มีคนจำนวนไม่น้อยที่วางแผน ปลูกบ้าน เป็นของตัวเอง ซึ่งวิธีที่จะทำให้ได้งบก่อสร้างบ้านเร็วที่สุดและง่ายที่สุด ก็คงหนีไม้พ้นการกู้ยืมเงินจากธนาคาร บางคนก็โชคดีก็กู้เงินผ่านฉลุย สำหรับบางคนที่โชคไม่เข้าข้างกู้ไม่ผ่าน ก็อาจจะต้องโบกมือลาแผนการสร้างบ้านกันไป
แต่ก็ใช่ว่ากู้เงินไม่ผ่านแล้วจะสร้างบ้านไม้ได้นะคะ เพราะถ้าหากเราอดทนสักนิดและใช้เวลาเก็บเงินอีกสักหน่อย ไม่นานบ้านในฝันเราต้องกลายเป็นจริงแน่นอนค่ะ ดังเช่น คุณ สมาชิกหมายเลข 913804 ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์ “ปลูกบ้านโดยไม่กู้ธนาคาร” โดยเริ่มจากการเก็บออมเงินและค่อยๆ ทยอยสร้างไปทีละเล็กทีน้อย จนสุดท้ายก็ได้บ้านหลังใหญ่ที่ใช้เวลาก่อสร้างเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามกันเลยค่ะ
ปลูกบ้านโดยไม่กู้เงินธนาคาร ทยอยทำทีละหน่อย เสร็จภายในเวลา 2 ปี
(โดย สมาชิกหมายเลข 913804)
เราอยากปลูกบ้านให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด เนื่องจากบ้านเดิมเก่ามาก เวลาฝนตกน้ำจะซึมตรงพื้น วางแผนมาหลายปี และเริ่มถมที่ให้แน่นไว้ก่อนที่จะปลูกบ้าน เป็นระยะเวลาประมาณ 7 ปี เดิมที่ตรงนี้เป็นทุ่งหน้าจึงต้องถมขึ้นมาให้สูงและถมเพิ่มบดอัดให้แน่นทุกปี แต่เราเองไม่มีความรู้เรื่องการสร้างบ้าน หรือออกแบบบ้านเลย รู้เพียงอย่างเดียวอยากปลูกบ้าน จึงเริ่มเก็บเงิน และถมที่มาเรื่อย จนเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งก็ใช้เวลาหลายปีเหมือนกันได้ ประมาณ 5แสนบาท ซึ่งเป็นเงินที่จะสร้างบ้าน ไม่รวมกับเงินที่ใช้ถมที่ พอได้จำนวนเงิน 5 แสน ก็เริ่มมองหาแบบบ้าน และหาช่างมาทำบ้าน แต่งงบแค่นี้ ก็ได้แค่บ้านหลังเล็ก 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เท่านั้น เนื่องจากเราเป็นคนพี่น้องหลายคน จึงอยากได้บ้านหลังใหญ่เพราะเวลาที่กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ พี่น้องจะได้อยู่กันคนละห้อง ซึ่งพี่น้องแต่ละคนก็แต่งงานมีลูกมีสามีภรรยาไปด้วย และมีความคิดว่าเมื่อพวกเราแก่ฒ่ามาก็จะกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านกันเป็นบางเวลา ซึ่งบ้านที่ต่างจังหวัดเป็นที่นา และสวนปาล์ม สวนไผ่เล็ก ประมาณยี่สิบกว่าไร่
เรามีพี่น้องรวมกับเราเป็น 5 คน พ่อแม่ดังนั้นจึงอยากได้บ้าน 6 ห้องนอน แต่เนื่องด้วยมีงบจำกัด และไม่อยากกู้ธนาคาร (ไม่แน่ใจว่าจะกู้ผ่าน) จึงคิดว่าจะทะยอยทำไปทีละส่วน หาเงินได้เมื่อไหร่ก็ทำเมื่อนั้น เสร็จเมื่อไหร่ไม่กำหนด แต่ตั้งเป้าไว้ 5 ปี พอคิดได้ดังนี้ก็เริ่มหาแบบบ้านในเนต ดูแบบบ้านที่ชอบหาอยู่นานหลายเดือนก็ยังตัดสินใจไม่ได้เลยถามพี่ๆน้องๆว่าชอบแบบใหนแต่ละคนก็แต่ละความคิด(ซึ่งพี่ๆน้องๆไม่ได้มีส่วนในการออกเงินด้วย เพราะบ้านหลังนี้เราเป็นเจ้าของ) จนท้ายที่สุดได้แบบบ้านมา แต่เราไม่ได้จะสร้างตามแบบบ้านนั้นเพราะคำนวณจากที่ที่ถมไว้ แบบที่ได้มาใหญ่กว่าที่เราจะสร้างไปเยอะ และคงใช้เงินมากพอสมควร เราจึงออกแบบบ้านใหม่เอง โดยใช้แบบบ้านเดิมเป็นตัวอย่างแต่มีการปรับเปลี่ยนขนาด จำนวนห้อง และรูปแบบของบ้าน โดยเราเขียนแบบใส่ในกระดาษ แบบคร่าวๆ จำนวนห้อง ความกว้างของห้อง ห้องน้ำห้องครัว เขียนแผนผังในบ้านเอง จำนวนหน้าต่างประตูทุกอย่าง ออกแบบ แบบบ้านๆแบบคนไม่มีความรู้แต่อยากออกแบบเอง
