ในยุคสมัยที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แต่ถ้าใจรักจะทำธุรกิจส่วนตัว ก็คงจะต้องเสี่ยงกันหน่อย จริงๆ แล้วถ้ามีการวางแผนที่ดี ออกแบบกระบวนการทำงานให้รัดกุม ธุรกิจที่เราสร้างขึ้นมา อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นรูปเป็นร่างสร้างความภาคภูมิใจให้เราได้
เหมือนกับธุรกิจร้านอาหารของคุณ VHS ที่ได้ทำการรีโนเวทตึกเก่าๆ ให้กลายเป็นร้านอาหารสไตล์วินเทจสุดปังที่มีขื่อว่า “ร้านสำราญราษฎร์” เป็นร้านที่กลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ได้ลงมือลงแรงทำด้วยตัวเองเพราะมีงบประมาณค่อนข้างจำกัด กลายมาเป็นร้านอาหารที่น่านั่งสุดๆ อยากรู้กันแล้วล่ะสิว่าจะสวยแค่ไหน ตามไปดูกันครับ
Review : เปลี่ยนตึกเก่าสุดโทรม ให้กลายเป็น “ร้านอาหารแนววินเทจ” แบบฉบับทุนน้อย ลงมือลงแรงทำกันเอง
เดือนนี้ เมื่อปีที่แล้ว เป็นเดือนที่เราได้เริ่มทำตามความฝันล่าสุดของเรา
นั่นคือการเปิดร้านอาหารและเครื่องดื่ม ชื่อ สำราญราษฎร์
เริ่มจากร้านเก่าเป็นร้านของเพื่อนพี่ ที่จะเลิกทำ พอเรารู้ เราก็เลยพยายามไปติดต่อเฮียเจ้าของตึก เพื่อขอทำร้านต่อ กว่าจะหาเฮียเจอ กว่าจะได้ทำสัญญา ตั้งแต่สงกรานต์ก็ได้เริ่มทำตั้งแต่วันแรงงานปีที่แล้วพอดีพอดิบ
สมกับที่ฤกษ์ดี เริ่มงานในวันแรงงาน เพราะพวกเราหุ้นส่วนทั้ง 5 คน
ต้องลงมือ ลงแรง ทำกันเอง เพราะงบน้อย เงินไม่ถึง จ้างไม่ไหว
อะไรทำเองได้ก็ต้องทำ ปีนบันไดสูง เพื่อปีไปทาสีกันสาดก็ทำ
จากที่เคยกลัว พอทำๆ ไปก็หายไปเอง จากที่เคยเขิน ว่าเลิกงานจากออฟฟิต ต้องมาเปลี่ยนชุดทาสี คนผ่านไปผ่านมาก็มองๆๆ ว่าไอ้พวกนี้มันทำอะไรกัน เป็นเดือนๆ ก็ค่อยๆ หายเขิน เพราะคนแถวนั้นก็ค่อยๆ ชิน เลิกมอง เลิกสนใจกันไปเอง
ก็คิดดูว่าร้านอื่นที่จ้างคนมาทำ คงแต่งไม่ถึงเดือนก็เสร็จ แต่ร้านเราทำกันเองทุกขั้นตอน ทั้งขูดสี ขัดสี ทาสี แต่งร้าน หาเฟอร์นิเจอร์(มือสอง เพราะมือหนึ่งไม่มีปัญญา) กว่าจะเสร็จล่อไปเกือบ 2 เดือน
ทำไมมันนานขนาดนั้น ลองมาดูกัน
นี่คือภาพแรก ที่เช่าตึกต่อมาเป็นแบบนี้
