หน้าฝนมาทีไร เรื่องที่ทำให้พ่อบ้าน แม่บ้านอย่างเราๆ หนักใจกันไม่น้อยก็คงจะเป็น การซักผ้า เนี่ยแหละค่ะคุณ ซักผ้าเสร็จกำลังจะตากทีไร ครึ้มฟ้า ครึ้มฝนมาแต่ไกลเชียว ชวนให้ละเหี่ยใจเหลือเกิน
ปัญหาหลักๆ ของการตากผ้าไม่มีแดดก็คือ กลิ่นอับที่ตามมา ไหนจะปัญหาผ้าไม่ยอมแห้งเสียที พาลทำให้หงุดหงิดกันไปอีก วันนี้ ในบ้าน จึงได้นำเอาเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้คุณพ่อบ้าน แม่บ้านจัดการกับปัญหาการตากผ้าในหน้าฝนให้อยู่หมัดค่ะ
1. ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนตัดสินใจซักผ้า
หลายคนอาจจะบอกว่า ใครๆ เค้าก็ต้องตรวจสอบสภาพอากาศก่อนซักผ้ากันอยู่แล้ว แต่บางครั้งคุณจะพบว่าในขณะที่กำลังซักผ้าอยู่นั้น แดดยังดีๆ อยู่เลย แต่พอซักเสร็จเท่านั้นแหละ ฝนดันมาตกซะได้
การดูพยากรณ์อากาศในโทรทัศน์หรือแม้แต่แอพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เราตรวจสอบสภาพอากาศได้แม่นยำมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงได้อีกทางหนึ่งค่ะ
2. ซักผ้าตอนเช้าดีกว่าการตากผ้าตอนกลางคืน
การซักและตากผ้าในตอนกลางคืนนั้น ทำให้เสื้อผ้าของเรามีกลิ่นอับแถมยังไม่ค่อยจะแห้งอีกด้วย ดังนั้น เมื่อตื่นเช้ามา สิ่งแรกที่ควรตัดสินใจทำเลยคือการซักผ้านั่นเอง
การซักผ้าในตอนเช้านั้นช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผ้าของคุณได้เจอกับแสงแดดในช่วงกลางวันและสายลมอุ่นๆ ที่พัดพามา ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของกลิ่นอับ และยังช่วยเพิ่มโอกาสให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้นอีกด้วย
3. ยิ่งเว้นระยะห่างผ้ายิ่งแห้งเร็วมากขึ้น
ระยะห่างของเสื้อผ้าที่ตาก เป็นอีกปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ส่งผลต่อการแห้งเร็วของเสื้อผ้า เพราะหากคุณตากเสื้อผ้าชิดกันมากเกินไป จะทำให้เสื้อผ้าไม่ได้สัมผัสกับลมและแดดมากเพียงพอ คราวนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากการไม่ได้ตากนั่นแหละค่ะ
และยิ่งความหนาของผ้ามีมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องเว้นระยะห่างในการตากให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเว้นช่องว่างให้แสงแดดและสายลมได้สัมผัสผ้าที่ตาก
4. ตากเสื้อผ้ากับไม้แขวนช่วยให้แห้งเร็วกว่าพาดไว้กับราว
นอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่ราวตากผ้าแล้ว การตากเสื้อผ้ากับไม้แขวนยังช่วยให้ลมพัดผ่านเข้าเสื้อผ้าได้ง่ายและสม่ำเสมอกว่าการพาดไว้กับราวเฉยๆ ซึ่งช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นอีกทางหนึ่งค่ะ
5. หาตำแหน่งที่เหมาะสมกับการตากผ้ามากที่สุด
ตำแหน่งในการตากผ้าก็เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับผู้ที่มีพื้นที่ไม่มากนักสำหรับการตากผ้า เช่นผู้ที่อาศัยอยู่คอนโด ห้องเช่า หรือบ้านหลังเล็ก ลองหาตำแหน่งที่ร้อน แสงแดดส่องถึง และอากาศถ่ายเทมากที่สุดในบ้าน เพื่อติดตั้งราวตากผ้า ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ
6. ทำความสะอาดเครื่องปั่นผ้าทุก ๆ 6 เดือน
ก่อนที่จะซักผ้าเสร็จเรียบร้อย ขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น คือการปั่นผ้าเพื่อเอาน้ำส่วนเกินในผ้าออกนั่นเอง
แต่ถ้าปล่อยเครื่องปั่นผ้าไว้นานโดยไม่ทำความสะอาดเลย อาจจะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องปั่นผ้าลดลง เนื่องจากมีเศษผ้าและสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันอยู่ในช่องระบายน้ำ ส่งผลให้ผ้าที่ปั่นแห้งไม่สนิทนั่นเอง
7. บิดและสะบัดผ้าทุกครั้งก่อนตาก
เครื่องปั่นผ้าไม่สามารถเอาน้ำส่วนเกินออกจากผ้าได้เกือบทั้งหมดเสมอไป ทางที่ดีควรจะบิดและสะบัดผ้าเพื่อเอาน้ำส่วนเกินออกอีกครั้ง ก่อนใส่ไม้แขวนเสื้อขึ้นตากบนราวตากผ้า
8. แบ่งผ้าใส่เครื่องปั่นทีละน้อย
หลายๆ คนอาจจะต้องการประหยัดเวลา โดยการใส่ผ้าลงในเครื่องปั่นผ้าคราวละมากๆ ซึ่งนั่นนอกจากจะไม่ช่วยให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้นแล้ว ด้วยแรงหมุนของเครื่องและจำนวนเสื้อผ้าที่มากมาย อาจจะทำให้เสื้อผ้าที่ใส่ลงไปพันกันจนเสียหายก็ได้ค่ะ
ลองเพิ่มเวลาอีกสักนิด แบ่งผ้าใส่เครื่องปั่นผ้าทีละน้อย นอกจากจะช่วยให้ผ้าแห้งเร็วแล้วยังป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเสื้อผ้าได้อีกด้วยนะคะ
9. เปิดประตู-หน้าต่างเมื่อตากผ้าในบ้าน
หากจำเป็นต้องตากเสื้อผ้าในบ้าน ให้เปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ด้วย เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มิเช่นนั้นจะทำให้เสื้อผ้าอับชื้นและมีปัญหาเชื้อราตามมาได้
10. ใช้ผ้าขนหนูแห้งเพื่บซับน้ำส่วนเกิน
ก่อนที่จะปั่นผ้า ให้ใส่ผ้าขนหนูแห้งๆ สักผืนลงไปในถังปั่นแห้งด้วย โดยใช้หลักการเดียวกันกับการเช็ดน้ำด้วยผ้าขนหนู ซึ่งจะช่วยซึมซับเอาน้ำส่วนเกินออกจากผ้าไปพร้อม ๆ กับการปั่นผ้าแห้ง จะยิ่งทำให้ผ้าแห้งเร็วทันใจ
11. ซักผ้าเสร็จแล้วให้รีบตากทันที
บ่อยครั้งที่หลังจากซักผ้าเสร็จแล้วเราไม่ได้ตากผ้าทันที สิ่งที่จะตามมาอย่างทันควันคือกลิ่นอับชื้นของผ้า ที่พาลทำให้ต้องซักใหม่กันเลยทีเดียว
ทางทีดีที่สุดคือหลังจากซักผ้าเสร็จแล้วให้รีบตากเลยทันที เพื่อลดโอกาสการหมักหมมของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย จะได้ไม่ต้องมีกลิ่นอับมากวนใจกันอีก
12. ใช้ลมให้เป็นประโยชน์ที่สุด
เมื่อต้องตากผ้าในที่ร่ม ลมต่างๆ คือไม้เด็ดที่เหล่าพ่อบ้าน แม่บ้านต้องงัดมาใช้กัน ไม่ว่าจะเป็น การใช้พัดลมเป่าเพื่อไล่ความชื้น หรือจะแขวนไว้หน้าคอมเพรสเซอร์แอร์ให้ลมร้อนๆ ช่วยเป่าให้แห้งเร็วขึ้นก็ดีไม่น้อย
ด้วยเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เพียงไม่กี่ข้อ จะช่วยให้เราผ่านพ้นปัญหาการตากผ้าในหน้าฝนไปได้แบบชิลล์ๆ ไร้กลิ่นอับมากวนใจแล้วล่ะค่ะ สำหรับใครที่มีเคล็ดลับเด็ดๆ สามารถนำมาคอมเม้นท์แบ่งปันกันได้เลยนะคะ ^_^
ที่มา : Kapook