เมนูซุป เป็นหนึ่งในอาหารทานง่าย ที่นอกจากจะมีรสชาติเบา ทานได้ไม่หนักท้องแล้ว หลายคนยังทานเป็นอาหารแก้หวัดหรือแก้อาการเจ็บคอ ในเวลาที่ไม่สามารถทานอาหารมือใหญ่ได้ ซุปส่วนใหญ่ที่คนนิยมทำทานกัน ก็จะมีซุปต้มไก่ ซุปเห็ด ซุปฟักทอง หรือซุปข้าวโพด เป็นต้น ซึ่งเป็นประเภทซุปที่ทำง่ายและสามารถใช้เครื่องปรุงจากท้องตลาดทั่วไปได้
แต่สำหรับ ซุปครีม หลายคนอาจเลือกที่จะไปรับประทานตามร้านอาหารมากกว่า เนื่องจากมันเป็นซุปที่มีส่วนผสมของเครื่องปรุงต่างประเทศ ซึ่งอาจจะมีขั้นตอนการทำที่ยากกว่าซุปของไทย
แต่สำหรับวันนี้ ในบ้าน จะขอชวนชาวเว็บทุกท่านมาลองทำ “ซุปครีมข้นมันฝรั่ง” สูตรดั้งเดิมจากต่างประเทศ แต่มีการปรับใช้เครื่องปรุงต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการหาซื้อและยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว เป็นเมนดูอร่อยจากคุณ แมวเหมียวโมจิ จะน่าทานแค่ไหน เราไปชมกันเลยค่ะ
ส่วนผสม
1. มันฝรั่งใหญ่หั่นเต๋า ๒ หัว
2. หอมหัวใหญ่สับ ๓/๔-๑ หัว
3. เซเลอรี่ ๒ ก้าน สับตามรูป
4. กระเทียมกลีบใหญ่สับ ๓ กลีบ
5. น้ำสต๊อคผักหรือเนื้อสัตว์ ๑ ๑/๒ – ๒ถ้วยตวง (สามารถใช้คะนอร์+น้ำเปล่าแทนได้)
6. นมข้นจืด ๓/๔ ถ้วยตวง
7. เนย ๑ ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมัน ๑ ๑/๒ ช้อนโต๊ะ
9. เกลือพริกไทยสำหรับปรุงรส
วิธีทำ
1. ตั้งกะทะใช้ไฟกลาง ใส่เนยและน้ำมันรอจนเดือดแล้วนำหอมใหญ่และเซเลอรี่ลงไปผัดให้หอม
2. เมื่อหอมใหญ่สุกใส่มันฝรั่งกับกระเทียมลงไปผัดราวๆ 3-4 นาที เติมน้ำสต๊อคลงไปให้ท่วมมันฝรั่ง เบาไฟลงและคอยระวังอย่าให้ก้นกะทะไหม้
3. ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย ควรชิมรสชาติน้ำสต๊อคก่อนปรุงเพื่อให้ได้รสที่กลมกล่อมพอดี
4. รอจนมันฝรั่งสุกนิ่มแล้วเติมนมข้นจืดลงไป คนให้เข้ากันแล้วตั้งไฟต่อให้เดือดจึงเอาลงจากเตา
5. วางไว้สักครู่นึงก่อนนำไปปั่นเพราะเรารู้สึกว่าถ้าใส่เครื่องปั่นเลยมันจะร้อนมากน่ะค่ะ ตอนปั่นเราเลือกความแรงที่เบอร์ 1 ก็พอค่ะ ปั่นไปสักราวๆ 20 วินาที หรือลองปั่นแล้วหยุดเพื่อดูเนื้อซุป ไม่ควรปั่นให้นานมากเพราะยิ่งปั่นนานเนื้อจะเนียนและเหลวเกินไป
.
สิร์ฟใส่ถ้วยทานตอนอุ่นๆเพียวๆ หรือจะทานคู่กับขนมปังก็ได้ค่ะ ส่วนใครที่มีเบค่อนจะทอดเบค่อนกรอบๆแล้วโรยหน้าเพิ่มด้วยก็ยิ่งเด็ด
หมายเหตุ ตามสูตรดั้งเดิมจะไม่ใช้นมข้นจืด แต่เป็น Heavy creamหรือครีมสำหรับทำอาหารซึ่งจะมีความข้นและแคลอรี่สูงกว่า อีกทั้งราคาก็แพงกว่าด้วย สูตรนี้นำมาปรับให้สามารถหาซื้อวัตถุดิบได้ง่ายและประหยัดงบ แต่ถ้าใครอยากจะลองทำแบบสูตรดั้งเดิมก็ลองได้ไม่เสียหายเลยค่ะ
ที่มา : แมวเหมียวโมจิ .