หากเราต้องการเป็นเจ้าของบ้านสักหลัง นับว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะคิดเพียงชั่ววูบแล้วตัดสินใจได้ เพราะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะบ้านหลังใหญ่ที่มีดีเทลค่อนข้างยิบย่อย ซึ่งการที่จะได้มาซึ่งบ้านที่ตอบโจทย์เรามากที่สุดนั้น จะต้องได้ทั้งช่างฝีมือดี และสถาปนิกที่เป็นงานด้วย
วันนี้ ในบ้าน ก็จะพาไปชมการสร้างบ้านของคุณ Agent Molder เป็นบ้านสองชั้น ที่มีการตกแต่งอย่างละเอียดและพิถีพิถัน กลายมาเป็นบ้านสุดหรูที่ให้ครอบครัวขนาดใหญ่สามารถอาศัยอยู่ได้สบายๆ งานนี้เจ้าตัวจะมาแจกแจงรายละเอียดที่สำคัญต่างๆ ให้เพื่อนๆ ชาวเว็บได้ชมกันครับ ตามไปดูกันเลย
ข้อมูลแน่น!! พาชมการสร้างบ้านสองชั้นสุดอลังการ คุมงานดี ได้ช่างฝีมือเนี้ยบ จัดเต็มรายละเอียด ตั้งแต่ซื้อที่ดินจนสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่
(รีวิวโดย Agent Molder)
สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Pantip ผมเคยมา Post รีวิวงานสร้างบ้านของผมเองตั้งแต่สมัยบ้านเพิ่งเริ่มสร้างเมื่อ 3 ปีก่อน (นานมากกก) ตอนนั้นรีวิวไปได้สัก 6 เดือน บ้านก็ไปไม่ถึงไหน เลยเลิกรีวิว…เวลาผ่านมาเกือบสามปี บ้านผมก็เสร็จสักที แม้จะยังไม่ 100% แต่ก็เป็นรูปร่างเข้าอยู่ได้แล้ว เลยจะมารีวิวรวบยอดอีกครั้งครับ ไม่พูดพล่ามทำเพลง ไปดูรูปกันเลยครับ
คำเตือน : รูปเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เปิดตัวด้วยภาพบ้านที่เสร็จแล้วของผมก่อนเลยละกันครับ เรียกน้ำย่อย เรียกแขก ภาพหน้าตรง 2 นิ้วติดบัตร
ด้านข้าง
อีกข้างนึง
หลังบ้าน
อีกมุมนึง
รายละเอียดขนาดบ้าน
ที่ดิน 529 ตร.ว ตัวบ้านขนาด 590 ตร.ม. แบ่งเป็นส่วนตัวบ้านมีหลังคาคลุม 450 ตร.ม. โซนเมดและห้องโฮมเธียเตอร์ หลังคาแสลป 140 ตร.ม.
จุดเริ่มต้นของการสร้างบ้าน
ย้อนไป 5 ปีก่อน เริ่มจากอยากมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเองหลังจากแต่งงาน ได้ตระเวนหาหมู่บ้านสร้างเสร็จในระแวกที่ทำงาน ก็ไม่เจอที่ถูกใจ ทั้งถูกใจเราและเมีย(ข้อหลังนี้สำคัญมาก) ตั้งงบไว้ที่ 10 ลบ.++
