การที่ได้มีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ในบ้าน เชื่อว่าจะต้องเป็นความฝันของชาวเว็บหลายคน เป็นที่แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จะต้องประสบกับปัญหาการก่อสร้างร้าน ปัญหาการบริหาร รวมไปถึงต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกาแฟด้วย ซึ่งก็จะเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนพอสมควรเลยทีเดียว
แต่ถ้ามีใจรักจริงๆ ทุกปัญหาและอุปสรรคก็ไม่อาจจะขวางกั้นความต้องการของเราได้ เหมือนกับคุณ สมาชิกหมายเลข 2918247 ที่ได้ทำการสร้างร้านกาแฟเป็นของตัวเอง โดยในระหว่างที่ทำการก่อสร้างก็จะพบกับเรื่องราวที่ไม่คาดคิดต่างๆ นาๆ แต่ก็ฝ่าฟันจนกระทั่งทำความฝันที่อยากจะมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองให้เป็นจริงได้ ลองมาดูกันครับ เป็นอีกหนึ่งรีวิวที่ไม่อยากให้พลาดกันเลยล่ะ
Review : ร้านกาแฟขนาดเล็กสไตล์ลอฟท์ ดีไซน์ดิบสุดเท่ เสริมกลิ่นอายแบบปั๊มน้ำมัน
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่า กระทู้นี้มีไว้สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ สักร้านหนึง ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทุกคนใฝ่ฝัน อยากจะมีร้านกาแฟบ้าง ไว้ สำหรับนั่งชิล นั่งเล่น หรือไว้บริการลูกค้า ซึ่งจะโยงไปถึงธุรกิจของแต่ละบุคคลที่มีอยู่แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง
โดยความคิดของผมคือ อยากมีร้านกาแฟเล็กๆ ไว้สำหรับลูกค้าที่มาพักที่รีสอร์ท ซึ่งเป็นของครอบครัวของผมเอง โดยจุดประสงค์คือ ไว้สำหรับลูกค้ามาเช็คอิน เช็คเอ้าท์ สำหรับนั่งเล่น ถ่ายรูปเพลินๆ ซึ่งลองออกแบบในกระดาษดูก็อยากจะมีสักหนึ่งห้องนอน ไว้สำหรับนอนเฝ้าของ หนึ่งห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องนอน และห้องโถงไว้สำหรับเป็นร้านกาแฟ และพื้นที่ระเบียงด้านนอก สำหรับลูกค้ามาที่มานั่งเล่นช่วงเย็นๆ และต้องมีห้องน้ำอีกห้องไว้สำหรับลูกค้าทางด้านนอกด้วยครับ
ขอเริ่มจาก ที่ดินก่อนเลยนะครับ ต้องบอกว่าในส่วนของที่ดินที่สร้างนั้นเป็นของบรรพบุรุษ คุณตาคุณยาย ซึ่งได้เก็บไว้ให้ลูกให้หลานจนมาถึงทุกวันนี้ครับ ซึ่งคุณยายผม ทุกวันนี้อายุ 99 ปี แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ก็ยังแข็งแรงอยู่ครับ พอมีแรงทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้างครับ บางทีก็ยังเดินไปหาเก็บผักเก็บผลไม่ที่แกเคยปลูกไว้ตามข้างๆบ้านด้วยครับ ซึ่งแกเคยเล่าว่า สมัยก่อนนั้นได้ พ่อแม่ของคุณยายผมได้อยู่ที่ด้านบนเขาใหญ่ ทำมาหากินอยู่บนนั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอยู่ลึกขนาดไหน หลังจากนั้นก็ได้มีคอมมิวนิสต์ไล่ลงมาจากบนเขาใหญ่ จึงลงเรื่อยๆและพ่อแม่ของคุณยายก็ได้พาคุณยายผมมาจับจองที่โดยการถางป่า ซึ่งสมัยก่อนนั้นแกเล่าให้ฟังว่า ที่สมัยก่อนนั้นใครจะถางเอาเท่าไรก็ได้ แล้วแต่ความขยันของแต่ละครอบครัว ส่วนของคุณยายผมในสมัยนั้นก็พอมีบ้างครับ แต่ไม่เยอะ เนื่องด้วยคุณยายผมบอกว่า บางทีก็เอาที่ 2-3 ไร่ ไปแลกวัว 1 ตัว ก็มี เอาไปขาย3ไร่100บาท ก็มี(เฮ้อ โครตเสียดาย) ส่วนที่ของคุณยายผมแปลงหนึงนั้นก็อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งมีน้ำไหลตลอดทั้งปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในอำเภอนี้เลยก็ว่าได้ คุณยายเคยบอกว่า สมัยก่อนนั้นน้ำจะไหลแรงมาก จะดังคล้ายๆ น้ำตกเลย แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีน้ำผุดออกมาเรื่อยๆ จนมาถึงทุกวันนี้ครับ ส่วนใครไปเล่นน้ำในสมัยก่อนนั้น หากไปโดนรากไม้ในลำธารนั้น แกเคยบอกว่า ตายไปบ้างก็มี ลากวัวลากเกวียนผ่านแถวนั้น ไม่ไหว้ หรือไปดูหมิ่น ก็ป่วยหนักบ้าง เบาบ้างก็มี อันนี้ผมคงไม่ทราบนะครับว่าจะจริงเท็จแค่ไหน เพราะผมเกิดไม่ทัน(^-^)
รูปแรกขอเป็นรูปร้านกาแฟที่เสร็จสมบูรณ์ก่อนนะครับ อาจจะไม่สวยเท่าไร เนื่องด้วยผมไม่ได้จบออกแบบมา ไม่ได้มีเพื่อนเป็นสถาปนิก ไม่ได้มีงบประมาณที่มากมายขนาดนั้น คืออาศัยหารูปทั่วๆไปจากในเน็ตบ้าง จินตนาการเอาบ้าง ตามประสาครูช่างยนต์ครับ
รูปที่สอง คือรูปที่ดินเปล่าๆ มองจากด้าหน้าถนนเข้าไป ก่อนจะมาเป็นร้านซึ่งก่อนหน้านี้ พื้นที่ตรงนี้จะเป็นแอ่งพอสมควร หลังจากนั้น พ่อผมก็ได้หาดินมาถมให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ถมไว้เป็นปีเลยทีเดียว(ไม่ได้กลัวสร้างแล้วจะพังนะครับ) คือไม่มีงบจะสร้างอะไรในตอนนั้น^-^ ส่วนพื้นที่บริเวณนี้ใต้ดินจะเป็นหินอ่อนทั้งนั้นเลย ขุดลงไปนิดเดียวเจอหินแน่นอน ก้อนใหญ่โครตๆ
รูปด้านล่างนี้มองจาก ที่ดินออกมาถนน ครับ
หลังจากนั้นทางคุณพ่อของผมเองก็ได้สร้างห้องพักในที่ดินแห่งนี้ ซึ่งผมก็เป็นคนดูแล ตั้งแต่ขุดหลุม จนกระทั่งแล้วเสร็จ จนถึงปัจจุบันนี้นะครับ ซึ่งในส่วนนี้ผมขอไม่พูดถึงการสร้างรีสอร์ทนะครับ หากมีโอกาสหรือมีเวลาว่างๆผมจะมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคน อีกครั้งหนึงนะครับ (เพราะเปิดเทอมแล้วคร้าบๆๆ)
เล่ามาซะนานยังไม่ได้แนะนำตัวเลย เอาคร่าวๆก็พอนะครับ ผมมีอาชีพ ครู ซึ่งตอนนี้คือครูผู้ช่วย อยู่ประจำสาขาวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทางภาคกลาง เพิ่งมาทำงานได้ครึ่งปี ก่อนหน้านี้ก็เป็นครูอยู่วิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน แต่บ้านเกิดก็อยู่ภาคอีสานครับ ^-^
มาเริ่มกันเลยครับ โดยผมเริ่มหาแบบร้านกาแฟ ทั้งทางเน็ตบ้าง ทั้งที่เคยไปนั่งกินบ้างก็พอถ่ายๆรูปไว้บ้าง และเริ่มศึกษา ราคาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างร้านกาแฟ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ขอรวมอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการเปิดร้านนะครับ
หลังจากนั้น ก็ลงโปรแกรม THE SIM สิครับ ซึ่งหลายๆคนในนี้อาจจะเคยเล่นบ้างไม่เคยบ้าง ก็ถือว่าเป็นเกมส์ๆหนึงที่มีประโยชน์มากพอสมควร เกมส์นี้และที่ผมใช้ในการออกแบบร้านกาแฟครับ ^-^ โปรแกรมอื่นไม่เคยลองครับ 55555
.
