อีกหนึ่งภัยที่ตามมากับช่วงหน้าฝน นั่นก็คือ สัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งบ้านที่ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ป่าหรือกลางเมือง ต่างก็ต้องเผชิญกับปัญหานี้แทบทั้งสิ้น และถ้าเป็นแค่กิ้งก่า อึ่งอ่าง คางคก คงไม่น่ากลัวอะไร แต่ถ้าเป็น ‘งู’ นี่สิ
ทางในบ้านก็เลยจะมาไขปัญหาเรื่องของงูเข้าบ้าน ซึ่งบ้านไหนก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะใครที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ยิ่งต้องศึกษาไว้เลยล่ะครับ…..
ก่อนอื่นเรามาดูสาเหตุที่งูเข้าบ้านกันก่อน ปกติแล้วงูเข้ามาในบ้านจะมาจาก 3 สาเหตุด้วยกัน
1. หลบหนีจากบางสิ่งบางอย่าง
แน่นอนว่าสัตว์ย่อมที่จะต้องอยู่รอด งูอาจจะหนีน้ำ หรืออาจจะหนีสัตว์นักล่าอื่น รวมไปถึงงูสายพันธุ์อื่นเช่นกัน และเลือกบ้านของเราเป็นที่หลบภัย
2. มีมุมอับในบ้านสำหรับวางไข่
แน่นอนว่างูย่อมเลือกสถานที่ซึ่งดูปลอดภัยที่สุดสำหรับขยายพันธุ์ต่อ และหากบ้านใครมีมุมอับอยู่ล่ะก็ อาจจะเป็นแหล่งวางไข่ที่ดีได้เลย
3. เข้ามาหาอาการ
ตัวอย่างเช่น หนู ซึ่งเป็นของโปรด บ้านใครมีหนูเยอะก็อาจจะเป็นการดึงดูดงูเข้ามาได้นั่นเอง
ทีนี้เรารู้สาเหตุกันแล้ว แต่บางครั้งมันก็หลีกเลี่ยงยากจริงๆ เนื่องจากทุกบ้านก็คงมีหนูอยู่บ้าง รวมไปถึงที่ตั้งของบ้าน อาจจะอยู่ในทางผ่านของงูและทำให้เราต้องมาหาวิธีป้องกันแทนนั่นเอง
ตัวอย่างของวิธีป้องกันงูเข้าบ้าน ได้แก่…
1. น้ำมันกลิ่นฉุน
หากใครเกิดเห็นงูมาป้วนเปี้ยนแถวบ้าน คงต้องสร้างแนวป้องกันแล้วล่ะครับ น้ำมันกลิ่นฉุนถือเป็นตัวเลือกอย่างดี เช่น น้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ซึ่งงูนั้นเป็นสัตว์ไม่ชอบกลิ่นแรงๆ การนำมาราดรอบๆบริเวณบ้านก็ป้องกันได้ (แต่คนก็ต้องทนกลิ่นสักหน่อย)
2. เลี้ยงหมาเฝ้าบ้าน
แน่นอนว่าเพื่อนที่แสนดีของคนอย่าง สุนัข สามารถใช้เป็นสัตว์ส่งสัญญาณได้ อีกอย่างหนึ่งคือสุนัขจะเป็นสัตว์ที่ตื่นตัวเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมมา จะเห่าหรือขู่ และงูจริงๆแล้วเป็นสัตว์ขี้ตกใจ คงจะเลื้อยหนีไป แต่หากเป็นงูขนาดใหญ่ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อสุนัขเราได้เช่นกัน
3. แผ่นกันงู
เป็นแผ่นพลาสติกซึ่งมีความลื่นสูง สำหรับติดไว้ในส่วนของผนัง หรือตามเสา เพื่อไม่ให้งูสามารถเลื้อยได้ และเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนที่ขึ้นที่สูงของงู แต่แน่นอนว่าเราอาจจะติดได้ไม่ทั่วบริเวณบ้าน
4. ตาข่ายกันงู
การติดตาข่ายไว้รอบบริเวณบ้านก็ช่วยได้เช่นกันครับ โดยเฉพาะบริเวณที่คาดว่าจะเป็นทางเดินของงู ให้งูไม่สามารถเลื้อยผ่านได้ก็ต้องเป็นตาข่ายที่ถี่ไม่กว้างจนเกินไป แต่อาจจะดูเกะกะสายตาไปบ้าง
