่กว่าจะได้สวยๆซักอันนึงเนี่ยใช้เวลามาก
ต้องใช้ความชำนาญในการตัดและฉลุให้ได้ลายที่สวยมาก
ไม่อยากจะบอกราคาเลยว่าอันละ 20-30 บาทเท่านั้นเอง
กองทัพต้องเดิน…ด้วยท้อง (เท่านั้นแหละ !)
อาหารที่บ้านหอมส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแต่คนที่ชอบทำลายสุขภาพแบบพวกเราก็กินได้เพราะมันอร่อย
ตอนแรกๆก็อี๋อยู่หรอก อะไรวะ ทำไมเขียวไปหมด
แต่พอได้ลองกิน ก็นึกว่าเชฟเอียนมาทำให้กิน จริงๆคือเราทำเอง555
ทุกมื้อของที่นี่เราสามารถไปช่วยป้าๆแม่ครัวเตรียมอาหารได้ด้วยนะ
ป้าหอมบอกเราว่า ” ทุกคำที่กัด ทุกมื้อที่ทาน เราสามารถกินให้เป็นยาได้ “
เมื่อถึงมื้ออาหาร ป้าหอมจะสั่นกระดิ่ง “ดิ้งๆๆๆๆๆๆๆๆ “
แปลว่าได้เวลาทานอาหารกันแล้ว เราจะนั่งทานด้วยกันทั้งโต๊ะ แลกเปลี่ยนและคุยกันในเรื่องราวต่างๆ
โชคดีที่เรามาเจอป้าๆชาวฝรั่งเศส ทำให้ได้เห็นมุมมองใหม่ๆในการดำเนินชีวิต
การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนใคร อยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
ส่วนภาพของอาหารนั้นมันเยอะมาก ลงไม่หมดหรอก !
เลยอยากให้ดูเป็นภาพเคลื่อนไหวซัก 1 นาที แล้วจะรู้ว่าแต่ละอย่างทำด้วยใจ
ถ้ามีโอกาสได้ไปบ้านหอมแล้วเจอเทินเน่อ ลองบอกให้เทินเน่อ
ทำอันนี้ให้กินนะ 5555555 เราตั้งชื่อว่า
” แซนวิชขนลุก “
เทินเน่อจะเอามะเขือเทศสดๆมาสับ โรยเกลือ
แล้วทาลบนขนมปังปิ้ง เป็นอาหารที่โ ค ต ร ของโ ค ต ร คลีน
กัดคำแรกนี่แทบจะคายทิ้ง แต่เทินเน่อถามอร่อยมั้ยยยย ..
” อร่อยมากจ้า 55555555555555555555 “
และถ้าอาหารสุขภาพไม่ถูกจริตหลายๆคน ฮี่ฮี่ฮี่
รอบๆบ้านหอมสมุนไพร ทุกๆวันตอนเย็น จะมี ‘กาดนัด’ (ตลาด) แต่ละวันจะไม่ซ้ำกัน
เหมือนต้องเล่นซ่อนหาว่าวันไหนกาดจะอยู่ตรงไหน
แล้วถ้าเจอกาดจะรู้ว่ามันคือ ‘สวรรค์ !
มีเงิน 50 บาท เดินกินที่นี่ได้จนอิ่มอาจมีเงินเหลือ เพราะกาดนัดขายของพื้นๆอร่อยและถูก
อาหารไม่คลีนแต่โคตรอร่อยและหนักท้องที่แนะนำ
คือ “ลูกชิ้นทองสุขและไอติมป่าตัน” 5555555555555
คนกรุงเทพไม่รู้จักหรอก ดังพอๆกับคริสปี้ครีม ทองสุขเป็นร้านบนมอไซค์มีมากกว่าพันคัน
ในเชียงใหม่ ขับไปทางไหนก็เจอส่วนใหญ่จะอยู่
ตามกาดนัดนี่แหละ ลุงคนขายจะมี2หม้อ
คือหม้อรวมทุกอย่างกับหม้อเนื้อแยกต่างหาก
ซื้อขั้นต่ำ10บาทจะได้ 7ลูก ถ้า20บาทจะได้15ลูก
บอกเลยว่าอยู่ท้องและอร่อยมากกกกกกกกก
อย่าลืมบอกลุงคนขายว่า
“ลุงเจ้าๆ น้องขอกรอบๆราดน้ำจิ้มเผ็ดเน้อเจ้า!”
ส่วนป่าตันก็จะมีรสกะทิกับวนิลา ให้กินผสมกัน ราคาเริ่มต้นที่ 5 บาท
ใส่ขนมปัง 10 บาท อย่าลืมบอกลุงว่าขอข้าวเหนียวเยอะๆใส่ถั่วดินโตยเน้อ (ถั่วดินแปลว่าถั่วลิสง)
เจ้าของบ้านตัวจริง.