ถึงจะโทรมไปนิด แต่เราชอบเสน่ห์ของตึกเก่าแบบนี้ ถึงจะไกลบ้าน(แถวบางกะปิ) ไกลที่ทำงาน(แถวอโศก) เพราะร้านอยู่ถึงแยกสำราญราษฎร์ แต่ก็หลงเสน่ห์ตึกเก่าเข้าแล้วนี้ ทำไงได้
ข้างในร้านวันที่เจ้าของร้านเก่ามาขนของออก
อีกด้าน
โคมไฟที่เห็นตอนถ่ายเจ้าของเก่ายังไม่ได้ถอดออก ถ้าถอดเสร็จก็จะโล่งๆ เกลี้ยงๆ หน่อย
เพดานสูง ร่วม 4 เมตร
หน้าร้าน กันสาดสูง
ชอบพื้น กระเบื้องเก่า
ดูจากตึก แล้วหุ้นส่วนทั้ง 5 ก็มานั่งกุมขมับ เอ๊ยยย ไม่ช่าย มานั่งวางแผนกันว่าจะตกแต่งสไตล์ไหนดี เพราะ 5 คนก็คนละสไตล์ เลยกลายเป็นว่าเอาความชอบของแต่ละคนมาแชร์ตรงกลาง ให้คนโหวต ว่าชอบสีอะไร สไตล์ไหน ที่สำคัญ เราไปซื้อของ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ร่วมกัน จะได้ช่วยกันตัดสินใจร่วมกัน ว่าชอบเหมือนกันรึป่าว จำได้ว่าตระเวณตามล่าหาของ(ถูก) ตลอดทุกเสาร์อาทิตย์ 1 เดือนเต็ม กว่าจะหาของที่ถูกใจ และถูกสตางค์ได้ครบ เหนื่อยนะ แต่สนุกมากกกกก
อันนี้รูปด้านประตูร้าน
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นแรกของร้าน โซฟาเดี่ยว สีฟ้า
ร้านนี้หนุกดีของเยอะดี แต่เพราะเป็นร้านแรกที่เจอ เลยยังไม่แน่ใจเล็งๆ ถ่ายๆ ไว้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ เก้าอี้ตัวนี้ดีมั้ยน้า แต่เค้าตั้งไว้นอกร้าน แถมนกมาขรี้เต็มไปหมด จะเป็นไข้หวัดนกป่าวว้า หรือเราจะแอบยกขึ้นรถไปเลยดี เค้าคงไม่รู้หรอก ตั้งไว้ซะนอกร้านเลย เฮ้ยย ล้อเล่น เอาไว้ก่อนแล้วกัน คราวหน้าเจอ ค่อยมาซื้อ โอเชๆ งึมงำๆ กันหน้าร้านประมาณนี้
จำเก้าอี้เดนตายพวกนี้ไว้ให้ดี เพราะเราเล็งเห็นความงาม จากซากเก่าๆ (ก็มันถูกนี่) ของเก้าอี้พวกนี้ไว้ เราจะไปหามือดีมาแต่งสวยจากซากพวกนี้ให้ได้
ตอนบอกเจ๊ว่าซื้อเก้าอี้พวกนี้ เจ๊ แอบกลั้นยิ้ม(เห็นน่าเจ๊) เพราะคงนึกไม่ถึงว่าเก้าอี้ที่ทิ้งไว้นอกร้านตามยถากรรมพวกนี้จะมีคนซื้อ ถามเจ๊เจ้าของร้าน ว่าร้านรับทำโซฟา รับหุ้มเบาะมีมั้ยแถวนี้ เจ๊บอกมี ขับรถเลยไปหน่อยก็เจอแล้ว
ว่าแล้วก็ถ่ายรูปเก้าอี้ วางเงินมัดจำ แล้วก็ไปหาร้านหุ้มเบาะ เจอแล้ว ดีที่หาร้านใกล้ๆ กันเพราะเค้าบอกว่าจะเอารถไปรับมาทำเอง แค่โทรประสานให้ว่าจะไปเมื่อไหร่วันไหน ไม่เปลืองตังค์