มาเริ่มในกระบวนการก่อสร้างบ้างนะครับ เริ่มต้นก็วัดขนาดพื้นที่ว่า จะให้อยู่ส่วนไหนของที่ดินที่มี ซึ่งตอนนั้นก็ใช้รถแบ็คโฮขุดหลุมเลยครับ เพราะข้างใต้หินทั้งนั้นครับ หลังจากนั้นก็เทตีนช้างสิครับ
หลังจากเทตีนช้าง ก็ทำการเทเสาต่อครับ เทคานและก็ เทเสาอีกรอบครับ
ทำโครงหลังคา ซึ่งในส่วนหลังคานั้น ผมใช้แผ่นเมทัลชีส ในการมุงครับ
จากนั้น ก็ได้ให้ช่างได้ทำการก่อผนัง ครับ
ทำการออกแบบไฟฟ้าภายในครับ ในภาพคือผมลองออกแบบเองครับ
หลังจากนั้น ก็ทำการผ่าปูน เพื่อเดินสายไฟแบบฝังนะครับ ในส่วนนี้ กระผมดำเนินการเอง กับเพื่อนๆที่เป็นญาติกัน และกับลูกศิษย์ช่างยนต์ ก็ดำเนินการช่วงเย็นและวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ครับ
ผ่าปูนเสร็จแล้วก็เดินสายไฟต่อสิครับ ก็อาศัยเพื่อนๆกับลูกศิษย์ชุดเดิมที่บ้านอยู่แถวๆบ้านผม มาช่วยนี่และครับ
เดินสายไฟร้อยท่อไว้แล้ว ก็เป็นหน้าที่ของช่างปูนครับ ดำเนินการฉาบผนัง โดยผมอยากให้มันเป็นแบบสไตล์ LOFT ครับ ซึ่งก็พอหารูปดูในเน็ต ก็คือการขัดมัน แบบการสร้างบ้านในสมัยก่อนนั่นเอง ^-^ ส่วนผมก็ได้ปรึกษากับช่าง หลังจากนั้นก็ได้ซื้อปูนฉาบบ้านปกติมานี่และครับ แล้วซื้อกาวผสมปูน เพื่อไม่ให้ปูนแตก และซื้อสีผสมปูน สีดำ มาผสมให้ออก เทาๆดำๆครับ
.
หลังจากนั้นทางช่างก็ได้ทำการยึดโครงฝ้า(ซีลาย) ครับ
ยังๆ ยังตีแผ่นฝ้าไม่ได้ครับ ต้องใส่สายไฟไปยังจุดต่างๆก่อนครับ ก็เป็นหน้าที่ผมและเพื่อนๆและลูกศิษย์ช่างยนต์อีกเหมือนเดิมครับ ก่อนต้องดูว่า จะเอาปลั๊กเอาหลอดไฟไว้ตรงไหนบ้าง ทั้งบนเพดานและด้านข้างผนัง ว่าต้องการให้มีไฟตกแต่งตรงไหนบ้าง ยังมีสายที่ต้องเดินไปยังเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำอีกนะครับ หลังจากนั้นก็ทำการเดินสายไฟบนฝ้าสิครับ ไม่ใช่ง่ายๆเลย
จากนั้นเมื่อเดินสายไฟเสร็จ ช่างก็ได้ทำการตีฝ้าครับ โดยใช้ฝ้าแผ่นเรียบ พร้อมทาสีขาวครับ
เสร็จจากงานฝ้า ก็มาเป็นงานปูกระเบื้องพื้นและผนังในห้องน้ำก่อนครับ โดยผมก็หากระเบื้องเท่าที่หาได้ ลายที่พอหาได้ในตลาดทั่วไปๆ สลับการตัดลายด้วยแผ่นกระเบื้องอิฐมอญ ผมเรียกถูกไหมหว่า = =” ซึ่งได้ฝากอ.ท่านหนึ่งซื้อจากอยุธยาครับ แกกลับบ้านพอดี ส่วนในจ.นครราชสีมาก็มีครับ แต่ต้องสั่ง ซึ่งตอนนั้นจำเป็นต้องใช้แล้วครับ = =”
ต่อจากนั้นก็มาเป็นการปูกระเบื้องพื้นในร้านกาแฟและในห้องนอน โดยผมใช้กระเบื้องสีดำเงาครับ สวยจริงๆแต่ดูแลยากจริงๆ55555
รายละเอียดการซื้อแผ่นกระเบื้องครับ ^-^
ภาพการปูกระเบื้องในห้องนอนครับ
เสร็จจากงานปูกระเบื้องพื้นภายในร้าน ก็เป็นหน้าที่ของผมต่อในการเดินสายไฟต่อครับ เริ่มจากดาวไลท์ และโคมไฟ ส่วนอุปกรณ์ต่างๆที่มี ก็มาจากซื้อของใหม่บ้าง ของเก่าบ้างครับ ปนๆกันไป ตามงบครับตามงบ ^-^
.