เราว่าเพราะที่นี่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อน
แต่ในขณะเดียวกันมันคือบ้าน คือครอบครัวหลังใหญ่ที่ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง
ป้าหอมและลุงคิป บอกเราว่า ที่นี่ไม่ได้ทำเพื่อหวังกำไร เราทำเพื่อให้เราอยู่ได้
อยากให้คนมาเที่ยวชุมชนกันเยอะๆ แล้วจะรู้ว่าที่ลับๆแบบนี้แหละ ให้อะไรกับนักท่องเที่ยวเยอะมาก
เราจะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ชุมชน และความเป็นอยู่
พระเอกคือนักท่องเที่ยว ชุมชนคือนางเอก ที่จะได้เรียนรู้กัน แล้วจะหลงรักที่นี่ !!
I love sharing what i know, the way i grew up with.
To the people all around the world I want to bring it back.
That is my happiness and so are they.
– and that’s our homestay.
– Homprang Chaleekanha , Christopher Woodman –
Baan Hom Trip’s budget
การมาเที่ยวที่นี่นั้นง่ายมากกกก แค่นั่งรถหรือเครื่องบินมาเชียงใหม่
แล้วนัดแนะกับป้าหอมให้ไปรับที่สนามบินหรือขนส่ง ค่าบริการคันละ 250 บาท (นั่งได้8-10คน)
และจะเข้าสู่การพักผ่อนอย่างแท้จริง ราคานี้เป็นราคา Fullboard
คือรวมทุกกิจกรรม รวมทุกมื้อ รวมค่าห้อง เอาง่ายๆคือรวมทุกอย่าง 555
แต่ที่สำคัญเราต้องโทรไปจองกับป้าหอมก่อนอย่างน้อย 2 เดือน
และรวมกลุ่มกันให้ได้ 5 คนขึ้นไปเพื่อไปที่บ้านหอมสมุนไพรแห่งนี้
แล้วโทรสอบถามวันว่างกับป้าหอมได้ที่ 081-885-1429 ได้เลย
เพราะว่าพื้นที่มีจำกัด และเหนือสิ่งอื่นใดป้าหอมอยากให้ทุกคนที่ได้มาที่นี่ได้ซึมซับกับบรรยากาศที่แท้จริง ไม่แออัด
เพราะจริงๆแล้วที่นี่มีคอร์สสอนนวดอยู่แล้วตลอดทั้งปีแต่เป็นคอร์ส 10 วันขึ้นไปทั้งนั้น
คนเมืองแบบเราที่ไม่ค่อยมีเวลาก็ต้องไปแบบเรานี่แหละ 2 คืน 3 วัน หรือ 1 คืน 2 วัน
แพคเกจแบบ 2 – 3 วันนี้จะยังไม่โชว์หน้าเว็บของป้าหอมนะ
เพื่อนๆจะต้องลองเช็คกับทางป้าหอมเอง เพราะแพคเกจนี้พึ่งจัดทำขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้มีคนไทยมาพักผ่อนที่นี่กันเยอะๆ
ใครอยากไปใช้ชีวิตช้าๆ สามารถติดต่อและดูรายละเอียดคอร์สต่างๆได้ที่เฟสบุ๊คบ้านหอมสมุนไพร
FB : https://www.facebook.com/pages/The-Baan-Hom-Samunphrai-School-wwwhomprangcom
Website : http://www.homprang.com
ส่งท้ายนิดนึง..
บางคนอาจจะงงว่าทำไมเป็นทั้ง CR และ SR
เพราะตอนนี้เรากำลังทำแผนการท่องเที่ยวชุมชนให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จึงได้รับการสนับสนุนเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยววิถีชุมชน
จริงๆแล้วที่เราเลือกทำเชียงใหม่ เพราะรู้สึกว่าเชียงใหม่เป็นบ้าน
เราเกิดและโตกันที่นี่ แต่เรายังไม่เคยเที่ยวที่นี่แบบจริงๆจังๆเลยซักครั้ง
เลยคิดว่านี่แหละ โอกาสดีที่จะทำให้เราเองรู้จักเชียงใหม่ รู้จักบ้านเกิดตัวเองมากขึ้น
ในขณะเดียวกันรีวิวนี้ก็ยังจะช่วยปลุกเพื่อนๆที่ได้เข้ามาอ่านให้ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่มากขึ้น
ขอบคุณบ้านหอมสมุนไพรที่ทำให้เราเปิดใจกับการท่องเที่ยวแบบชุมชน
เราเองก็หวังว่าทุกคนจะเปิดใจให้กับการท่องเที่ยวแบบนี้เช่นกัน
TO BE OPEN MINDED ลองเปิดใจกับการเที่ยวชุมชนผ่านวิดีโอนี้ซัก 1 นาทีกันนะ
เพื่อนๆ พี่ๆ คนไหน ชอบเรื่องราวของบ้านหอมสมุนไพร
สามารถโหวตให้พวกเราและบ้านหอมสมุนไพรได้ที่
http://creativemove.com/greenrangers/ไปไงมาไง/
(โดยเข้าไปกดLike ให้กับพวกเราในลิงก์ด้านบนนี้)
ติดตามการเดินทางที่ผ่านมาของไปไง มาไง ได้ที่
https://www.facebook.com/incaseyouwonderwdwg
ฝากด้วยน้า
คลิปทั้งหมดในบทความนี้ เป็นผลงานจากการประกวดสร้างสรรค์ชุมชนท่องเที่ยว GreenRangers ของเพจ ไปไง มาไง จัดโดย CreativeMOVE ซึ่งได้รับการสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)