ห้องน้อยๆ พื้นที่ใช้สอยเพียง 24 ตารางเมตร ออกแบบตกแต่งโดยเจ้าของ คุณ thanachat.me ดีไซน์ลงตัว คำนึงถึงการใช้งานทุกโซน โล่งสบายไปกับการตกแต่งภายในด้วยโทนสีขาว พร้อมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวแบบง่ายๆ ดูเรียบๆแต่อบอุ่น แถมรองรับการใช้ชีวิตได้อย่างครบครัน
ใครที่อาศัยอยู่คอนโดมิเนียมหรือห้องพัก ลองมาชมเป็นแนวทางกันได้เลยครับ
รีวิวแต่งห้องขนาด 24 ตร.ม. แบบไม่ง้อบิวท์อิน ฟังก์ชันครบครันในบรรยากาศสุดเรียบง่าย
(รีวิวโดย thanachat.me)
ตอนเด็ก ๆ ผมฝันมาตลอดว่าอยากมีบ้านเล็ก ๆ เป็นของตัวเองเพื่อที่เราจะได้ทำอะไรก็ได้ตามใจของเรา ก็ค่อย ๆ มองมาเรื่อย ๆ อยากได้ห้องที่ไม่ใหญ่มากเพราะเป็นคนขี้เกียจถูบ้านที่สุด และติดรถไฟฟ้า ห้องเล็ก ๆ หาไปเรื่อย ๆ จนได้เจอห้องขนาด 24 ตร.ม. ห้องนี้ครับ
เป็นห้องแบบ Studio นะครับ เป็นห้องเปล่า ๆ มีแถมชุดครัวตู้เสื้อผ้า (ฺBuild-in) และตู้เก็บรองเท้าให้ครับ ตอนตรวจห้องครั้งแรกบอกตรง ๆ ครับผมหลงรักห้องตัวเองไปเลยในทันที ไม่รู้ว่าอาการอย่างนี้เรียกว่าเห่อของใหม่หรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ แต่มันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ อยากย้ายเข้ามาอยู่ให้เร็วที่สุด มาดูห้องตอนว่างเปล่ากันก่อนนะครับ
พอเห็นห้องเปล่า ๆ แล้วก็เริ่มหาไอเดียครับว่าจะแต่งห้องแบบไหนดี โดยหลัก ๆ ผมตั้งเงื่อนไขในการแต่งห้องไว้สองข้อคือ “อยากให้ห้องดูอบอุ่นแต่ออกหวานนิด ๆ” และเนื่องจากห้องขนาดเล็กจึงต้องเลือกสีโทนสว่างเป็นหลัก ก็เปิดดูแบบห้องตาม internet ไปเรื่อย ๆ จนไปเจอ Style การตกแต่งห้องแบบ Scandinavian Swedish ที่เน้นสีโทนขาวกับลายไม้จากเว็บ www.iurban.in.th ครับ
ภาพข้างต้นผมเอามาจาก http://www.iurban.in.th/inspiration/small-house-but-not/ นะครับ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากเห็นมุมต่าง ๆ ของห้องข้างบนก็คลิ๊กเข้าไปที่เวบไซต์ดังกล่าวได้เลยครับ ผมต้องขอบคุณเวบดังกล่าวด้วยที่เป็นแรงบรรดาลใจในการแต่งห้องของผมครับ
พอได้ต้นแบบแล้วผมก็เริ่มวัดขนาดของห้องทุกซอกทุกมุมครับ เริ่มคิดว่าจะเอาอะไรไว้ตรงไหนทั้งนี้เนื่องจากขนาดห้องนั้นเล็กมาก ผมเลยต้องกุมความคิดที่ว่า “a little bit in everything” ตลอดเวลา คือพยายามให้ห้องมีทุกอย่างอย่างละนิดอย่างละหน่อย อะไรที่ใช้ร่วมกันได้ก็ต้องใช้ร่วมกัน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำเข้ามาก็ต้องมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่ชีวิตผมจำเป็นต้องใช้มันครับ คืออยากให้ห้องมีทุกอย่างที่เราอยากให้มันมีอยู่ แต่ก็ต้องไม่กินพื้นที่เกินไปด้วย
