ตลอดช่วงเวลาตามประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เราได้ผ่านความเปลี่ยนแปลงมาอย่างมากมายและยาวนาน โดยหนึ่งในหลายสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอก็คือ “ศิลปะ” ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพสังคมและรสนิยมของผู้คนในแต่ละยุค ซึ่งศิลปะเหล่านี้ก็จะสะท้อนผ่านการออกแบบและตกแต่งอาคารและภายในบ้าน
วันนี้ ในบ้าน จึงจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ ศิลปะไอเดียการตกแต่งบ้านจาก 12 ยุคที่สำคัญ ซึ่งจะทำให้เรารู้จักการออกแบบบ้านและอาคารได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงอาจจะเป็นไอเดียให้เพื่อน ๆ นำไปออกแบบ หรือตกแต่งบ้านของตัวเองได้อีกด้วย
1. Renaissance
เป็นการระลึกถึงศิลปะกรีกและโรมันในอดีตซึ่งเคยรุ่งเรืองให้กลับมาอีก ศิลปะเรอนเนซองส์ไม่ใช่การลอกเลียนแบบจากอดีต แต่เป็นการเน้นความสำคัญของลักษณะเฉพาะบุคคล มีความสนใจลักษณะภายนอกของมนุษย์และธรรมชาติ
2. Baroque
ศิลปะแบบบาโรคจะเน้นหนักไปทางธรรมชาติ แสดงความอ่อนไหว มีลวดลายประดิษฐ์มาก ซับซ้อน จัดได้ว่าเป็นยุคที่มีการสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อการแสดงออกที่เรียกร้องความสนใจมากเกินไป มุ่งหวังความสะดุดตาราวกับจะกวักมือเรียกผู้คนให้มาสนใจศาสนา
3. Rococo
เป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนความโอ่อ่า หรูหรา ประดับประดาตกแต่งที่วิจิตร ละเอียดลออ เรื่องราวเกี่ยวกับเทพนิยายโบราณ ความรื่นเริงยินดี ความรัก กามารมณ์
4. Neoclassical
นีโอคลาสสิกเป็นรูปแบบศิลปะที่อยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างสมัยใหม่กับสมัยเก่า ภาพเขียนจะสะท้อนเรื่องราวทางอารยธรรม เน้นความสง่างามของรูปร่างทรวดทรงของคนและส่วนประกอบของภาพ มีขนาดใหญ่โต แข็งแรง มั่นคง ใช้สีกลมกลืน มีดุลยภาพของแสง และเงาที่งดงาม
5. Arts and Crafts
เป็นงานประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ด้วยมือ ที่มีรูปแบบแตกต่างกันไปตามลักษณะท้องถิ่น ทำขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยและมีคุณค่าทางวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ มัณฑนศิลป์ (Decorative Art)
6. Modernism
มีแนวคิดว่า “ศิลปะเพื่อศิลปะ” คือการที่ศิลปะไม่ต้องคอยตอบคำถามว่า มันคืออะไร ทำเพื่ออะไร ลักษณะสำคัญของ “ศิลปะสมัยใหม่” (Modern Art) และ “ลัทธิสมัยใหม่” (Modernism) คือ ทัศนคติใหม่ ๆ ที่มีต่ออดีตและอนาคต ซึ่งเป็นไปแบบสุดขั้ว
7. Art Nouveau
ได้รับอิทธิพลมาจากพืชพรรณของต้นไม้ มีความอ่อนช้อย มีความเป็นผู้หญิง ถ้าจะบอกถึงเอกลักษณ์ของ Art Nouveau คือ ต้องใช้ช่างฝีมือชั้นสูงจึงทำจริงได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ลวดลายฝาผนัง หรือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จะมีความเป็นผู้หญิงค่อนข้างมาก
8. Bauhaus
จริง ๆ แล้วมันเป็นชื่อของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เป็นสถาบันศิลปะและงานฝีมือสไตล์เยอรมัน มันถูกสร้างขึ้นหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปแล้ว 6 เดือน
มันเป็นเหมือนกับช่วงฟองสบู่ที่ Bauhaus มีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียง 14ปี ที่โรงเรียนเปิดแต่มันส่งอิทธิพลให้กับทั้งโลกหลังจากนั้นและยังเหลือมาถึงในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มักจะพบเห็นกันในงานเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่าย ชัดเจน ตรงไปตรงมา
9. Art Deco
การดีไซน์จะเน้นรูปทรงและลวยลายที่เป็นธรรมชาติ มีลวดลายเป็นเส้นสายที่เรียบง่าย ได้รับความนิยมในโซนยุโรปอย่างฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน อิตาลี เยอรมนี และอเมริกา
ลักษณะเด่นคือใช้เส้นโค้งกับเส้นตรง และมีรูปทรงเลขาคณิตและมีการคำนึงถึงความสมดุล Art Deco มีอิทธิพลส่งไปถึงงานออกแบบในแขนงต่าง ๆ มากมาย ทั้งตกแต่งบ้าน รวมไปถึงการตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ
10. Mid-century Modern
ทำการดีไซน์ความเป็นโมเดิร์นจากหลากหลายแขนง เพื่อต้องการความเรียบง่าย อีกทั้งในวงการเฟอร์นิเจอร์ยังได้คิดค้นดีไซน์ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิม หลังจากช่วงยุคที่ผ่านมามีแต่ความหรูหรา ซึ่งสไตล์นี้สื่อถึงการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
11. Post Modern
คือแนวความคิดที่มาหลังจากยุค modern ซึ่งเป็นช่วงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่อะไรต่าง ๆ ถูกกำหนดอยู่ในหลักเกณฑ์และทฤษฏี แต่ยุค postmodern เป็นยุคที่ปฏิเสธสิ่งเดิม ๆ ในยุค modern โดยเน้นเสรีภาพและอิสระของบุคคล ไม่เชื่อในโลกของความจริง ไม่เชื่อเรื่องความเป็นสากล
เพราะเชื่อว่าแต่ละคนแต่ละวัฒนธรรมนั้นมีเหตุผลของตัวเอง ไม่ควรจะให้ใครมาตัดสินว่าอันไหนสิ่งใดดีที่สุด แล้วคิดว่าสิ่งนั้นต้องดีสำหรับคนอื่นด้วย ดังนั้นจึงไม่คิดว่าสังคมที่คิดว่าเป็นสากลนั้นไม่มีจริง
12. Contemporary
หรือศิลปะร่วมสมัย คือศิลปะในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบัน ไอเดียตั้งต้นของศิลปะร่วมสมัย มาจากโรเจอร์ ฟรอยด์ นักวิจารณ์ฝั่งตะวันตก ที่ได้ก่อตั้งชุมชนศิลปะร่วมสมัยขึ้นในปี 1910
ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อซื้องานศิลปะไปจัดวางในพิพิธภัณฑ์สาธารณะต่าง ๆ หลังจากนั้นได้เกิดการก่อตั้งชุมชนและสถาบันศิลปะร่วมสมัยในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอีกมากมายทั่วทุกมุมโลก
ที่มา : Lumos Corona Rendering .