ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำวง Bodyslam ได้พิสูจน์ถึงความเชื่อที่แรงกล้าของเขาในการวิ่งโครงการ ก้าวคนละก้าว ที่ ตลอดการวิ่ง 55 วัน จากเบตงถึงแม่สายจนประสบความสำเร็จและกลายเป็นฮีโร่ของใครหลายๆ คน และเร็วๆ นี้กำลังจะมีภาพยนตร์สารคดี 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว ภาพยนตร์ที่นำเสนอ ในอีกแง่มุมของเรื่องราวจากโครงการดังกล่าว ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
ในบ้าน จึงอยากพาทุกคนไปย้อนชมผลแห่งความสำเร็จของผู้ชายคนนี้ในรูปแบบของการสร้างบ้าน สำหรับบ้านของตูน บอดี้สแลมนั้นมีอยู่ทั้งหมด 3 หลัง 3 จังหวัด ทั้งบ้านที่กรุงเทพฯ บ้านที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และบ้านที่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดบ้านเกิด
1. บ้านที่จังหวัดกรุงเทพฯ
บ้านที่จังหวัดกรุงเทพฯ เป็นบ้านที่ตูน บอดี้สแลม พักอาศัยอยู่บ่อยที่สุด เนื่องจากเป็นบ้านที่มีห้องซ้อมดนตรี เมื่อมีงานแสดง หรืองานคอนเสิร์ตก็มักจะกลับมาพักที่บ้านหลังนี้เป็นประจำ ทั้งยังเป็นบ้านที่มีสุนัขคู่ใจอาศัยอยู่ด้วย
2. บ้านที่จังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นบ้านทรงไทยที่สร้างตั้งแต่สมัยคุณปู่ เดิมทีเคยเป็นโรงสีธุรกิจตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ต่อมาส่งต่อมายังรุ่นคุณพ่อ จนในปัจจุบัน ตูน บอดี้สแลม ได้ปรับปรุงบ้านเพื่อมอบเป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานให้กับคุณพ่อ คุณแม่ของตูน
แต่เดิมมีบ้าน 2 หลังในพื้นที่เดียวกัน โดยบ้านหลังที่ตูนอาศัยมาตั้งแต่เด็กมีลักษณะครึ่งไม้ครึ่งปูน ส่วนอีกหลังเป็นเรือนไม้ทรงไทย รอบตัวบ้านห้อมล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดที่ให้ความสวยงามร่มรื่น
3. บ้านที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สำหรับบ้านหลังนี้เป็นบ้านพักตากอากาศติดริมทะเล ตัวบ้านเป็นอาคารสองหลังที่อยู่ขนานกัน ตรงกลางมีสระน้ำขนาดย่อมๆ ด้านหน้าตัวบ้านเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่หาดส่วนตัวด้านหน้า นอกจากนี้ยังมีวิวของสะพานที่ทอดยาวไปในทะเล
เป็นอย่างไรกันบ้านครับ สำหรับบ้านทั้ง 3 หลังของ ตูน บอดี้ สแลม แต่ละหลังต่างก็มีสไตล์ มีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป สมกับเป็นบ้านของฮีโร่ชาวไทยจริงๆ
สำหรับภาพยนตร์สารคดี 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว จะฉายให้ชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 6-16 กันยายน 2561 นี้ ทั้งยังมีการเชิญชวนให้ร่วมบริจาคเงินเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โรงพยาบาลศิริราช และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ต่อไป
ที่มา : sanook
.
.
.
.
.
.