ไปเจอแบบบ้านที่ชอบ แต่ก็แพงและเนื้อที่น้อยมาก มีโครงการณ์นึงของ Casa ชื่อ Casa Legend แบบบ้านถูกใจ ราคาราวๆ 13-14 ลบ. แต่ตัวโครงการณ์เขาปลูกบ้านชิดกันมากเกิน บ้านแต่ละหลัง ยืนฉี่ก็แทบชะโงกเห็นกันได้เลย เนื้อที่รอบบ้านก็แคบ เปิดประตูรั้ว เดินสามก้าวถึงตัวบ้านเลย แฟนก็ไม่ชอบ เพราะอยากได้ที่กว้างๆ ทุ่งลาเวนเดอร์ไว้หมุนตัวเล่น(ประชดเมีย) ก็เลยติดไว้ก่อน
ตัวอย่างบ้าน Casa Legend ราคาเปิด 14 ล้าน สมัยปี 54
ต่อมาก็เลยคุยกับแฟนว่าจะเอาไงกันดี พอดีได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนและพี่ที่ทำงาน ก็บอกว่าเลยตัวอำเภอไปหน่อย จะมีหมู่บ้านนึงขายที่ดินจัดสรร ให้เราสร้างบ้านเอาเอง ก็เริ่มสนใจ แต่เขาขายเป็นไร่ เลยคิดว่าต้องแพงแหงมๆ แต่ก็ลองขับรถเข้าไปดู
โอ้วแม่จ้าวว นี่มันหมู่บ้านเมืองไทย คือย่านเบเวอรี่ฮิลที่อเมริกา บ้านแต่ละหลังนี่ใหญ่โต โอ่อ่ายังกะวัง เนื้อที่ 1 ไร่มันช่างใหญ่จริงๆ มีสนามกอล์ฟ เห็นวิวภูเขา สวดยวดมากๆ
หมู่บ้านนี้ขายที่ดินจัดสรร ไม่มีบ้าน ให้ปลูกเอง (คล้ายปัยญาตรงรามอินทราอ่ะ) ขายเป็นแปลง แปลงละอย่างต่ำก็ 1 ไร่ มีสนามกอล์ฟ คลับเฮาร์หรู คอนโดอีกสองหลัง ในหมู่บ้านมีแต่เจ้าของธุรกิจ และหมอทั้งนั้น
ภาพถ่ายหมู่บ้านจาก Google map
ตอนแรกเลยคิดว่าคงไม่มีปัญญาแน่ๆ มาดูเอาบุญ แต่ขับๆไปเจอป้ายประกาศขายอยู่ วาละ 15,000 ก็ตกไร่ละหกล้าน ก็เริ่ม เฮ้ย ไม่แพงมากนิ ไร่หกล้าน สร้างบ้านอีก 7-8 ล้าน ก็รวมๆ 13-14 ล้าน ซึ่งพอๆ กับบ้านคาซ่าเลย แถมได้ที่ตั้ง 1 ไร่ ก็เริ่มสนใจแล้ว
กลับมานั่งดูกระปุกออมสิน คงไม่พอซื้อสด แต่น่าจะกู้ได้ ก็เลยเริ่มไล่หาแปลงสวยๆในหมู่บ้านซะเลย จนสุดท้ายก็หาได้ในราคาที่ถูกมากๆเมื่อเทียบกับแปลงอื่นๆที่ขายกัน ที่มันถูกเพราะเป็นที่ดินติดคดี เจ้าของเดิมเขามีภาระหนี้สิน ทำให้ต้องเอาที่ไปจำนองสามแปลง
ดังนั้น ถ้าจะขายต้องขายสามแปลงรวด คำนวนราคาสามแปลงถ้าจะสู้ไม่ไหว ตอนแรกจะถอดใจ แต่ก็ได้เพื่อนที่ช่วยซื้อให้แปลงนึง(เพื่อนจะปลูกบ้านเหมือนกัน) และอีกแปลงคุณพ่อผมเองท่านก็ช่วยซื้อไว้ให้(แต่ซื้อในชื่อของพ่อนะครับ) สรุปก็ได้ที่ดินแล้ว เย้ ก็ทำการเคลียริ่งรังวัดกันไป
ไม่ต้องตกใจ ป่าอันนี้ที่ดินผมเองครับ
เริ่มเคลียจนโล่งละครับ
พอเคลียจนโล่ง จนท.ก็มาสำรวจรังวัดกันไปครับ