มาเลือกหนังหุ้มกันดีกว่า อยากได้สีเดิม แต่มันไม่มีอ่ะ เอาสีใกล้ๆ ก็ได้ฟร่ะ
เสาร์-อาทิตย์แรกหมดไปกะร้านแรกได้ของประมาณนี้
เสาร์-อาทิตย์ถัดมา มีคนแนะนำอีกร้าน ที่อยู่ไกลโคตรรร เกือบถึงสุพรรณอยู่แล้ว แต่ก็ไปเพราะได้ยินมาว่าถูก นี่ๆ
ไปถึงไม่ผิดหวังเจอซากเก้าอีแบบนี้ 5-6 ตัวได้ ชอบๆ นะ สังเกตกองเหล็กข้างหลังนั้นก็คือโครงเก้าอี้ กับโต๊ะเหล็กนะนั้น
ได้โครงเหล็กอดีตเก้าอี้มาแล้ว
เราก็ถอดเบาะตัวนึงมา เพราะจะไปให้ร้านเดิมหุ้มเบาะให้ใหม่ หันไปหันมาเจอ โซฟายาว สุดโทรมตัวนึง แต่ลองนั่งแล้วนะ เบาะมันนุ้มนุ่ม น่านั่ง น่านอนมาก สนนราคาก็พอไหวประมาณสองหรือสามพันเนี่ยล่ะ อืม เอาเบาะไปหุ้มใหม่ กับทำความสะอาด ก็น่าจะไหวล่ะนะ เฮีย เอาตัวนี้ด้วยค่า
เก้าอี้ โซฟา ได้แล้ว
ทีนี้ เราก็คิดกันว่าเคาท์เตอร์บาร์เราล่ะ จะเอาไงดีน้า หันซ้าย หันขวา เจอแต่ตู้ล็อกเกอร์เก่าๆ ขายเต้มมมไปหมด ท่านหุ้นส่วนคนนึงไอเดีย บรรเจิด เอ๊ะ หรือเราจะเอาตุ้ล็อกเกอร์มาพลิกนอน แล้วทำเป็นเคาท์เตอร์บาร์กันดี หุ้นส่วนที่เหลือ อุ๊ โอ้ว เยี่ยมครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับเจ้านาย ก็เลยคิดกันว่า น่าจะไปใส่ล้ออีกหน่อย เพราะไม่งั้นมันเตี้ยไป ตกลง ลงตัวโป๊ะเช๊ะ เพราะว่าล็อกเกอร์แค่สองพันห้า ค่าล้อ ค่าเหล็กอ๊อก (ทำเอง) แค่ไม่ถึงสามพัน ก็ได้เคาท์เตอร์บาร์แล้ว เย้ๆๆ
ร้านนี้ช็อปกันจนมึด
แต่ก็ได้ของเยอะพอสมควร แอบเล็ง เก้าอี้นางงามที่เจ้าของร้านแอบคลุมผ้าไว้ด้วย แต่เจ๊เจ้าของร้านบอกว่าไม่ขาย พร้อมหัวเราะก๊าก บอกว่าจะเอาไปทำอาร้ายย เก้าอี้นางสาวไทยเนี่ยะ ก็มันงามนี้ เค้าอยากได้ แต่สรุปก็ไม่ได้
อาทิตย์ถัดมา เราไปที่ที่ใครๆ ร่ำลือกันว่าเดี๋ยวนี้แพงจับไม่ลง นั่นก็คือ “วัดสวนแก้ว” ของงามจับตาจับใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ราคาก็ อืมมม งามจับไม่ลงเลยล่ะ ทั้งหมดที่เห็นในรูป คือ ชอบ แต่ไม่มีตังค์ซื้อ จบข่าว