พอได้แบบบ้านแล้วก็ไปหาช่าง ซึ่งช่างส่วนใหญ่จะรับเหมาทำทั้งหลัง ช่างบอกตามแบบเค้าคิดราคาทั้งหมด 1,500,000 บาทถ้วน แต่วัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างช่างเป็นคนกำหนดว่าจะใช้แบบใหน แต่เราไม่มีเงินก้อนจะปลูกทีเดียว และอยากเลือก วัสดุ กระเบื้องเอง สุดท้ายได้ทีมช่างมาจากศรีษะเกษ ตกลงกันว่าจะทำทีละส่วน คิดราคาค่าแรงทีละส่วน ให้เราเลือกและซื้อของเอง มีเงินเมื่อไหร่ ช่างว่างเมื่อไหร่ก็มาทำไม่กำหนดเวลา พอได้ช่างก็ไปทำเรื่องขออนุญาตปลูกบ้านซึ่งพ่อเป็นคนดำเนินการให้ เราอยู่กรุงเทพไม่สะดวกไป
พอทุกอย่างพร้อมก็เริ่มสร้างเลย ตอนแรกช่างก็มาวางผัง ลงเสาเอกต้นเดียว ค้างไว้ 3 เดือน เนื่องจากช่างไม่ว่าง แต่ไม่อยากให้เสียฤกษ์ แล้วหลังจากนั้นก็ เทคานหล่อเสา ทิ้งไว้ ประมาณ 4 เดือน เนื่องจากเป็นฤดูทำนาช่างต้องไปทำนา และตัวเราเองก็เงินใกล้หมด ต้องเก็บเงินใหม่ แล้วก็มาทำหลังคาต่อ
บ้านที่เราเขียนแบบไว้มีทั้งหมด 6 ห้องนอน ห้อง 4 x 4 ม. 4 ห้องนอน และ 5 x 4 ม. 2 ห้องนอน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
บ้านทั้งหมดมีพื้นที่ใช้สอย 272 ตารางเมตร ใช้งบประมาณทั้งหมด 2.8 ล้านบาท ซึ่งถ้าให้สถาปนิกออกแบบให้อาจจะคุมงบประมาณได้ดีกว่านี้ บ้านอาจจะไม่ราคาสูงขนาดนี้ แต่เราเป็นคนเลือกของเองและไม่ได้คุมงบประมาณ และไม่ได้ต่อราคาค่าช่างเพราะส่วนตัวคิดว่า เค้ามาทำให้ก็พอใจแล้ว และจากการสอบถามราคาจากช่างรายอื่น ช่างเจ้านี้ราคาถูกกว่าเจ้าอื่นประมาณ 10 % และอีกแย่างราคาวัสดุตามต่างจังหวัดบางอย่างก็แพงกว่าในกรุงเทพ ก็เลยทำให้บ้านราคาแพงกว่าปกติ
การสร้างบ้านของเราแบ่งเป็น ช่วงๆดังนี้
1. เทเสา หล่อคาน 200,000 บาท (ซื้อของรวมค่าช่าง)
2. หลังคา 300,000 บาท
3. เทพื้น 200,000 บาท ทั้งข้างในและรอบนอกบ้าน
4. ก่ออิฐ ผนังบ้าน ฝ้าเพดาน เดินสายไฟ 500,000 บาท
5. ทำห้องน้ำ ประตูหน้าต่าง ทาสี หลอดไฟ ปูกระเบื้อง ทุกอย่างจนเสร็จ 1,600,000 บาท อันนี้ค่าช่างจะแพงหน่อยเพราะเป็นงานละเอียด (ช่างกล่าวไว้)
หน้าต่างใช้หน้าต่างสำเร็จรูป ประตูกระจกหน้าบ้านให้ช่างมาติดตั้ง
กระเบื้องที่ใช้แต่ละห้องไม่เหมือนกัน แพงสุดตารางเมตรละ 580 บาท ถูกสุดที่ใช้ปูรอบตัวบ้าน ตารางเมตรละ 170 บาท
เราไม่ได้ลงรายละเอียดว่า แต่ละส่วนราคาเท่าไหร่ต่อตารางเมตร เนื่องจากเวลาซื้อของ จะซื้อของรวมๆกันตามที่ช่างสั่งแล้วจะเก็บไว้ แล้วมารวมกับค่าช่างอีกทีนึง ของแต่ละอย่างก็ซื้อ จากหลายที่ราคาไม่เท่ากัน
สีที่ใช้แต่ละห้องก็ไม่เหมือนกัน. เพราะให้สมาชิกในบ้านแต่ละคนเลือกเองว่าต้องการแบบใหน ลายกระเบื้องพื้น ห้องน้ำแต่ละห้องก็ไม่เหมือนกัน
สรุปแล้วเราปลูกบ้าน ตามใจตัวเองทุกอย่างและไม่ค่อยมีแบบแผน 55555
.