เมื่อมีที่แล้วก็ต้องมีบ้านละ ในตอนแรกผมกะใช้บริการ บ.รับสร้างบ้าน แต่หาแบบตามงบที่เราตั้งไว้ ไม่เจอแบบที่ถูกใจเลย โดยแบบที่ผม(และภรรยา) ชอบจะต้องมี ห้องหลังคากระจก(แบบคาซา), ห้องสมุด, มี Fitness, ห้อง Home theatre, ห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งไม่มีที่ไหนเขามีกันหรอกครับ 555+ (ความต้องการสูง แต่งบต่ำ) เคยเข้าไปคุยๆก็เพิ่มโน่น ลดนี่ได้ไม่มาก เพราะพวก บ.สร้างบ้าน แบบบ้านเขา Fix มาแล้วเรื่อง Cost ในการก่อสร้าง ถ้าเราไปเปลี่ยนเรามีแต่จะต้องเพิ่มตัง
พอดีผมนึกได้ว่าเพื่อนสนิทสมัยมัธยมผมเป็นสาถาปนิก เมียเขาเป็นอินทีเรีย เลยจะลองปรึกษาสักหน่อย คุยไปมา มันก็บอกว่า งั้นกรูทำให้เมิงเอง โอ้วว เพื่อนเลิฟ สรุปคือให้เพื่อนผมออกแบบบ้านควบงานอินทีเรียไปเลย ไม่ได้ทำฟรีนะครับ ร่างสัญญา จ่ายเงินจริงๆจังเลย ดีครับ แบบนี้ชอบ ถึงเป็นเพื่อนกันแต่เรื่องการทำงานก็ต้องมืออาชีพ จะมาทำปากเปล่าไม่ได้ แต่ราคาเพื่อนก็ลดให้เยอะอยู่ครับ
โดยเบื้องต้นผมได้ร่างแบบบ้านที่ผมชอบเอง ด้วยฝีมือวาดรูประดับอนุบาล โดยแบบที่ชอบผมก็หาจากในเนตครับ ตามพวก บ.รับสร้างบ้านเนี่ยแหล่ะ และก็มีไปตระเวนดูบ้านตามโครงการณ์ต่างๆ โดยผมต้องการบ้านขนาด 400-500 ตร.ม. ซึ่งใน กทม.บ้านระดับนี้ราคาปาไป 20-50 ล้านทั้งนั้นเลยครับ แต่ผมก็หน้าด้านไปขอเขาดูบ้านครับ และเก็บๆเอาสิ่งที่เราชอบมาออกแบบ
รูปแบบบ้านกิ๊กก๊อกวาดใส่กระดาษ
ลองไปโหลดโปรแกรม Sketchup มาเล่นดูครับ วาดจนได้แปลนบ้านคร่าวๆ
พอเพื่อนเห็นแบบบ้าน มันก็กร๊ากเลย บอกว่า เมิงไปทำงานของเมิงเหอะ ตรงนี้กรูจัดการเอง ผมก็เลยปล่อยให้มันจัดการ โดยการที่ผมบอกความต้องการทุกอย่างลงไป เวลาคุยกับสถาปนิกนี่เขาซักละเอียดมากนะครับ ตื่นมาทำอะไร กลับมาทำอะไรก่อนหลัง ชอบอยู่ส่วนไหนของบ้านมากกว่า โน่น นี่ นั่น เยอะมากๆ
แต่ข้อดีคือได้บ้านที่ตอบสนองความต้องการของเรา ไม่ใช่เราต้องไปปรับตัวเข้ากับบ้านเหมือนซื้อบ้านโครงการณ์สร้างเสร็จ ข้อเสียคือ ตังค์ครับ 555+ การออกแบบก็ต้องมีค่าใช้จ่าย…
หลังจากนั้นไม่นานแบบบ้านผมก็เสร็จ จริงๆมีการแก้กัน 2 – 3 รอบ จนลงตัวครับ
เพื่อนเอารูปไก่กาข้างบน ไปปรับแก้จนลงตัว