เริ่มต้นมาวัดขนาดห้องกันก่อนนะครับ
ในภาพข้างต้นเป็นรูปที่ทางโครงการให้มานะครับ เฟอร์นิเจอร์ที่โครงการมีมาให้คือทุกชิ้นในห้องน้ำ ทุกชิ้นในโซนครัวและก็ตู้เสื้อผ้า (Built-in) เท่านั้นครับ อีกหนึ่งอย่างที่โครงการให้แต่ไม่มีอยู่ในรูปคือตู้ใส่รองเท้า ที่เหลือในรูปนั้นไม่มีเลยตามรูปห้องที่ผมโพสไว้ด้านบนครับ
พอวัดขนาดทุกอย่างเสร็จผมก็เริ่มวางแผนว่าจะเอาอะไรไว้ตรงไหนเริ่มจากเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ ๆ ที่สำคัญเช่นโต๊ะทำงานกับเตียงนอนก่อนแล้วค่อย ๆ ไล่ ๆ ไปครับ เดินดูทุกห้างทั้ง Index, SB และ IKEA พบว่าสุดท้ายแล้วเฟอร์นิเจอร์แบบที่ผมต้องการดันไปอยู่ที่ IKEA เสียหมด (จริง ๆ อาจจะเพราะว่าเขามาจาก Sweden แหละมั้งครับ) ดังนั้นห้องผมจึงกลายเป็นห้อง IKEA ไปเลย ครับ ผมจะพาไปดูทีละห้องนะครับ เริ่มจากห้องที่แต่งน้อยที่สุดก่อน นั้นคือห้องน้ำครับ
โซนห้องน้ำ
ในโซนนี้ผมดูแล้วแทบจะใส่อะไรเพิ่มไม่ได้เลยเพราะมันเรียบง่าย สวย และเต็มพื้นที่ในตัวของมันเองอยู่แล้วเลยเพิ่มได้แค่สองชิ้นที่จำเป็นคือ
ในโซนเปียกผมติดที่วางสบู่กับยาสระผมเพิ่มเข้าไปครับ
ส่วนในโซนแห้งผมเพิ่มแค่ที่แขวนเสื้อผ้าแบบคล้องประตู (คือไม่อยากเจาะประตูกลัวห้องช้ำ) อยู่ในมุมขวาบนของรูปครับ
แค่นี้ผมว่าห้องน้ำผมก็สวยพอแล้วครับ ที่เต็มใส่มากกว่านี้กลัวจะรกเลยขอแค่นี้ละกัน ไปดูโซนห้องครัวกันต่อดีกว่า
โซนห้องครัว
โซนห้องครัวผมก็ใส่เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นไป 4 ชิ้นคือ
ไมโครเวฟ อันนี้ยกมาจากบ้านเก่าใช้มา 10 ปีแล้วยังไม่พังก็ใช้กันต่อไป และที่แขวนผ้าเช็ดมือครับ และเนื่องจากผมไม่อยากให้เอาอะไรมาวางด้านบนเพราะกลัวมันจะดูรก ผมเลยไปซื้อที่วางจานขนาดเล็กมาใส่ไว้ในลิ้นชักครับ
อีกฝั่งเป็นช่องใส่ตู้เย็นที่ทางโครงการออกแบบไว้พอดิบพอดีครับ
ตอนถ่ายลืมปิดประตูห้องน้ำครับ ขออภัยด้วย ตู้เย็นเป็นของเก่าที่ย้ายเข้ามาครับใช้มา 10 ยังไม่พังเช่นกันก็ใช้กันต่อไป ในอนาคตผมตั้งใจว่าที่ว่างบนตู้เย็นคงสร้างชั้นวางของเพิ่มอาจจะ Build-in เพราะคิดว่าคงหาชั้นที่ขนาดพอดีกับช่องยาก อย่างไรก็ตามแต่มันเป็นเรื่องของอนาคตครับ
โซนห้องเก็บของ
เนื่องจากห้องเล็กครับ เลยต้องออกแบบตู้เก็บห้องให้สูงและเต็มที่สุด ได้ตู้บิลลี่ของ IKEA มาครับ
ผมพยายามจะเก็บของจัดเป็นกลุ่ม ๆ แล้วยัดใส่กล่องไว้เพื่อให้ใส่ของได้เยอะขึ้นและเพื่อไม่ทำให้ห้องดูรกเกินไปครับ ตัวอย่างเช่น
กล่องใส่อุปกรณ์เครื่องเขียนครับ จะใช้งานก็ดึงกล่องออกมาแล้วหยิบ ใช้ง่ายและหาของง่ายครับ