อ่ะ แต่ใช่ว่าจะมีแต่ของแพง หลังจากเสาะหา แทบพลิกพื้นวัด ในที่สุดก็เจอของที่พอจะซื้อได้แล้ว นี่เลย โต๊ะกลาง สีขาว สนนราคา 500 บาท(ต้องไปตัดกระจกเอง) กับ เก้าอี้ไหว้พระสีเทา(150) บาท เย้เย้
เสาร์อาทิตย์ ตามล่าหาเฟอร์นิเจอร์ แต่จันทร์-ศุกร์ขูดสี ขัดสี ทาสีอยู่ที่ร้าน ตัดภาพกลับมาที่ร้านบ้าง อันนี้กำลังขัดพื้นไม้ที่ชั้น 2 ของร้าน
มีเรื่องน่าตื่นเต้นและหลอนนิดหน่อย
คือกำลังขัดสีผนังข้างล่างอยู่ดีๆ เอาเกรียงแซะๆๆ สีเก่าออกไป ก็เจอลายมือเด็กๆ เขียนคำนี้อยู่ บรื้อออออออออออ ขนแขนสแตนอัพ พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เพราะเราเลิกงานจากออฟฟิต ก็มาทำร้านกันตอนกลางคืน ทำถึงตี1-2 กันเป็นประจำ อ่านเห็นมั้ย เบลอนิดนึงเพราะถ่ายตอนกลางคืน
ขนลุก แต่ก็แอบไปหาซื้อเลขเด็ดกันยกใหญ่
แต่แหม ให้มาทีเดียว 6 ตัว หาซื้อไม่ได้ อดรวยเลย ทาสีทับไปเรียบร้อยแล้ว ตกลงกันว่าข้างในร้านทาสีฟ้า ส่วนนอกร้านทาสีเทาดีฝ่า ทำงานเดือนพฤษภา แสนเศร้า เพราะฝนตกตลอด สีทาแทบไม่ได้เลย
ช่วงทาสีรูปน้อย เพราะส่วนใหญ่ทำตอนกลางคืน
แสงไม่พอถ่ายรูป จำได้ว่าไปขอยืมนั่งร้านซับพลายเออร์ที่ทำงานให้ออฟฟิต ยืมมาปีนทาสีข้างร้าน ที่สูงร่วม10เมตร ปีนป่ายอันเอง หวาดเสียวเป็นที่ซู้ดดด พร้อมกับเขียนชื่อร้านข้างตึก ทำเสร็จเกือบตาย(ขนาดไม่ได้ปีนเอง แค่ส่งถังสีจากประตูชั้น 2 เองนะ) เพิ่งรู้ว่ากลัวความสูงเหมือนกันนะเนี่ย
ความลำบากในการทำงานก็คือ ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาเกือบครบหมดแล้ว
ฝากที่ร้านไว้ก็ไม่ได้แล้วเพราะฝากได้แค่ อาทิตย์เดียว ผลก็คือ ต้องเอามากองในร้าน พอจะทำด้านไหน ก็ย้ายของไปกองรวมกันอีกด้าน เฮ้อออเหนื่อย ทำสีผนังเกือบเสร็จแล้ว
อันนี้เป็นหน้าร้านเวอร์ชั่นแรก
คือ ตัวตึกสีขาวครีม ประตูสีเทา อืม แต่ทำเสร็จคิดว่ายังไม่ใช่แฮะ
ลองผิดลองถูกกันไป
ไม่ใช่ไม่ชอบ ก็ทาใหม่ ฮื้บๆๆ เร่งมือหน่อยทุกคน อยากจะเปิดร้านแล้วเว้ยยย
ทาสีใหม่
อินเวิร์ท สีเดิมคือ ประตูครีม ตัวตึกสีเทาเข้มแทน ตัดเส้นด้วยสีฟ้า จะได้ลิงค์กับสีฟ้าข้างในร้าน แวะซื้อโคมไฟกลมๆ จากแถวคลองถม ถูก คลาสสิค ดี