ทำแปลน 3D ออกมาให้เห็น ให้ file skp ผมมาหมุนเล่น ซูม เปิดหลังคาได้ด้วย ช่วงนั้นบ้าเห่อมาก เล่นแปลนบ้านทุกวัน
ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ทั้งแบบบ้าน แบบก่อสร้างก็เสร็จสมบูรณ์ พร้อมเอาไปยื่นขออนุญาตก่อสร้างได้แล้ว ระหว่างยื่นขออนุญาตก็ถึงขั้นตอนที่สำคัญและปวดหัวสุดๆคือการหา ผรม.ครับ
ผมสิง Pantip อยู่นาน รู้เลยปัญหาอันดับหนึ่งของการสร้างบ้านคือ ผรม. ยิ่งกว่าเมียอีก เกินครึ่งทั้งใน pantip ทั้งเพื่อนๆ คนรู้จักมีปัญหากับ ผรม.ทั้งนั้น ผมได้ ผรม.ที่เป็น candidate 4 ท่านครับ จากคนรู้จัก จากที่เพื่อนสถาปนิกแนะนำ และจากเนต และใช้วิธีประมูลราคาก่อสร้าง เอาแบบบ้านไป ตี BOQ มาแล้วมาดูราคา + โหงวเฮ้งตอนไปคุย
เลือกอยู่เกือบสองเดือน สุดท้ายก็ได้เจ้าที่คิดว่าดีที่สุดมาครับ ราคาแพงสุดในทุกเจ้าเลย แต่จากการพูดคุยต่างๆ และ BOQ ที่ให้มา ก็เลยเลือกครับ(แต่ ณ ตอนนี้ที่บ้านเสร็จแล้ว ก็พบว่าคิดผิด)
ไม่นานแบบก่อสร้างก็อนุมัติ จริงๆมันก็มีปัญหาเหมือนกันครับ ผมบอกได้เลย 99% ของคนที่ยื่นแบบก่อสร้าง ต้องเจอปัญหา ไม่รู้ข้าราชการมันทำงานยังไง(วะ) สุดท้ายก็ต้องมีจ่ายเงิน ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ น่าเกลียดความอัปลักษณ์ของข้าราชการ(และ รสก.)ไทยจริงๆ ตั้งแต่ยื่นแบบขอปลูกสร้าง ขอน้ำ ขอไฟชั่วคราว (ยันขอน้ำไฟถาวร) แม่มทุจริตกันหมด ขอประนามเลย ผมข้ามไปละกันไม่อยากพูดถึง พอขอสาธารณูประโภคเสร็จสรรพ ก็ทำการถมที่ขั้นตอนสุดท้ายก่อนเริ่มลงมือสร้างบ้าน
ถมที่เสร็จเรียบร้อย พร้อมลงเสาได้
งานก่อสร้างบ้าน
ต่อไปจะเป็นรูปเกี่ยวกับงานก่อสร้างทั้งหมดนะครับ โดยเม้นนี้จะเริ่มที่งานฐานรากก่อนครับ โดยในแต่ละรูปผมจะบรรยายสิ่งที่ทำ พร้อมกับเสริมความรู้เล็กๆน้อยๆ และทริคในการก่อสร้างลงไปด้วยนะครับ เผื่อใครสนใจจะได้เอาไว้ใช้ประกอบกับบ้านของท่านเองครับ
เริ่มด้วยงานตีผังบ้านเลยครับ
ปักเสา ตีเส้น กำหนดจุดที่จะตอกเข็ม
เมื่อได้ตำแหน่ง ก็ปักหมุด เตรียมลงเสาเข็ม
บ้านผมใช้เข็มทั้งหมด 52 ต้นครับ อลังมาก เป็นเข็มเหลี่ยมตันนะครับ เข็ม I ใช้ไม่ได้เพราะดินแข็งมาก