ส่วนช่างฯหลังจากการปูกระเบื้องภายในร้าน ก็ออกมาด้านนอกละครับ ทำโครงเหล็กรั้ว บริเวณระเบียงครับ บวกกับทำโครงเหล็กด้านนอกเพื่อมุงแผ่นโพลีครับ เพื่อกันความร้อน
BREAKING เลยครับ ในขณะนั้น ทางวิทยาลัย ได้ส่งผมไปศึกษาดูงานและไปเยี่ยมนักศึกษาที่ไปฝึกงานอยู่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทางวิทยาลัย ได้ส่งนักศึกษาไปฝึกงานอยู่2เดือน ส่วนผมมีหน้าที่ไปรับนักศึกษากลับครับ ส่วนผมไป 15 วันก่อนที่นักศึกษาจะเดินทางกลับ
ปัญหามันอยู่ตรงที่การก่อสร้างก็ยังดำเนินการต่อไปครับ 5555555 ซึ่งก็ได้ให้คนที่บ้านนี่และถ่ายรูปการก่อสร้างส่งให้ดูในแต่ละวันครับ = =” มีบ้างครับที่ทำไปแล้วก็มีการปรับเปลี่ยนครับ ^-^
15 วันผ่านไปครับ กลับมาถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพครับ พร้อมกลับมานั่งทำแฟ้มไปสอบสัมภาษณ์ การคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการครูผู้ช่วย ในตอนนั้นครับ
กลับมาที่งานก่อสร้างต่อครับ หลังจากนั้นก็ได้ให้ช่างมาติดกระจกครับ โดยใช้กรอบสีดำทั้งหลังครับ ในห้องนอนใช้กระจกสีดำ ส่วนภายในร้านใช้กระจกใสครับ
เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วครับ
หลังจากนั้น ก็มาหาของเก่าสิครับ หาจากที่บ้านบ้าง ของเก่าของปู่ย่าตายายบ้าง และผมเป็นครูช่างยนต์ก็ได้แต่หาของที่เกี่ยวกับรถยนต์ เครื่องมือ อะไหล่รถยนต์ นี่และครับ ^-^
.
.
บางวันก็ไปร้านขายของเก่าครับ ร้านที่เค้ามีเก็บไว้บ้าง ก็ไปขอซื้อมาครับ บางทีก็ไปร้านรับซื้อเศษเหล็กครับ
BREAKING อีกทีเลยครับ ในขณะที่ร้านกำลังจะเสร็จ จากที่ผมบอกว่าก่อนหน้านี้ที่ผมได้ไปสอบเข้ารับราชการครู และได้ไปสอบสัมภาษณ์นั้น ปรากฏว่าสอบติดครับ มีรายชื่อเฉย 5555555 ติด 1 ใน50 คน จากคนไปสอบ 900 กว่าคนครับ ทำไงละทีนี้ ถึงวันต้องไปเลือกสถานที่ลง!!!!! เพื่อความก้าวหน้าในชีวิต สรุปได้ไปอยู่วิทยาลัยการอาชีพแห่งหนึ่งในภาคกลางครับ ซึ่งเป็นที่ที่ผมทำงานอยู่ในปัจจุบัน
ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเลยครับ ร้านก็จะเสร็จ ห้องพักที่ดำเนินการสร้างเสร็จไปแล้ว ใครจะดู มีแต่คำถามเข้ามาสิครับ ^-^
เวลาผ่านไป ผมก็มาทำงานปกติ ทำไงต่อครับ ก็สอนที่ใหม่สิครับ 5555 กลับบ้านทีหนึงจะหาร้านขายของเก่า แถวๆที่ทำงานครับ เพื่อไปแต่งร้านๆ
.
อยากจะบอกว่า ของบางอย่างที่ได้มานั้น บางอย่างก็ถูก บางอย่างก็แพง ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบล้วนๆครับ บางอย่างเดินไปเจอตะกี้แล้วไม่เอา จะกลับไปเอาอีกรอบก็ไม่อยู่แล้วครับ
กลับมางานก่อสร้างต่อครับ วันนี้ช่างก็ได้พ่นสีโครงเหล็กรั้วด้านข้าง พร้อมทั้งโครงเหล็กด้านหน้า โดยใช้สีดำด้านครับ
ทำการยึดแผ่นโพลีครับ โดยผมใช้สีดำ ซึ่งแผ่นหนึงถือว่าแพงเลยทีเดียว = =”
หลังจากนั้น ทำการปูพื้นกระเบื้อง ด้านนอกครับ
เดินไปดูในห้องน้ำ ยังไม่มีสุขภัณฑ์ครับ 55555555 ทำไงละทีนี้ ไปซื้อสิครับ อยากจะบอกว่า สุขภัณฑ์ห้องน้ำนี่แพงจริงๆ ใช้ของถูก ก็มีปัญหาตามมาทีหลังครับ T-T