ตัดภาพกลับไปที่วัดสวนแก้ว
คราวนี้ไปได้ของชิ้นเด็ด เป็นโครงเหล็กแบบนี้ แต่เราเล็งกันว่าจะเอามาเป็นชั้นโชว์วางเหล้า สองชิ้นนี้มาจากคนล่ะร้านนะ เหลือเชื่อมากๆ เพราะว่าเหมือนกันเด๊ะ แต่อีกอันเล็กกว่า กะจะเอาไว้ชั้น 2
ของมาส่งอัดแน่นเต็มร้าน
ได้เวลาที่ต้องผ่า ล็อกเกอร์ เลาะเอาเหล็กแผ่นหลังออก เพื่อจะได้เป็นช่องไว้เก็บของในร้าน พร้อมทั้งเอาเหล็กฉากมาทำโครงรับน้ำหนักเพิ่มที่ด้านล่าง เพื่อรับกับล้อที่เอามาใส่เพื่อเพิ่มความสูง ส่วนด้านหน้าโชว์เนื้อเหล็ก และเท็กเจอร์ของสนิมกังๆ ของล็อกเกอร์แบบเดิมไว้(ขี้เกียจนั้นแหละ)
อิอิ ไอ้ที่ขัดอันนั้นก็เป็นของเก่านะ
ไม่ได้ซื้อใหม่ ขัดกันที กลับบ้านไปกล้ามเนื้อยังกระตุกกึกๆๆๆ อยู่เลย นึกว่าเครื่อง power plate น่าจะรู้เร็วก่านี้ ระหว่างนี้ก็ไปเจอ กล่องไฟเก่าที่ร้านขายของเก่า เจอแล้วก็เอามาโมใหม่ กลายเป็นแบบนี้ ปล. ได้เวลาต้องไปเฝ้าร้านก่อน เดี๋ยวถึงร้านแล้ว จะอัพรูปใหม่ทันใด คับผ๋มมม
เอาล่ะ หลังจากที่เห็นตอนเยินๆ มานาน ร้านก็ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ปั่นป่วนที่สุด เพราะว่าต้องเตรียมเปิดร้าน ซื้อของใช้เข้าร้าน อันนี้จากร้านแถววัดสวนแก้ว อพยพมาอยู่ที่ร้านเรียบร้อย เหลือแต่ช่างกระจกที่จะมาวัดแล้วตัดใส่ให้สดๆ ที่ร้าน
จำได้ว่าคืนก่อนเปิดร้าน จะตีสองแล้ว ยังคุยกันอยู่ว่าผนังร้านยังโล่งๆ อยู่เลย เนื่องจากงบหมด ไม่มีเงินซื้อของตกแต่งแล้ว แรงฮึด จังหวะสุดท้ายก่อนจะหมดแรง พี่หุ้นส่วนก็ไอเดียบรรเจิด เอาสีทาผนังที่เหลือๆ มาเพ้นท์ภาพ ที่เคยปริ้นท์ๆ กันมาดูเรฟเฟอร์เรนท์ ก็ออกมาเป็นผนังลายดอก เช่นนี้แล
พี่คนเพนท์เซียนมาก เพนท์เหมือนเป็นเรื่องง่าย
มองกระดาษที่ปริ้นท์รูปต้นแบบ แล้วก็วาดๆๆ ผู้เชียร์อย่างเราเลยใจดี แถมให้พี่เค้าเพนท์อีกผนังซะเลย ก็หน้าห้องน้ำมันโล่งๆ นี่ ขออีกดอกนะพี่ จำได้ว่าคืนก่อนเปิดร้าน สะโหลสะเลเสร็จตี 4 แน่ะ
วันเปิดร้านจำได้ว่าตื่นแต่เช้า เพราะยังมีอะไรไม่เรียบร้อยตั้งหลายอย่าง