ใช้รถตอกลงไป ลึกสุดที่ตอกได้ก็ 7 เมตรเองครับ ซึ่งก็ได้ลึกพอๆกับเพื่อนบ้านครับ ผมขอข้ามพวก Soil Test, seismic test, Blow count ไปนะครับ เดี๋ยวยาว
ตอกเข็มเสร็จ เชคเสา Ok ก็ทำการขุดหลุม ตัดเสา เทลีนเพื่อเตรียมทำฐานราก
ตัดเข็มเหลือไว้ 5 เซน เทลีน ตีเต๊าเพื่อหาศูนย์ ถ้ามีการเยื้องศูนย์ต้องคำนวนฐานรากใหม่นะครับ ของผมโชคดี เยื้อ 1 ต้นจาก 52 ต้น เยื้องไม่มากและไม่ใช่ต้นสำคัญในการรับน้ำหนัก ใช้วิธีเสิรมเหล็กในคานก็เพียงพอ
ผูกเหล็ก เข้าแบบฐานราก
เทปูน แกะแบบออกมาหน้าตาแบบนี้ครับ เสร็จแล้วฐานรากของเรา
ทำฐานรากจนครบ ก็กลบดินเหลือตอม่อไว้ เตรียมทำคานคอดิน
เทลีนหยาบ 5 เซนรองพื้น
ผูกเหล็กคานคอดิน
ตรวจสอบความเรียบร้อยของแบบ ต้องสะอาด ไ่มีเศษอะไรไปขวาง มีลูกปูนขนาบสามด้านของเหล็กเสริม
เทปูนแกะแบบออกมาแล้วหน้าตาแบบนี้ เชคดูรอบกระเทาะปูน เห็นเหล็กเสริมไหม ถ้าปูนไม่เต็ม เหล็กโผล่ ต้องทุบเทใหม่ แต่ถ้าเป็นแค่รอยตามด รูพรุนเล็กๆ ก็เสริมปิดด้วยปูนกำลังสูง
ทำคานคอดินเสร็จ ก็ทำคานชั้น 1 ต่อ บ้านผมพื้นชั้น 1 สูงกว่าระดับดินถม 1 เมตร แน่ะ เลยต้องวางคานสองชั้น ตรงส่วนยกสูงนี้จะเป็นส่วนตัวบ้าน ซึ่งจะวางแผ่นพื้นสำเร็จ
เข้าแบบ เทปูน
แกะแบบ เชคคานเหมือนคานคอดิน เป็นอันเรียบร้อย
พื้นตรงนี้เป็นส่วนเมด ซึ่งจะต่ำกว่าตัวบ้าน 50 เซน ดังนั้นก็จะเป็นพื้นหล่อในที่ (ภาษาช่างเรียกพื้น S) จะเห็นว่าคานตรงส่วนพื้น S จะต้องเหลือเหล็กโผล่ขึ้นมาเพื่อผูกกับเหล็กพื้นด้วยนะครับ และต้องถมดินอัดแน่นก่อนเท
ตรงนี้บางไซต์อาจใช้ไม้แบบค้ำ แต่ข้อเสียของไม้แบบคือต้องทิ้งเอาไว้เลยครับ เป็นอาหารชั้นดีของปลวก พื้นหล่อในที่ จะทำในกรณีพื้นที่มีการเปียกบ่อยๆ หรือพื้นที่มีท่อต่างๆเจาะทะลุขึ้นมา ซึ่งก็มักได้แก่ห้องน้ำ ซักล้าง พื้นระเบียงต่างๆ เนื่องจากการวางพื้นนสำเร็จ จะมีช่องระหว่างแผ่นพื้นที่น้ำสามารถซึมผ่านได้ การเจาะท่อผ่านแผ่นพื้นก็ทำให้ความแข็งแรงของพื้นลดลงครับ แผ่นพื้นจึงเหมาะกับวางบนตัวบ้าน ห้องต่างๆ
อัดทรายหยาบให้แน่น เทน้ำยากันปลวก
คลุมหน้าด้วยแผ่นพลาสติกกันชื้นอีกที
ตรงไหนที่มีท่อ เช่นห้องน้ำ ซักล้าง ก็ต้องเดินท่อไว้ให้เสร็จเลยนะครับ ดังนั้นขั้นตอนนี้ก็ต้องดูแบบห้องน้ำดีๆ ว่าเราจะเอาก๊อก ส้วมต่างๆ ไว้ตรงไหน จริงๆ ท่อน้ำดีเราสามารถเดินย้ายจุดได้ภายหลัง แต่ท่อน้ำทิ้ง โดยเฉพาะท่อส้วมจะย้ายลำบากแล้วครับ