กล่องสีส้มสามกล่องใส่ของต่างชนิดกัน ส่วนชั้นล่างสุดเป็นตู้เก็บรองเท้าของผมครับ ของที่โครงการแถมมาผมเอาออก (ใครสนใจซื้อต่อติดต่อได้ครับ) ในอนาคตผมคิดว่าจะหากล่องที่ลายเหมือน ๆ กันมาใส่รองเท้าแทน จะได้ดูไปในทางเดียวกันครับ
โซนห้องทำงานและโซนรับประทานอาหาร
มาดูโซนห้องทำงานและรับประทานอาหารกันบ้างนะครับ (ที่น้อยก็ใช้ร่วมกันไปเลยละกัน)
เนื่องจากเวลาผมทำงานผมจะวางหนังสือมากมายเต็มโต๊ะเลยครับ ผมจึงจำเป็นต้องใช้โต๊ะขนาดใหญ่พอสมควร เลยไปซื้อโต๊ะขนาด 156 ซม. มา โต๊ะนี้ใช้เป็นทั้งโต๊ะทำงานและกินข้าวไปด้วยกันเลยนะครับ ด้านบนติดเพดานผมเพิ่มชั้นวางของเบสตัวจาก IKEA ไปสามกล่องแบบมีประตูปิดเอาไว้ปกปิดความรกของห้องครับ ของรก ๆ ผมจะซ่อนไว้ข้างบนหมด และด้านข้างโต๊ะทำงานเป็นพื้นที่สำหรับชั้นวางของ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีของอันนี้ยกมาจากบ้านเก่าครับ เห็นว่าเป็นลายไม้และขนาดเข้าช่องได้พอดีอย่างสวยงาม ในอนาคตพื้นที่กำแพงที่ว่างอยู่ผมจะซื้อทีวีขนาด 55″ มาติด อยากได้ TV 3มิติ ราคาต่ำกว่า 3 หมื่นบาท ไม่รู้ต้องรออีกกี่ปีถึงจะได้ราคานี้ก็คงต้องรอไปก่อน
ในโซนห้องทำงานเห็นเรียบร้อยแบบนี้มีความลับอยู่เหมือนกันนะครับนั่นก็คือกล่องใส่ของใต้โต๊ะครับ หากเปิดออกมาจะเจอกับ…
เป็นที่เก็บอุปกรณ์ที่มีสายไฟรก ๆ ทั้งหมด ทั้ง Harddisk DVD-Rom ที่ชาร์จนู้นนี่นั่นโน้นต่าง ๆ ครับ และเนื่องจากของข้างในส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์อิเลคโทรนิคซึ่งคายความร้อน ผมกลัวว่าภายในจะร้อนเกินไปผมจึงต้องเจาะช่องด้านหลังเพิ่มเพื่อระบายความร้อนด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ ใต้โต๊ะผมยังมีรางเก็บสายไฟเพื่อซ่อนความรกอีกชุดนึงครับ
โซนห้องนอนและห้องนั่งเล่น
โซนห้องนอนตอนแต่งนี่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบมากครับ ตอนแรกอยากได้เตียงสูงแบบในเวบ iurban เพื่อที่ด้านล่างจะวางโซฟาไว้นั่งดูทีวีที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม แต่พอวัดความสูงเพดานแล้วคิดว่าไม่เวิร์กแน่ เลยคิดว่าจะทำอย่างไรดีคิดไปคิดมา บวกกับเดินดูเตียงหลาย ๆ แบบเลยไปพบเตียงแบบเดย์เบด ที่เหมาะจะเป็นทั้งเตียงและโซฟาภายในตัวเดียวกัน เลยสรุปได้เตียงแบบนี้มาครับ
ซึ่งในบรรดาเฟอร์นิเจอร์ที่หามาทั้งหมดผมชอบเตียงนี้มากสุดเลยครับ เพราะมันมีความว้าวและแก้ปัญหาหลายอย่างมาก อย่างแรกคือบ้านเดิมผมต้องใช้ตู้เสื้อผ้าถึงสองตู้ (เสื้อผ้าเยอะมาก) ย้ายมาบ้านใหม่ไม่มีที่พอจะเพิ่มตู้เสื้อผ้าอีกตู้หนึ่งได้ ก็ได้เตียงนี่แหละมาช่วยชีวิตไว้เพราะมันทำอย่างนี้ได้ครับ
ความว้าวของเตียงยังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ เพราะมันยังสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วย