ภายในบ้านห้องโถง ขนาด 4 x 10 ม.
.
.
.
.
.
ภายในห้องนอนแต่ละห้อง
.
.
.
.
.
.
ห้องน้ำ 3 ห้อง จากเดิมตั้งใจจะทำ 4 ห้อง แต่มันจะแคบเกินไปเลยเหลือ 3 ห้อง เพราะมีแค่พ่อกับแม่ที่อยู่ประจำ
.
.
.
ห้องครัวทำเป็นครัวเล็กๆในบ้านประมาณ 3.5 x 4 ม. เพราะตั้งใจจะทำครัวไทยไว้นอกบ้านอีกหลังนึง ส่วนบันไดตอนถ่ายรูปยังไม่ได้ติดราวบันได
.
.
.
.
.
.
.
ตอนกลางคืนเปิดไฟทั้งบ้านจะดูสวยกว่าตอนกลางวันบ้านหลังนี้ทำเสร็จตั้งแต่เดือนตุลาคมปี. 2560 แต่เราพึ่งเอามาลง ตอนนี้ติดรางน้ำฝนหน้าบ้านและติดผ้าม่านแล้ว แต่ไม่ได้มีการตบแต่งภายในเนื่องจาก ตอนนี้มีแต่พ่อคยเดียวที่อยู่บ้านหลังนี้ เพราะเนื่องจากหลังจากที่เราปลูกบ้านเสร็จได้ประมาณ 4 เดือนแม่เราก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ซึ่งแม่แม่เราป่วยตั้งแต่กลางปี 60 เราจึงมาเร่งปลูกบ้านในช่วงสุดท้ายเพื่อให้แม่เราได้อยู่ก่อนจะเสีย เก็บเงินทุกบาทที่ได้ ขายทองขายของที่สะสมไว้ ถอนเงินฝากประจำออกมาเพื่อสร้างบ้าน ซึ่งตอนแรกที่จะปลูกบ้าน เอาแบบบ้านให้แม่ดู แม่บอกว่า ไม่รู้ว่าแม่จะมีวาสนาได้อยู่หรือเปล่าเพราะบ้านหลังใหญ่เกินสำหรับแก ปลูก 10ปีไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่า เราบอกแม่ว่าแม่อยู่จนถึง 80โน่นแหละอยู่จนบ้านพัง ตอนนั้นแม่อายุ 60 ปี สุดท้ายแม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ประมาณ 5 เดือน แต่อย่างน้อยแม่ก็ได้อยู่บ้านที่เราตั้งใจสร้างให้เค้ายู่
รูปสุดท้านตอนบ้านใกล้จะเสร็จ ตอนนั้นแม่ป่วย อาการเริ่มหนัก พ่อถ่ายรูปส่งมาให้ดูแม่นั่งมองดูบ้าน
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ปลูกบ้านโดยไม่กู้เงินธนาคาร อาศัยการเก็บออมทีละเล็กทีน้อย ในไม่ช้าเราก็จะได้บ้านในฝันมาเป็นของตัวเองแน่นอนค่ะ ใครที่กู้เงินธนาคารไม่ผ่านก็อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ ^_^
ที่มา : สมาชิกหมายเลข 913804 .