ถ้าจะให้ดีเราอาจจะต้องทราบแบบส้วมเลยว่าใช้แบบไหน ถ้าส้วมแบรนด์ทั่วไป Cotto Toto American จะมีระยะมาตรฐาน แต่ถ้าท่านใช้ส้วมหรูหรา นำเข้าจากยุโรป อินเดีย ซาอุ ก็อาจจะต้องดูระยะท่อน้ำทิ้ง ถามว่ามาเลื่อนท่อภายหลังได้ไหม มันก็ได้ แต่ก็ไม่มาก ขยับท่อส้วมจากรูมากๆ ก็อาจเกิดปัญหากดไม่ลงตามมาได้ครับ
จากนั้นก็ผูกเหล็ก
เทปูน..เป็นอันจบ
จบจากพื้นหล่อในที่ก็มาที่พื้นสำเร็จ ก็ต้องมีการวางเหล็กค้ำแผ่นพื้น ไม่งั้นแผ่นพื้นจะโก่งตัวได้ครับ ที่ผมเลือกใช้เหล้ก เพราะไม่ต้องมามุดเอาไม้ออกทีหลัง ถ้าใช้ไม้ แต่ไม่มาเอาออก ก็อาหารปลวกเหมือนเดิม
วางท่อฉีดปลวกตามคานบ้านครับ เป็นท่อ PE สีดำๆ ระบบฉีดปลวกแบบวางท่อแบบนี้จริงๆใช้ไม่ถึง 5 ปีหรอกครับ ท่อตันหมดแล้ว หรือถ้าท่อไม่ตัน ปลวกมันรู้ครับว่าตรงไหนน้ำยาปลวกไปไม่ถึงมันก็เดินเลี่ยงเอา อนาคตอาจต้องใช้แบบเหยื่อล่อ ค่อยว่ากันครับ ดีกว่าไม่มีอะไรกันปลวก
Mark ตำแหน่งท่อน้ำดี น้ำทิ้งให้เรียบร้อยก่อนวางแผ่น บางที่อาจเทๆไปก่อน ค่อยมาเจาะรูทีหลังก้ได้ครับ แต่เจาะรูแผ่นพื้นสุ่มสี่สุ่มห้า อาจทำให้ความแข็งแรงของแผ่นพื้นลดลงได้
แผ่นพื้นมาแล้ว ก็เอาวางตามแบบ ปู Wire Meth หรือเหล็กตาข่ายอีกชั้น ผูกยึดกับเหล็กหัวคานกันแผ่นพื้นเคลื่อนหลุดตอนเทปูน
ทุกอย่างพร้อมก็เทปูนโลด จากภาพ 1 วันหลังเทปูน ที่เห็นพื้นเป็นขีดๆ เพราะช่างขูดผิวไว้รอฟินิชชิ่งครับ จบงานฐานราก ต่อไปจะขึ้นงานเสาและคานแล้วจ้า
มาต่อด้วยงานขึ้นเสาคาน ชั้นสอง และงานหลังคา
เริ่มทำการผูกเหล็กเข้าแบบเสาชั้น 1 แล้ว
ทยอยเข้าแบบเสาชั้น 1 จนครบทั้งบ้าน
รูปนี้เป็นการทำพื้นหลังคาแสลปครับ โดย ผรม.ผมจะทำคานและพื้นเป็นเนื้อเดียวกันไปเลย คือเทปูนครั้งเดียวทั้งคานและพื้นไปเลยจะได้ไม่มีรอยต่อระหว่างคานกับแสลป เพื่อลดปัญหารั่วซึมตามรอยต่อครับ ปูนที่เทก็เป็นปูนกันซึมทั้งหมด
เมื่อเทแล้ว คานและพื้นแสลปจะเป็นเนื้อเดียวกันหมด ขัดเรียบ สวยงาม เชคสโลปดีๆด้วยนะครับว่าให้ไหลไปทางไหน ขั้นตอนนี้ผมและ ผรม.พลาด ไม่ได้เชคสโลปให้ดี พอบ้านเสร็จเกิดปัญหาน้ำไหลมารวมตรงกำแพงบ้าน มีการซึมเกิดขึ้นตรงรอยต่อแสลปกับตัวบ้าน