จำได้ว่าหุ้นอื่นก็ไปเตรียมการณ์อยู่ที่ร้าน เราแอบโดดงาน ซิ่งไปรอบเมืองเพื่อจะหาอะไรมาปิดประตูห้องน้ำชาย เพราะว่าจะเปิดร้านแล้วยังไม่มีอะไรปิดเลย ไปหาทั้งโฮมโปร บุญถาวร index ไม่มีทั้งถูกใจ ถูกสตางค์เลยซักที
เพื่อนแนะนำให้ไปที่จตุจักร ที่ขายวันธรรมดา ไปเดินหาคนเดียว จนในที่สุดก็ได้ม่านอันนี้มา จำได้ว่าถือวิ่งตากฝนมาขึ้นรถ อย่างกะนางเอก Mv แต่เห็นแขวนอยู่ในร้านแล้วก็หายเหนื่อย หายเปื่อย
อันนี้เป็นวันแรกๆ ที่แขวน ตอนหลังๆ หนุ่มๆ ตัดพ้อว่ามันโปร่ง จนเขิน เวลายืนทำธุระ และอยากกั้นให้เป็นสัดส่วนก็เลยตัดผ้ากำมะหยี่ดำมารองอีกชั้นแทนครับ
จำโซฟาเน่าตัวนั้นได้มั้ย ไปหุ้มใหม่มาแล้วนะเออ
แต่ว่าซื้อบื้อ ใส่ไม่เป็นยัดเข้าไปจนผ้าขาด เฮียเจ้าของร้านเบาะ มาดูที่ร้าน แล้วส่ายหัว บอกอีหนูเอ๊ย มันต้องงอๆพับๆ เบาะฟองน้ำก่อน ไม่ใช่ยัดไปทั้งอันแบบนี้เฟ้ยยย (หน้าแหก เพราะไปเม้งเค้าว่าเย็บไม่ดี) สุดท้ายเลยต้องเอาผ้าอย่างอื่นมาพันๆไปก่อน แล้วเอาตัวผ้าหุ้มเบาะไปเย็บใหม่(เสียตังค์เพิ่มด้วย) เลยออกมาแปร่งๆ แบบนี้แหละ
จำเก้าอี้เน่า ที่ถูกทิ้งไว้ตากแดดตากฝนหน้าร้านขายของเก่าตัวนั้นได้มั้ย
วันนี้ก็ยังอยู่หน้าร้านนะ แต่เป็นหน้าร้านเรา เอาไว้ให้ออกไปนั่งชิลข้างนอก ไม่ต้องตากแดด ตากฝนแล้ว
ทาด้าาาา
1.ล็อกเกอร์เน่า ที่เคยถูกทอดทิ้ง เอามาแปลงโฉมใหม่แล้วจ้า
2.พร้อมกับชั้นโชว์ เอามาวางเป็นรูปกากบาทอ้วนๆ แบบนี้
3.เก้าอี้จากร้านขายของเก่า เอามาโมใหม่ ใส่เบาะเข้าไป กลายเป็นเก้าอี้บาร์แบบนี้เองจ้า
เปิดร้าน อย่างเป็นทางการแล้ว
อะไรที่ไม่ลงตัว ก็ค่อยๆ ปรับกันไป อย่างหุ่นโชว์นี้ก็เป็นของร้านเก่า แต่เจ้าของยกให้ อิอิ ตั้งอยู่เหงาๆ โดดเดี่ยว ก็เลยเอาไฟมาประดับซะหน่อย ส่วนโซฟายาว ก็ได้ผ้าหุ้มเบาะใหม่มาแล้ว ยังดูเหงาๆ เลยแวะไปสอยผ้าจากพาหุรัด หิ้วมาให้ป้าตรงข้ามร้านเย็บปลอกหมอนให้ ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ “ดอก” อิอิอิ
ในที่สุด สำราญราษฎร์ ก็พร้อมให้ความสำราญกับทุกคนแล้ว
อันนี้เป็นมุมถังไม้ ที่ไปสอยมาจากตลาดไฟฉาย แล้วมาตัดกระจกใส่ กลายเป็นโต๊ะกลม ส่วนโซฟา ซื้อมาแล้วไปหุ้มใหม่ ซื้อผ้าหุ้มที่พาหุรัด เมตรละ 55 บาท ออกมาเป็นโซฟาลายสก็อตแบบนี้แหละ
