การเลี้ยงปลาตู้ในบ้านคือหนึ่งในวิธีสร้างความสวยงามและเพิ่มชีวิตชีวาให้กับบรรยากาศการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้เลี้ยงต้องใส่ใจถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่จำเป็นก่อนเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของขนาดตู้ปลา ตำแหน่งการจัดวาง ประเภทปลาที่จะเลี้ยง รวมไปถึงอาหารที่ดีมีคุณภาพสำหรับเจ้าปลาแสนรักของเรา
วันนี้ ในบ้าน ก็จะพาเพื่อนๆ ชาวเว็บไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ที่เราควรต้องรู้ก่อนเลี้ยงปลาตู้ในบ้าน ซึ่งขอบอกเลยว่าเคล็ดลับเหล่านี้ จะทำให้คุณมีตู้ปลาสวยๆ ที่พร้อมจะให้ปลาสวยงามแสนรักของคุณได้เติบโตในสภาวะที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกด้วย ตามมาดูกันเลย
1. ประเภทของตู้และขาตู้ปลา (ฐานวาง)
วัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำตู้ปลาในปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ กระจกใส และ กระจกอะคริลิก ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ในการเลือกก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบและความเหมาะสมของแต่ละคน
– ตู้กระจกใส คือตู้ที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากหาซื้อง่าย ราคาถูก และมีความทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง ดูแลรักษาได้ไม่ยาก ส่วนข้อเสียก็คือมีน้ำหนักค่อนข้างมาก หากแตกจะทำให้เกิดอันตรายได้
– ตู้กระจกอะคริลิก คือตู้ปลาอีกชนิดหนึ่งแต่ไม่นิยมใช้กันเท่าตู้กระจกใสเนื่องจากมีราคาสูงกว่าหลายเท่าและไม่ทนต่อการขูดขีด อีกทั้งยังยากต่อการดูแลรักษา แต่ตู้กระจกอะคริลิกนั้นมีข้อดีตรงที่ รูปแบบสวยงามกว่าเพราะสามารถดัดตามรูปแบบที่ต้องการได้ มีน้ำหนักเบา และไม่อันตรายเท่าตู้กระจก
ส่วนฐานวางตู้ปลา หรือที่เรียกกันว่า ขาตู้ปลา นิยมใช้กันอยู่สองแบบก็คือ แบบโครง และแบบตู้
– ขาตู้ปลาแบบโครง นิยมใช้วัสดุเหล็กในการทำ เนื่องจากมีราคาถูก มีความแข็งแรงทนทานสูง ซึ่งควรจะเลือกใช้เหล็กคุณภาพดีเพื่อให้รับน้ำหนักตู้ปลาได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังมีโครงขาตู้ปลาที่ทำจากสแตนเลสหรือไม้อีกด้วย
– ขาตู้ปลาแบบตู้ มีลักษณะเหมือนกับตู้เคาน์เตอร์ ซึ่งอาจจะมีตู้เก็บของสำหรับใส่อุปกรณ์หรือสิ่งของต่างๆ อยู่ด้วย มีราคาสูงกว่าขาตู้ปลาแบบโครง ดีไซน์สวยงาม นิยมสั่งทำกันเป็นส่วนใหญ่
2. ขนาดที่เหมาะสม
การเลือกตู้ปลานั้น ควรเลือกขนาดที่มีความพอดีกับพื้นที่ภายในบ้าน ไม่ใหญ่เทอะทะเกะกะกีดขวางทางเดิน และควรคำนึงถึงขนาดความหนาของตู้กระจก ไม่ควรบางมากจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
ในปัจจุบัน ตู้ปลามีหลายขนาดให้เลือกตามสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยของบ้าน ที่มีวางจำหน่ายโดยทั่วไปมักจะมีขนาดดังต่อไปนี้
3. อุปกรณ์เสริมและของตกแต่ง
อุปกรณ์เสริมสำหรับการเลี้ยงปลาตู้ หลักๆ ก็จะประกอบไปด้วย อุปกรณ์ให้อากาศ/หมุนเวียนน้ำ, อุปกรณ์กำจัดของเสีย, หลอดไฟ, และของตกแต่งอื่นๆ
อุปกรณ์ให้อากาศและหมุนเวียนน้ำ มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ
– เครื่องให้อากาศใต้น้ำ (Air Pump) คืออุปกรณ์ที่ให้อากาศในตู้ปลาโดยผ่านท่อลมและมีตัวปล่อยอากาศใต้น้ำ เช่น หัวทราย