แกะแบบออกมาจะเห็นว่าพื้นกับคานเป็นเนื้อเดียวกันสวยงาม
หันมาทาฝั่งตัวบ่าน ก็เริ่มตั้งตุ๊กตา ผูกเหล็ก คานพื้นชั้นสองกันแล้ว
เข้าแบบ ตรงไหนที่เป็นห้องน้ำ ก็จะทำพื้นหล่อในที่ไปเลยพร้อมคานเช่นกันครับ เพื่อกันรั่วซึมตรงรอยต่อที่บ้านส่วนใหญ่มักเป็นกัน
บางบ้านจะหล่อคานก่อน ค่อยเทพื้นห้องน้ำ บางที่หนักเลยใช้แผ่นสำเร็จทำพื้นห้องน้ำ(ชุ่ยมากๆ) ทำให้พอใช้งานห้องน้ำไปนานๆ ยาแนวกระเบื้องหลุด น้ำซึมตามพื้น ไหลไปตามรอยต่อ หยดลงมาบนฝ้าชั้นล่าง กว่าจะรู้ก็ปาไปเป็นปีแล้ว…ตรงนี้ก็เช่นกันครับ ท่อน้ำดี น้ำทิ้ง ส้วมต่างๆ กำหนดจุดให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องมาทุบแก้ทีหลัง ป้องกันการรั่วซึมในอนาคต
เทปูนลงไป ขั้นตอนเหมือนทำพื้นชั้น 1 แหล่ะครับ เพียงแต่มีค้ำยันเยอะหน่อย ซึ่งต้องค้ำไว้ 2 สัปดาห์เลยนะครับ มีข่าวเรื่องบ้านถล่มตอนขั้นตอนนี้กันเยอะครับ เนื่องจากค้ำยันไม่ดี หรือยังไม่ได้อายุ แผ่นพื้นก็แอ่น เห็นกันอยู่เนื่องๆใน pantip
เทพื้นชั้นสองเสร็จ ก็ผูกเหล็กเสา เข้าแบบ เทเสาชั้นสอง ขั้นตอนเหมือนชั้นแรกเลยครับ ก็เลยข้ามมาตอนโครงหลังคาเลย ผมใช้โครงหลังคาเหล็ก เนื่องจากมีปัญหาเรื่องระยะความสูงฝ้าในแบบเล็กน้อย ใช้เหล็กชุบสีกันสนิมสำเร็จเลย จะได้ไม่ต้องมาพะวงทากันทีหลัง ขึ้นโครงจนเสร็จ จากนั้นก็รอ CPAC มาปูให้
การปูกระเบื้องทั้งหมด ผมใช้ของ CPAC มาปูครับ โดยเลือกเป็นกระเบื้อง Neutile เพราะเรียบ คม ดูโมเดิร์นดีครับ
พอถึงคิว คนงานก็มารุมกันกว่า 20 คนเลยครับ กระเบื้องทั้งบ้านผมปู 5 วันเสร็จ เร็วมากๆ
5 วันผ่านไป ปูเสร็จแล้ว จริงๆยังเหลืออีกสองจุด แต่ต้องรอก่อฉาบเสร็จก่อน จบงานโครงสร้างแล้ว ไวเหมือนโกหก
พอมีหลังคา ก็เริ่มทำการก่อผนังละครับ
ผมใช้อิฐมอญแดงก่อผลังสองชั้นทั้งบ้านครับ(ยกเว้นส่วนกั้นห้องจะใช้อิฐมวลเบา) ส่วนตัวผมไม่มีดราม่าอิฐมอญ หรืออิฐมวลเบานะครับ สถาปนิกเลือกอะไรก็ใช้อันนั้น ไม่ซีเรียส แต่กั้นสองชั้นเพื่อสองอย่างครับ คือเพื่อกันความร้อน กับเพื่อลบเหลี่ยมมุมเสา ซื้อเฟอร์ง่ายไม่ต้องหลบเหลี่ยม