กลับมาบ้านเสาร์อาทิตย์ ก็ตกแต่งร้านต่อไปครับ แต่งไปแต่งมาหมดครับทีนี้ 55555 ร้านก็โล่งโครตๆ ตังก็ลดลงไปเรื่อยๆ ^-^
ร้านโล่งไปครับ วันหนึงมีโอกาสได้เข้าไปในกทม. ขับผ่านแถวๆคลองสาม แวะซื้อไม้สิครับ ซึ่งเป็นไม้สน ขายเป็นมัด ยาวประมาณ 2 เมตร ครับ มัดละ 10 ท่อนได้ครับ ซื้อมา 2 มัดครับ หลังจากนั้นก็ให้ช่าง ทำการไส และติดตั้ง ให้เป็นระแนง ตามรูปที่เห็นครับ
ไปเจอป้ายเชลล์ในเน็ตครับ จัดเลย T-T จากชลบุรี ส่งพัสดุมาครับ หวังว่าจะได้ค่าโฆษณาจากเชลล์บ้างนะครับ 5555
ผ่านไปอีก1วัน ลองมาถ่ายรูปดูด้านนอก เอ้า!!ไฟด้านนอกมีก็ยังไม่พอ มองไปก็มืดๆ ลงไฟด้านนอกต่อสิครับ
ลองข้ามถนนมาดูทางด้านหน้าร้าน โอว้ ฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟยังโล่งๆ 55555 ตายๆๆ เลยคิดว่า อยากจะให้เป็นคล้ายๆปั๊มน้ำมันเก่าๆของ CALTEX ครับแล้วหารถเก่าๆมาจอดสักคันหนึง หาตัวอย่างใน google ต่อไปครับ
เจอละครับ ใน google ครับ แบบที่พอทำได้
ลองๆ จับภาพจาก google ใส่ photoshopo ดูครับ ออกมาเป็นแบบนี้รี่เอง ^-^
หาของเก่าต่อครับ ไปเจอตู้จ่ายน้ำมัน CALTEX ของเก่า งานREBUILD ตรงที่อยากได้พอดีครับ ^-^ จัดเลย
ฝั่งร้านกาแฟ เรียบร้อยครับ ทำการเจิม เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนนะครับ
หลังจากนั้นทำป้ายรีสอร์ท พร้อมป้ายร้านกาแฟครับ ทีนี้ ครั้งนี้คุณพ่อสนับสนุน งบประมาณครับ เพราะถือว่าเป็นป้ายชื่อรีสอร์ท โดยให้ช่างตั้งเสาสูงประมาณ 5 เมตร ครับ พร้อมทำโครงเหล็กให้ตะแกรง เพื่อติดตัวอักษรครับ
ป้ายอีกภาพครับ
ย้ายมาฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟ ทำเป็นปั๊มน้ำมันจำลอง เริ่มดำเนินการขุดหลุมสิครับ รออะไรละครับ = =”
ทำการเทพื้น พร้อมขึ้นโครงเหล็ก โดยใช้เหล็กกล่องครับ เพราะไม่ได้รับน้ำหนักอะไรมากมาย
มุงแผ่นเมทัลชีสครับ ทั้งด้านบนและด้านข้างครับ ด้านบนสีอลูมีเนียม ด้านข้างสีขาวครับ ตัดขอบเข้ามุมด้วยสีแดงครับ
นำตู้จ่ายน้ำมันมาติดตั้งสิครับ หลังจากมุงแผ่นเมทัลชีสเสร็จเรียบร้อย พร้อมติดตั้งป้ายต่างๆที่พอหาได้ครับ เริ่ม มั่วๆละ ผมว่า 5555
นำรถเก่าของตัวเองมาจอดครับ เปิดประทุนนะครับคันนี้ ^-^ ตามสไตล์ ปั๊มน้ำมันโบราณ ^-^
เป็นไงบ้างครับ ทีนี้ เหมือนไม่เหมือน ไม่เป็นไรครับ ทำได้แค่นี้ 55555
ว่าแต่เครื่องชงมีรึยังครับ 555555 ร้านกาแฟซะอย่างดี ยังไม่มีเครื่องชง T-T
หยุดไปเดือนกว่าๆ ซึ่งในขณะนั้น ร้านเสร็จแต่ไม่มีคนมาทำครับ ก็ปล่อยร้านไว้ๆเฉยๆ ทำเป็นออฟฟิต สำหรับคนมาติดต่อห้องพักเฉยๆครับ
รูปภายในร้านครับ ตอนทำเสร็จใหม่ๆ ยังไม่มีเครื่องชง O_o
หลังจากนั้นก็ได้หาข้อมูล พร้อมทั้งไปลองชิมกาแฟ จากหลายๆที่ หลายๆร้าน ทั้งในเขตพื้นที่ใกล้เคียง และต่างจังหวัดฯ เพื่อดูรายละเอียดการตกแต่งร้านและรสชาติกาแฟครับ
มีโอกาสได้มางานกาแฟ ซึ่งจัดขึ้นช่วงเดือน กพ. ที่ผ่านมาครับ ซึ่งได้เห็นเครื่องชงเครื่องบด ราคาตั้งแต่หลักพัน ยันหลักล้านเลยครับแหม่!!!!
.
หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับด้านกาแฟ ว่าทำไมบางร้านขายดี บางร้านเจ๊ง บางร้านต้องปิดกิจการลงไป พร้อมทั้งแวะมาดูร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟ พร้อมทั้งเมล็ดกาแฟด้วยครับ
กลับมาดูที่ร้านกาแฟต่อ ร้านยังโล่งๆ โต๊ะเก้าอี้ก็มีน้อยไป จัดไปครับ โต๊ะเก้าอี้ สักสองชุด เพื่อนรักสนับสนุนครับ ^-^
ขนมาถึงก็ลองจัดวางดูเลยครับ ^-^
ในช่วงที่ยังไม่ได้เครื่องชงและเครื่องบดกาแฟ ก็ได้ฝึกทำ เมนูสมูทตี้ น้ำผลไม้ปั่น ไปพรางๆก่อนครับ ^-^
ฝึก แล้ว ก็ ฝึก ครับ
หาข้อมูลเครื่องชงกาแฟกาแฟต่อครับ บังเอิญว่าได้มารู้จักกับพี่คนหนึง ซึ่งยังไม่ได้ทำการเปิดร้านกาแฟ หรือขายเครื่องอะไรทั้งนั้น ซึ่งไม่มีส่วนได้เสียอะไรกับผมเลย ซึ่งก็ให้คำแนะนำผมตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกันทางโทรศัพท์ และพี่แกก็ช่วยหาเครื่องด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ สุดท้ายดูไปดูมา ไปเจอเครื่องชงของพี่ที่ร้านกาแฟร้านหนึงอยู่ที่แจ้งวัฒนะ ซึ่งถือว่าโชคดีมากครับ ที่ได้รู้จักพี่เจ้าของร้าน ซึ่งไม่ได้เป็นคนขายเครื่องโดยตรงเหมือนร้านอื่นๆทั่วไป และก็ได้ลองชิมกาแฟเย็นและกาแฟร้อนจากร้านพี่ ซึ่งตอนนั้นก็ถือว่ารสชาติโอเคเลยทีเดียว
ยังๆ กลับมาตัดสินใจกันต่อไป หาข้อมูลไปอีกครับ ซึ่งไปๆมาๆ จากที่ว่าจะหาเครื่องชงกับเครื่องบดในราคา หมื่นต้นๆ ถึงสองหมื่น ไปๆมาๆ ไม่ได้แล้วครับ จากที่ได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกาแฟมานั้น การที่กาแฟอร่อยได้ ต้องมาจากองค์ประกอบหลายๆส่วน ซึ่งทั้งนี้จะอร่อยไม่อร่อยได้นั้น ขึ้นอยู่กับ คนชง เครื่องชง เครื่องบด อุณหภูมิของน้ำที่ไหลผ่านกาแฟ ความละเอียดความหยาบของเมล็ดกาแฟที่ออกจากเครื่องบด เวลาในการไหลของกาแฟ ซึ่งทุกอย่างนั้น บอกได้เลยว่า ยิ่งราคาของเครื่องสูงมากเท่าไร ความละเอียด ความสะดวก ของเรื่องพวกนี้ก็จะตามไปด้วย T-T ปรับงบสิครับทีนี้ จากคิดว่า หมื่นต้นถึงสองหมื่น ไม่ได้แล้วครับทีนี้5555555
ติดต่อกลับไปหาพี่คนเดิมครับที่ไปหาคนล่าสุด เพื่อต่อรองราคาครับ ^-^ ลืมบอกไปว่า จากที่ไปดูที่ร้านกาแฟของพี่แก แกมีรางวัลมากมายเลยที่เกี่ยวกับกาแฟ คร่าวๆคือรางวัลรองชนะเลิศอันดับ1 การแข่งขัน THAILAND INDY BARISTA #7 ครั้งล่าสุด พร้อมรางวัล BEST SIGNATURE DRINK และเมล็ดกาแฟก็ได้รางวัลชนะเลิศมาด้วย เมื่อปีที่แล้ว
รางวัลๆ
เข้า กทม. หาซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟสิครับทีนี้ แก้ว ถ้วยตวง ช้อนกาแฟ แก้วร้อน แก้วเย็น ป้ายกระดานดำ โอ้ยๆที่ต้องใช้เพียบ ณ.จตุจักร และ JJ mall
ริ่มแล้วคร้าบๆ สำหรับการเรียนชงกาแฟวันแรก ตอนแรกคิดว่าพี่แกจะมา 1-2 คน ผิดคาดครับ พี่แกมาเพียบเลยเลยครับ คนแรกครับ พี่โม่เจ้าของร้าน DALLAS STEAK คนที่ผมซื้อเครื่องชงกาแฟ ครับ
สำหรับวันแรก เรื่องที่มาที่ไปก่อนที่จะมาเป็นกาแฟ
รู้จักชื่อกาแฟ ตามแบบที่เรียกๆกัน
การชงกาแฟร้อน
การสตรีมนม
คนที่สองครับ พี่เช เจ้าของร้าน LUCKY CAFÉ กทม.