5. มุ้งลวด
อีกทางเลือกหนึ่งนอกจากตาข่าย แน่นอนว่างูเลื้อยผ่านไปไม่ได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมามากกว่า
6. ก้อนกรวด
ใครจะคิดว่าก้อนกรวดก็สามารถกันงูเข้าบ้านได้ด้วย มีข้อมูลบอกว่าการโปรยกรวดเล็กๆไว้รอบบ้าน จะช่วยให้เป็นอุปสรรคต่อการเลื้อยของงูไม่เหมือนพื้นเรียบๆ และอาจจะช่วยให้งูเปลี่ยนไปใจไปทางอื่นแทน
7. กำมะถัน
แม้จะยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าป้องกันงูได้ แต่หลายคนก็บอกว่ากลิ่นฉุนของกำมะถันนั้นช่วยกันงูและสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆได้ผลเลยล่ะ ใครจะเอาไปลองโรยรอบบ้านดูก็ได้นะ
8. ทำความสะอาดบ้านให้โปร่งและโล่ง
แน่นอนว่าหากบ้านไม่มีมุมอับ และดูโล่งตาตลอดเวลา จะไม่เป็นที่ปรารถนาของงู หรือไม่หากงูเข้ามาในบ้านเมื่อไรเราก็สามารถสังเกตได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นหมั่นทำความสะอาดอยู่บ่อยๆเลยนะครับ
ป้องกันไปแล้ว แต่!! ถ้ายังไม่เพียงพอและงูเข้ามาในบ้านเราแล้วล่ะ ในบ้านจะนำเสนอ 4 ขั้นตอนที่ควรรู้เมื่อเจองูในบ้านล่ะครับ…
1. สังเกตประเภทของงู
สังเกตให้ดีว่าเป็นงูลักษณะใด เป็นงูมีพิษหรือไม่ ลักษณะงูพิษที่พบบ่อยในไทยก็ได้แก่ งูเห่า จะแผ่แม่เบี้ยเมื่อเข้าใกล้ งูเขียวหางไหม้และงูกะปะ มีเกร็ดละเอียด งูสามเหลี่ยมลำตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม เป็นต้น
2. ใจเย็นและเคลื่อนไหวช้าๆ
อย่างที่บอกว่างูเป็นสัตว์ขี้ตกใจ หากเราทำอะไรดูเร็วจนเกินไป งูก็จะยิ่งเคลื่อนไหวเร็วตอบสนอง การเผชิญหน้ากับงูให้อยู่นิ่งๆ ค่อยๆถอยออกมาอย่างระวังโดยจับตาดูงูไปด้วย และให้พ้นจากระยะฉกหรือระยะเลื้อยเข้าหา
3. อย่าไล่หรือจัดการงูเอง
แน่นอนว่าเราหลายๆคนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการกำจัดงู โดยเฉพาะหากไม่รู้ประเภทของงู จะยิ่งเป็นผลเสียหากเราไล่หรือทำร้ายงูด้วยตัวเอง ผิดพลาดขึ้นมานั่นอาจจะหมายถึงชีวิตเราเลยทีเดียว
4. แจ้งเจ้าหน้าที่
สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญ ในแต่ละท้องที่ก็จะมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อต่างกันไป หน่วยงานรับผิดชอบเช่น สำนักงานดับเพลิงท้องถิ่น อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินต่างๆ เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องหาเบอร์ของแต่ละหน่วยมาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเลย กันไว้ก่อนจะเกิดนะครับ
บทความนี้ ทางในบ้านหวังว่าจะช่วยเป็นแนวทางให้กับสมาชิกชาวเว็บไซต์ เกี่ยวกับเรื่องปัญหางูเข้าบ้านที่มักจะมาพร้อมกับหน้าฝนได้เป็นอย่างดีอ่านและนำไปปรับใช้กันนะครับ….