– เครื่องพ่นน้ำขนาดเล็ก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้หลักการให้น้ำหมุนเวียนขึ้นมาสัมผัสอากาศ ในเครื่องพ่นน้ำบางรุ่นจะมีท่อสำหรับใส่สายลมเพื่อดูดอากาศเข้าไปผสมกับน้ำก่อนพ่นออกมา เป็นการให้อากาศในตู้ปลาอีกวิธีหนึ่ง
หลอดไฟ ส่วนมากจะเลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากหาซื้อง่ายและมีราคาถูก หรือจะเลือกใช้ LED ก็ได้ ซึ่งแสงจากหลอดไฟไม่มีผลโดยตรงต่อปลา แต่จะช่วยให้ความสว่างและเพิ่มความโดดเด่นสวยงามให้กับปลา
อุปกรณ์กำจัดของเสีย เนื่องจากเราไม่สามารถเปลี่ยนน้ำทำความสะอาดตู้ได้ทุกวัน ในขณะที่ปลาต้องกินต้องถ่ายทุกวัน เราจึงต้องติดตั้งอุปกรณ์กำจัดของเสียไว้ด้วย โดยทั่วไปจะมีระบบกรองของเสียอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ
– กรองใต้พื้นทราย ใช้หลักการให้น้ำผ่านใต้ทรายแล้วน้ำจะพ่นออกทางท่อเหนือพื้น ทรายสิ่งสกปรกก็จะติดอยู่ที่พื้นทราย จุลินทรีย์ในทรายก็จะย่อยสลายของเสียตามกระบวนการธรรมชาติ
– การกรองแบบชีวภาพ หรือ กรองแบบแห้งเปียก เป็นการใช้เครื่องกรองที่มีระบบในการกักเก็บของเสีย และย่อยสลายของเสียที่เป็นพิษต่อปลาให้มีปริมาณที่ลดลงหรือเปลี่ยนเป็นสารที่พืชน้ำ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ วัสดุที่ใช้สำหรับเครื่องกรองแบบชีวภาพนี้มีวางจำหน่ายตามร้านขายปลาสวยงามทั่วไป เช่น ไบโอบอล ผงคาร์บอน ใยแก้ว เศษประการังหรือเซรามิคที่มีรูพรุน เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงควรเปลี่ยนน้ำในตู้ปลาเป็นประจำหรือเมื่อน้ำในตู้มีความสกปรกมากเกินไป
ของตกแต่งอื่นๆ ของตกแต่งจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับตู้ปลา ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ขอนไม้ ต้นไม้พลาสติก หรือไม้น้ำต่างๆ ทั้งนี้ ไม่ควรใช้วัสดุหรืออุปกรณ์ตกแต่งที่อาจเป็นอันตรายต่อปลา เช่น วัสดุที่ละลายน้ำได้ หรือวัสดุที่เป็นสนิม เป็นต้น
การจัดวางของตกแต่งภายในตู้ปลา ก็ควรจะวางของชิ้นเล็กๆ ไว้ด้านหน้า และวางของชิ้นใหญ่ๆ ไว้เป็นฉากหลัง สามารถใช้จินตนาการในการจัดวางได้ตามชอบ แต่ก็จะต้องไม่รกเกินไปจนทำให้ปลามีพื้นที่ว่ายน้ำน้อยลง และควรคำนึงถึงความสะดวกเวลาที่เราต้องการตักปลาเพื่อย้ายออกจากตู้ด้วย
4. ตำแหน่งการจัดวาง
เมื่อเลือกขนาดตู้ปลาได้แล้ว สิ่งต่อมาก็คือการจัดวางตู้ปลาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายในบ้าน เพราะถ้าวางในที่ที่ไม่ดี ก็อาจทำให้สิ่งมีชีวิตในตู้ปลาของเราเกิดปัญหาได้
ควรตั้งตู้ปลาไว้ในมุมที่เงียบสงบไม่พลุกพล่าน ไม่เกะกะกีดขวางทางเดิน หรือฟังก์ชันก์การใช้งานอื่นๆ ภายในบ้าน มิเช่นนั้น อาจจะทำให้ปลาตกใจง่าย เกิดอาการเครียด ไม่ออกมาว่ายน้ำ และมีแนวโน้มที่จะทำให้ปลาป่วยได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ยัง ควรตั้งตู้ปลาไว้ในที่ๆ ไม่โดนแสงแดด เพราะแสงแดดนั้นทำให้เกิดตะไคร่น้ำ ส่งผลให้ตู้ปลาดูสกปรกและทำให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนไป ทำให้ปลาไม่แข็งแรงและอ่อนแอ ติดโรคได้
5. สิ่งที่เลี้ยงในตู้
การเลือกปลาที่จะเอามาเลี้ยงในตู้นั้น ผู้เลี้ยงจะต้องทำการศึกษาและคำนึงด้วยว่าปลาแต่ละชนิดนั้นสามารถเลี้ยงรวมกันได้หรือไม่ เพราะปลาบางชนิดอาจจะกินปลาเล็กเป็นอาหารได้
ซึ่งปลาที่กินเนื้อเป็นอาหารนั้นควรเลี้ยงไว้แบบแยกเดี่ยว อย่างเช่น ปลามังกร ปลาออสการ์ ปลากัด ฯลฯ ส่วนปลาที่สามารถอยู่รวมกันได้โดยไม่กัดกัน ก็จะมี ปลาทอง ปลาเทวดา ปลาหางไหม้ เป็นต้น