คนที่สามครับ พี่หมี เจ้าของร้าน bangkok espresso bar อยู่ซอยอารีย์ กทม.ครับ
คนที่สี่ครับ พี่อิน เจ้าของร้าน cafe’ inn factory ปากช่อง (ผู้หญิงคนขวาสุดครับ)
คนที่ห้าครับ อาจารย์กาย ผู้จัดการสมาคมกาแฟและชาไทย ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังดำรงตำแหน่งนี้อยู่ไหมครับ
วันที่สองครับ การชงกาแฟเย็น สำหรับเพื่อนๆคนรู้จักมาร้านวันนี้ ชงกาแฟเย็นให้ชิมฟรีครับในช่วงบ่ายๆ
เปิดร้านวันแรก 8 เม.ย. 59 ก็พอมีคนรู้จัก เพื่อนๆ พี่ๆ มาอุดหนุน บ้างครับ
.
ผ่านไปวันสองวันครับ ร้านโล่งๆไปครับ ไปจัด โต๊ะเก้าอี้อีกสองชุดครับ รอบนี้คุณพ่อสนันสนุนครับ ^-^
ยังๆๆครับ เก้าอี้บาร์ โต๊ะบาร์ก็ยังไม่มีครับ รอบนี้ ทำเองสิครับ โดยช่างที่บ้านครับ คนเดียวกันกับช่างที่ก่อสร้างรีสอร์ทและร้านกาแฟครับ
ซื้อเหล็กกล่องครับ รอบนี้ หาดูแบบโต๊ะ เก้าอี้ทรงสูงสิครับ เปิดดูราคาที่ขายกันราคาสูงพอสมควร T-T เลยต้องทำเองครับ
ส่วนไม้ หาจากไม้เก่า ที่เก็บๆไว้ครับ เก่าๆทั้งนั้นเลย เสร็จเรียบร้อยครับ โต๊ะ1ตัว เก้าอี้บาร์ 4 ตัว
ยังๆครับ ยังไม่เสร็จ ด้านนอกระเบียงยังไม่มีโต๊ะกับเก้าอี้อีกครับทีนี้ ทำเองอีกสิครับ ^-^ โต๊ะ4ตัว เก้าอี้12 ตัว
หาไม้เก่ามาทำการไส และทายูรีเทน ครับ ^-^
ด้านบนของโต๊ะ ก็เอากระเบื้องที่เหลือจากการปูพื้นปูผนังของร้านกาแฟนั่นแระ ครับ ^-^
ป้ายชื่อร้านและอุปกรณ์ตกแต่ง ก็ทำเองครับ ไปหาซื้อท่อ ข้อต่อต่างๆ มาต่อไปต่อมาให้เป็นตัวหนังสือครับ ตัวหนึง 20-30 บาท ก็หมดไปเยอะครับ 5555555 ชิ้นส่วนของเครื่องครับ เอาทำเป็นโคมไฟ ส่องลงมาที่ป้ายครับ ^-^ ไม่รู้ผิดกฏไหม ถ้าผิดลบได้เลยนะครับ T-T
.
หาของแต่งร้านต่อครับ 555555
ยังๆๆ ถังน้ำมันเก่าครับ ปี 1951 O_o
วิทยุเก่าๆ ครับ
พัดลมเก๊าๆ เก่าๆ ครับ
หลังจากนั้น กระจกใสเกินครับ ทำไงครับ ….ออกแบบลายสติ๊กเกอร์ แปะกระจกครับ บริเวณด้านหน้าของร้าน ตก ตรม.ละ 300 บาท ครับ ใช้ไปเกือบ 10 ตร.ม. T-T
ติดเองแปะเอง ออกมาดูด้านนอก ก็โออยู่นะครับ ^-^
ต่อด้วยปรับปรุงภูมิทัศน์ รอบๆร้านกาแฟครับ ลงหญ้าน้ำพุกับหญ้า……
หลังจากนั้นก็เปิดมาได้จนถึงวันนี้ก็ประมาณสองหนึงครับ ซึ่งลูกค้าอาจจะไม่เยอะมากครับ แต่ก็พออยู่ได้ครับ เพราะไม่มีค่าเช่าที่ ค่าน้ำค่าไฟ ก็อาศัยในแชร์กับห้องพักครับ 5555
รูปลูกค้า ที่แวะมาทานครับ ขออนุญาตด้วยนะครับ
ลูกค้าต่างประเทศก็มีครับ ^-^
ลูกค้าชอบรถเก่าๆแบบผมก็มีนะครับ ^-^
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ยังเปิดร้านอยู่ครับ ถึงจะมาทำงานที่วิทยาลัยฯแห่งใหม่ ก็ร้านก็ยังดำเนินการต่อไปครับ ^-^ ฝึกชง ไปเรื่อยๆครับ อยากจะบอกว่า ตอนนี้ลาเต้อาร์ต ก็ยังทำไม่ค่อยได้เลยคร้าบๆๆๆ
กว่ากาแฟจะไหลออกมาสักช็อตหนึง ถือว่ายากพอสมควรนะครับ สำหรับมือใหม่ ไหลช้าไหลเร็ว มีผลต่อความอร่อยของกาแฟแน่นอนครับ = =”
น่ากินไหมละครับ ชาเขียว ฝีมือครูช่างยนต์ 555555
สตอเบอร์รี่สมูทตี้ ^-^
รูปบรรยากาศภายในร้าน ครับ แหม่มีคนมาเขียนผนังให้เต็มร้านเลยครับ ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย ^-^
