ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีอากาศร้อนเกือบทั้งปี โดยเฉพาะในหน้าร้อนที่มีอากาศร้อนจัด การที่จะคลายร้อนของคนโดยทั่วไปคงจะหนีไม่พ้การเปิดแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ แต่เจ้าเครื่องปรับอากาศเหล่านี้ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กระแสไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เราเสียค่าไฟฟ้าต่อปีมากโขเลยทีเดียว
วันนี้ ในบ้าน จะมาเผยเคล็ดลับจากวิศวกรท่านหนึ่ง ในการเปิดแอร์ให้หมดห่วงเรื่องค่าไฟ ให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายภายในบ้านไปได้จำนวนมาก ถ้าพร้อมแล้วเราไปชมกันได้เลยครับ
1. กำหนดอุณหภูมิอยู่ที่ 27 องศา
เดิมทีวิศวกรมักแนะนำให้ตั้งอุณหภูมิอยู่ที่ 25 องศา และความชื้นสัมพัทธ์ที่ 50% แต่เมืองไทยเรา ควรกำหนดอุณหภูมิอยู่ที่ 27 องศา ละความชื้นสัมพัทธ์ที่ 70% เพราะสำหรับคนไทยเรา 25 องศา อาจจะหนาวเกินไป และบางคนอาจป่วยเอาด้วย
2. ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 28-30 องศา แล้วเอาพัดลมตั้งพื้น มาเป่าแบบส่ายไปมา
ถ้าตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 28-30 องศา แล้วเอาพัดลมตั้งพื้น มาเป่าแบบส่ายไปมา พัดลมจะกินไฟเพียง 50 วัตต์ เปิด 10 ชม. ต่อวัน ตลอดปีเสียค่าไฟ 630 บาท จะลดค่าไฟแอร์ จาก 8,000 บาท เหลือเพียงราว 2,000 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้การเปิดแอร์และพัดลมในอุณหภูมิประมาณนี้จะช่วยให้เรารู้สึกเหมือนอุณหภูมิ 27 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พอดีสำหรับคนไทย และในช่วงหลังเที่ยงคืนอุณหภูมิทั่วไปก็จะลดลงไปอีก
3. เปิดหน้าต่างไล่อากาศร้อนสะสมในช่วงกลางวัน
ขณะที่กินข้าวและดูทีวีตอนหัวค่ำ ให้เข้าไปที่ห้องนอน เปิดหน้าต่างห้องนอนนิดนึง แล้วเปิดพัดลมเป่าไปทางหน้าต่างเพื่อไล่อากาศร้อนภายในห้องที่สะสมระหว่างวันออกไปก่อนจะถึงช่วงเวลาที่เราเข้านอน
ความร้อนที่ถูกสะสมระหว่างวัน คือความร้อนที่แผ่ออกจากผนังปูน ซึ่งเก็บอมความร้อนไว้จากอุณหภูมิภายนอกของช่วงกลางวัน ซึ่งการเปิดหน้าต่างไล่อากาศออกก่อน จะช่วยประหยัดแอร์ได้อีก แถมยังช่วยให้แอร์เย็นเร็วขึ้นด้วย
.
รู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมเอาเคล็ดลับนี้ไปใช้กันนะครับ รับรองว่าบิลค่าไฟต้องลดลงแน่นอน ^_^
ที่มา : partiharn .