ถ้านอนคนเดียวเหงาสามารถระเบิดออกมาเป็นเตียงคู่ได้ด้วย เจ๋งมาก ๆ ครับ
ในอนาคตพื้นที่กำแพงว่าง ๆ เหนือเตียงผมคงหาสติ๊กเกอร์เก๋ ๆ มาติดนะครับ
โซนห้องแต่งตัว
โซนนี้ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สองชิ้นนะครับคือตู้เสื้อผ้ากับตู้กระจก
อย่างแรกคือตู้เสื้อผ้าครับ เป็นแบบ Built-in ที่ทางโครงการแถมมา เปิดตู้มาเป็นแบบนี้ครับ
เนื่องจากเสื้อผ้าผมเยอะมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตู้นี้ผมจึงติดตั้งราวแขวนกางเกงเพิ่มครับ เป็นแบบสองราวคู่กันไปเพื่อให้ใส่กางเกงเข้าไปเพิ่มได้เป็นสองเท่าครับ
ความพิเศษของราวคู่ที่ผมติดตั้งเพิ่มไปนี้อีกอย่างคือ ในอนาคตหากผมต้องการใส่ของชิ้นใหญ่อย่างอื่นก็สามารถถอดราวออกได้ง่าย ๆ แบบนี้ครับ
สำหรับตู้กระจกมองด้านหน้าก็ดูเรียบง่ายเรียบร้อยมากนะครับ แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นความพิเศษของมันซึ่งก็คือสิ่งนี้ครับ
มันมีที่ซ่อนหลังกระจกไว้ใส่ของอาทิเช่นเครื่องสำอางต่าง ๆ ของผมได้ครับ ผมชอบมาก ๆ ตู้นี้
โซนอ่านหนังสือ
สำหรับมุมนี้ตั้งใจไว้นั่งอ่านหนังสือและชมวิวแบบชิว ๆ ระหว่างวันครับ เลยเอาตู้หนังสือและเก้าอี้ Bean Bag รูปกบมาวางไว้ ชิวมาก ๆ เก้าอี้ก็นั่งสบายมาก ๆ ครับ
โซนล้างซักตาก
เป็นโซนสุดท้ายของบ้านผมแล้วนะครับ ซึ่งโซนนี้เป็นมุมซักและตากผ้าครับ อยู่บริเวณระเบียงห้อง และเนื่องจากที่ตากน้อยเลยต้องเลือกเครื่องซักผ้าแบบอบผ้าได้เผื่อใช้กรณีฉุกเฉินครับ เลือกไซส์เล็กสุดตามแนวคิด a little bit in everything ครับ
วางเครื่องซักผ้าก็เต็มระเบียงแล้วครับ แต่พยายามใช้พื้นที่ให้คุ้มพื้นที่ระหว่างตู้คอมเพรสเซอร์แอร์กับเครื่องซักผ้าเลยหาตะขอมาเกี่ยวไว้แขวนของต่าง ๆ และซอกข้าง ๆ เครื่องซักผ้ายังไว้วางจักรยานได้อีกหนึ่งคันครับ
นอกจากนั้นช่องระหว่างท่อกับกำแพงผมยังเอาไว้วางไม้กวาดกับไม้ถูพื้นอีก
สำหรับราวตากผ้านี้ต้องยกไว้บนสุดเลยครับ
ถ้าไม่ยกสูงขนาดนี้เวลาตากผ้าจะปิดประตูไม่ได้ครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือสวรรค์น้อย ๆ ของผมครับ อาจจะแต่งได้ไม่ดีที่เท่าแบบที่มองไว้ตอนแรก แต่ผมชอบมาก ๆ ครับ ทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่ชอบอยู่บ้านขึ้นมาก ทุกวันนี้ไม่ค่อยอยากออกไปไหน อยากนั่งอยู่บ้านอ่านหนังสือชิลล์ ๆ ไปเรื่อย ๆ ครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ แนะนำสิ่งใดผมยินดีรับฟังครับ สงสัยประการใดผมยินดีตอบเช่นกัน สุดท้ายนี้ของปิดด้วยรูปภาพห้องเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ในใจผมรูปนี้นะครับ
สวัสดีครับ
ที่มา : thanachat.me