มุมเคาร์เตอร์ชงกาแฟครับ
อีกมุมครับ ภายในร้าน
มาดูมุมนอกร้านบ้างครับ ยามค่ำคืน
เค๊กก็มีนะครับ ^-^ คู่หูกาแฟ
คู่กับนมสดเย็น ครับ
ปาท่องโก๋ อันนี้วิ่งไปซื้อตลาดเช้าแกวบ้านครับ ส่วนโอวัลติน ชงเองครับ
สุดท้าย อยากจะบอกเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนที่สนใจกำลังจะเปิดร้านอะไรก็แล้วแต่ครับว่า
การที่เราจะลงทุนทำอะไรก็แล้วแต่ ขอให้มีใจรักในสิ่งที่จะทำ มีความมุ่งมั่นตั้งใจ หากเป็นอาชีพให้บริการ ก็ให้มีใจรักในการให้บริการ สุดท้ายผลที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นยังไงเราจะมีความภาคภูมิใจเสมอครับ
ผมอาจจะโชคดีที่จากไม่รู้จักใครเลยในวงการกาแฟ แต่ถ้าเราศึกษาตั้งใจทำอะไรสักอย่างแล้ว ดวงมันจะพาเราไปเองครับ และก็ได้มาเจอกับกลุ่มพวกพี่ๆเค้านี่และครับ ^-^
ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่ๆทุกๆคนอีกครั้งนะครับสำหรับคำแนะนำ พ่อแม่พี่น้องญาติๆคนให้กำลังใจข้างๆตัวเราเราเอง ที่คอยสนับสนุน Support ในด้านต่างๆทั้งด้านอุปกรณ์ในการเปิดร้าน โต๊ะเก้าอี้ ฯลฯ ตลอดจนพี่ๆบาริสต้าที่คอยแนะนำในด้านของกาแฟตลอด2วันเต็ม และยังคอยให้คำปรึกษา อยู่ตลอดเวลา
หลายๆคนอาจมองว่า การที่จะเปิดร้านกาแฟมีโอกาสเจ๊งสูง ผมเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันในตอนแรกๆ เพราะว่าเราจะไปสู้ค่ายใหญ่ๆอย่างที่เรารู้จักกันได้อย่างไร ทั้งในเรื่องของสถานที่ อุปกรณ์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่อยากจะบอกว่า เราต้องเชื่อใจและมั่นใจ ต้องมีสไตล์การจัดร้านเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังต้องพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ บวกกับการให้บริการ การยิ้มแย้มแจ่มใส นั้นถือว่าสำคัญเสมอ!!!
ส่วนคนที่อยากทราบค่าใช้จ่ายในเรื่องของอุปกรณ์ก่อสร้าง ในด้านของค่าแรงงาน ในด้านของอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ หรือรวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการชงกาแฟ เครื่องบดเครื่องชง รวมไปถึงเมล็ดกาแฟ ก็รบกวนส่งเป็นข้อความมาถามได้ครับ ซึ่งผมเองเป็นคนดูแลและวิ่งซื้อของเองทั้งหมด อาจจะพอตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง คือใบเสร็จเก็บไว้ๆรวมๆไว้ บางใบก็ไว้บนรถหายไปบ้างก็มีครับ5555555 ส่วนในเรื่องของอุปกรณ์ในการก่อสร้าง โครงสร้างต่างๆ ขั้นตอนวิธีการทำ อาจจะไม่ตรงตามหลักการก่อสร้าง ก็ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ท้ายที่สุด อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ ที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจหรือลงทุนในส่วนของธุรกิจไม่ว่าจะเป็นด้านใดๆก็แล้วแต่ ขอให้มีใจรักมีความตั้งใจ ไม่ยากเกินความฝันเราแน่นอนครับ ขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ ส่วนตัวผมมีคติประจำใจคือ “ฝันให้ไกลๆ แล้วไปให้ถึง” ครับ ส่วนถ้าไปไม่ถึงอย่างน้อยเราไปได้สักครึ่งทางค่อนทางก็ถือว่าภูมิใจแล้วครับ ^-^
ที่มา : สมาชิกหมายเลข 2918247