ยังคงพบเจอกันเรื่อย ๆ กับกรณีที่ซื้อบ้านจากโครงการแล้วพบจุดที่ชำรุดเสียหาย ซึ่งถ้ากรณีพบเจอจุดที่เสียหาย หากเรายังไม่ได้เซ็นรับบ้าน ก็ยังสามารถให้โครงการเข้ามาซ่อมแซมให้เรียบร้อยได้ แต่หากเราเซ็นรับบ้านไปแล้วมาพบปัญหาทีหลัง ทีนี้แหละที่การจะแจ้งซ่อมอะไรสักทีก็เริ่มจะยุ่งยากขึ้นมาแล้ว
อย่างกรณีของผู้ใช้เฟซบุ๊ค Jessada Nongbaek ที่เจ้าตัวได้ไปซื้อบ้านจากโครงการหนึ่ง ซึ่งก็ได้เซ็นรับบ้านเรียบร้อยได้ 2 วันแล้ว ต่อมาปรากฏว่ามีฝนตก และพบว่าที่พื้นหน้าบ้านมีการทรุดตัว จึงความตกใจให้เจ้าตัวมาก เพราะยังไม่ทันได้เข้าอยู่เลย
ข้อความที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ครายนี้ระบุ
“รบกวนปรึกษาครับ #บ้านโครงการ พอดีเพิ่งเซ็นรับบ้านวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่เมื่อวานวันจันทร์ฝนตกวันเดียว
หน้าบ้านที่ไม่มีเข็ม ทรุดลงเกือบ 1-2 นิ้ว กระเบื้องแตก #ผมต้องทำยังไงดีครับ #บ้านหลังแรกด้วย #ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้
ยังไม่ได้ต่อเติม และย้ายเข้ามาอยู่เลยครับ ยอดกู้ 2.7M ปวดหัวใจ”
สภาพของพื้นหน้าบ้านมีร่องรอยการทรุดและแตกออกจากส่วนที่เป็นชานบ้านอย่างชัดเจน
หลังจากที่หนุ่มรายนี้ได้โพสต์ข้อความเพื่อสอบถามกับชาวเน็ตไป ทำให้รับคำตอบและคำแนะนำมาพอสมควร และนี่ก็จะเป็นคอมเม้นต์บางส่วนจากชาวเน็ต
ความคิดเห็นของชาวเน็ต
โดยปกติแล้วบ้านโครงการแบบนี้ จะมีการรับประกันอยู่แล้ว ซึ่งระยะเวลาก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละโครงการ หรือตามสัญญาที่ทำร่วมกันไว้
อีกคอมเม้นต์ช่วยยืนยันว่าตัวบ้านจะมีการรับประกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นให้รีบแจ้งทางโครงการให้มาประเมินและแก้ไขโดยด่วน
บางความเห็นอย่างความเห็นนี้ ก็ให้ข้อมูลว่าการสร้างพื้นกับชานบ้าน ไม่ควรจะสร้างติดกันแบบนี้ เพราะมีโอกาสทรุดแตกสูง
พื้นทรุดตัวแบบนี้ บางคนก็พบเจอจนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาระยะยาวอาจจะต้องลงเสาให้มีความลึกที่ปลอดภัย
ก็เป็นอีกเรื่องราวที่เป็นข้อมูลให้คนที่กำลังจะซื้อบ้าน จำเป็นจะต้องมีการตรวจเช็คบ้านให้ละเอียดที่สุดก่อนการรับมอบ และควรศึกษาสัญญาเกี่ยวกับการดูและและการรับประกันบ้านให้ถี่ถ้วนที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจเอาทีหลัง
ที่มา: Jessada Nongbaek