ที่สำคัญก็คือความดูแลเอาใจใส่ ซึ่งผู้เลี้ยงควรทำการศึกษาว่าปลาที่เราเลี้ยงนั้นมีความต้องการแบบไหน มีวิธีการดูแลอย่างไร เพราะปลาบางประเภทนั้นก็อาจจะต้องได้รับการดูแลเอาใจเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้เติบโตในสภาวะที่ดีที่สุด
นอกเหนือจากตู้ปลาดีๆ ที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมและพร้อมสำหรับการเลี้ยงปลาแล้ว การให้อาหารปลา ก็นับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญ เพราะเราจะได้สังเกตพฤติกรรม และทำให้ผู้เลี้ยงได้ใกล้ชิดกับปลาที่เลี้ยงได้มากขึ้น และการให้อาหารปลาที่ดีนั้น ก็จะทำให้ปลามีการเจริญเติบโตที่ดี รวมถึงมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์
และหากเพื่อนๆ กำลังมองหาอาหารปลาดีๆ อยู่ล่ะก็ ในบ้าน ขอแนะนำ ออพติมั่ม (OPTIMUM) อาหารปลาเพื่อปลาสวยงามโดยเฉพาะ ที่มุ้งเน้นในการสร้างความสมบูรณ์แข็งแรง และเร่งสีสันสวยงามให้แก่ปลาสวยงาม พร้อมทั้งช่วยดูแลน้ำให้ใสอยู่เสมอ เพื่อให้ปลาสวยงามของเราได้เติบโตในสภาวะที่ดีที่สุด ตามสโลแกน “น้ำสีใส ปลาสีสวย แข็งแรงกว่าด้วยออพติมั่ม”
เรามาดูกันว่า อาหารปลาสวยงาม ออพติมั่ม (OPTIMUM) นั้น มีคุณสมบัติดีๆ อะไรบ้าง?
- เป็นอาหารปลาที่เหมาะสำหรับเลี้ยงปลาตู้สวยงามทุกชนิด
เช่น ปลาทอง ปลากระดี่ ปลาสอด ปลาเทวดา ปลาหมอสี ปลาเซลฟิน ปลากัด เป็นต้น
- สีสวยด้วยสารเร่งสี แอสทาแซนธิน (Astaxanthin)
ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีความปลอดภัย และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ดี มีประโยชน์กับสุขภาพของปลาโดยตรง
- อุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินอี
ช่วยในการลดความเครียด ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันที่ทำให้ปลาสามารถต่อต้านเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกาย จึงทำให้ปลาสวยงามมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และเจริญเติบโตได้ดี
- มีส่วนผสมของ ซินไบโอติก (Synbiotic)
ซินไบโอติก ประกอบด้วยโปรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ และพรีไบโอติก ที่ทำงานร่วมกันซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของปลา โดยการเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบการย่อยอาหาร ส่งผลดีต่อการเติบโต เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค และประสิทธิภาพการย่อยอาหาร ที่ทำให้ปลามีสุขภาพที่สมบูรณ์และแข็งแรง
- ใช้แล้วน้ำไม่ขุ่น
หลังจากให้อาหารแล้ว น้ำยังคงใสสะอาด เห็นตัวปลาว่ายสวยงามได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน
ออพติมั่ม (OPTIMUM) ยังได้ออกแบบผลิตภัณฑ์หลายขนาด เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการในการเลี้ยงปลาที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน มี 6 ขนาดด้วยกัน คือ ขนาด 20 กรัม, ขนาด 50 กรัม, ขนาด 100 กรัม, ขนาด 200 กรัม, ขนาด 500 กรัม และขนาด 1 กิโลกรัม
หากเพื่อนๆ จะเลือกซื้อหาอาหารปลาเพื่อปลาสวยงาม อย่าลืมพิจารณา อาหารปลาสวยงาม ออพติมั่ม (OPTIMUM) เพื่อสภาวะการเจริญเติบโตที่ดีที่สุดของปลาที่เพื่อนๆ รักกันนะครับ ^_^
สนใจสั่งซื้อสินค้า : shoponline.perfectcompanion.com .