บางคนเข้าใจผิดคิดว่าร้านขายดอกไม้ด้วย เพราะเห่อซื้อดอกไม้เข้าร้านกันตลอดๆ
มีปัญหาแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้แก้ทุกวัน
เปิดร้านวันแรก ผู้จัดการร้าน ขอลาออก เพราะกลับบ้านดึกแล้วมีปัญหากับแฟน เอาละซิ เปิดร้านแค่วันแรกเอง หลังจากนั้นเลยตัดสินใจ ลูกฮึด ทำกันเองก็ได้ ไม่ต้องจ่ายเงินเดือน ประหยัดไปได้อีก หุ้นส่วน 5 คน
ก็ผลัดกันมา วันศุกร์ เสาร์ มารวมกัน 5 คน มีอุปสรรค ที่ทำให้เกือบท้อ เด็กเสิร์ฟ ที่มาจากคนรู้จัก และไว้ใจจนให้นอนในร้าน ขโมยเงิน แล้วหนีปิดโทรศัพท์ไปเลย
เปิดมาได้ 1 ปี มีทั้งเรื่องดีไม่ดี เกิดขึ้นทุกๆ วัน
เหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อย แต่สนุกมั้ย มันก็สนุก เลยยังไม่ท้อ หรือถอดใจ แต่ก็เกือบไปหลายหน เพราะอยู่โซนนี้ต้องทำใจ มีวันดีๆ ก็ปิดถนนเฉลิมฉลอง คนเต้มมม หน้าร้านเลย แต่ไม่มีใครเข้ามาในร้านเล้ย พอวันไม่ดีมีม๊อบก็มาปิด เพราะร้านเราอยู่ใกล้เวทีแดง ตอนอยู่ผ่านฟ้าที่สุด คนไม่กล้ามาอีก กลัวม๊อบ นั่งเฝ้าร้าน เห็นเจ้าหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซด์ถือปืนผ่านไปเป็นสิบคัน ร้านสุดแสนจะเงียบๆ เหงาๆ พอม๊อบย้ายไปค่อยดีขึ้นหน่อย
แต่ดีใจนะ ที่ได้มาโพสต์กระทู้ในวันนี้ ได้มานั่งรื้อรูปเก่าๆ มานั่งดู กระตุ้นให้มีไฟขึ้นเยอะ โดยเฉพาะได้กำลังใจจากทุกๆ คน ขอบคุณมากๆๆๆ
Before & After
ทั้งหมดนี้ ใช้เงินในการแต่งไม่เท่าไหร่ เพราะว่าไม่เสียค่าแรง ทำกันเอง ก็เซฟไปได้เยอะ
หนักก็ค่าแอร์ 2 เครื่อง 5 หมื่น แอร์ประกอบเอง ปัญหาเยอะสุดๆๆ แนะนำคนที่จะติดแอร์เลย ว่าอย่าเอาแอร์ประกอบเลย
ซื้อดีๆ ไปเลย เพราะของเรากินไฟมาก แอร์ 2 ตัว ตู้แช่โค้ก1 แช่แข็ง1 ตู้เย็น 1 ค่าไฟเดือนล่ะ 7000 เป็นอย่างต่ำ
Before & After หน้าร้าน
อันนี้เป็นข้างๆ ตึก ที่ปีนนั่งร้าน 3 ชั้นขึ้นไปทำสี
แต่ว่าตอนทาฝนตกๆ สีเลยด่างๆ ดวงๆ
สำหรับใครที่สนใจ สามารถคลิกเป็นแฟนกันได้ใน Fanpage ใน facebook ของร้านได้ที่ facebook.com/samranrat
ที่มา : VHS