กั้นห้องใช้อิฐมวลเบา อย่าถามว่าทำไมถึงใช้ปนกัน เพราะไม่รู้ครับ 555+ ถ้าจากหน้างานจริงๆ ผมว่าอิฐมวลเบาก่อเร็วกว่าเยอะเลย วันเดียวเต็มแผง แต่อิฐมอญ วันนึงก่อได้ครึ่งแผง
ไล่ก่อไปจนเสร็จ ขั้นตอนก่อบ้านผมปาไป 3 – 4 เดือนเลยครับ ช้ามากกก ช้าเกินไป จนทำให้งานส่วนอื่นมันช้าตามไปด้วยหมดเลย
ช่วงที่ก่อ ก็ต้องทำการตั้งวงกบประตูไปพร้อมๆกัน ดังนั้นพอเริ่มก่อ ก็ควรเริ่มหาร้านติดตั้งวงกบประตูได้เลยนะครับ ถ้าใครให้ ผรม.หามาก็แล้วไป ถ้าใครถอดงานไม้มาทำเองแบบผมก็ควรหาไว้เลย ไม่งั้นช่างชอบมาโทษเจ้าของบ้านว่ารอของๆ
สิ่งสำคัญของการก่อเลยคือการตั้งเสาเอ็น ทับหลังตามผนังผืนใหญ่ๆ และตามวงกบประตูหน้าต่าง
ก่อเสร็จก็จะเริ่มฉาบ แต่ก่อนฉาบก็ทำงานเดินงานระบบฝังผนังก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นงานไฟ แอร์ หรือท่อน้ำต่างๆ รูปนี้จะเห็นว่าผมทำกระดาษติดตำแหน่งที่จะวางปลั๊กต่างๆให้ช่างทำตามนี้..แต่รู้ไหมครับ แปะไปสองวัน มันก็ดึงออกบอกจำได้ และสุดท้ายก็ทำผิด…เฮ้อ
เจาะผนัง เดินท่อ ร้อยสายไฟ บางบ้านอาจทำทีหลังก้ได้นะครับ คือฉาบไปก่อน ค่อยมาทำก็ได้ แต่ก็อาจทิ้งร่องรอยการกรีดผนังให้เห็นได้ ถ้าทำก่อนได้ก็ดีครับ
งานท่อแอร์ฝังผนัง เช่นกันครับใครที่จะเดินท่อแอร์ฝังผนังก็ต้องติดต่อช่างแอร์ช่วงงานก่อเลยนะครับ เพื่อให้ช่างแอร์เข้ามาทำเลย
แนะนำว่าท่อเย็นที่เดิน ต้องหุ้มฉนวนอย่างดีนะครับ ไม่งั้นเกิดชื้นขึ้นมา ราขึ้น ต้องมาทุบกันทีหลังคงไม่สนุกแน่ ผมใช้แอร์ของ GREE ทั้งบ้านครับ เนื่องจากถูก 555+ BTU ละบาท อีกอย่างเพื่อนผมเป็น GM ของ GREE ด้วยครับ ช่วยๆกัน
เริ่มฉาบละ โดยช่างจะทำการจับเซี๊ยมตามขอบหน้าต่างก่อน เพื่อทราบระยะฉาบ ปัจจุบันมีเซี๊ยมสำเร็จแล้วนะครับ แต่ช่างผมถนัดเซี๊ยมมือมากกว่า
สิ่งสำคัญของการฉาบคือการวางระแนงกรงไก่ตามรอยต่อปูน รอยกรีดผนัง และตามวงกบประตูหน้าต่างนะครับ
ก็ไล่จับเซี๊ยม ไล่ฉาบกันไปครับ
ไล่ฉาบทั้งนอก ทั้งในจนเสร็จ ขั้นตอนนี้บ้านผมก็นานมากกกกกก เช่นกัน
ฉาบเสร็จ จขบ.ก็ไล่เชครอยฉาบ โดยใช้ไม้ยาวๆ ลากไปตามผนังครับ ตรงไหนเสียงดูโปร่งๆแสดงว่าฉาบไม่ดี ลองเอามะเหงกเคาะก็ได้ครับ แต่กว่าจะหมดบ้านคงมือบวม ตรงไหนฉาบไม่ดีก็ให้กระเทาะปูนออกแล้วแก้ใหม่นะครับ
ฉาบเสร็จก็ทำการสกิมครับโดยใช้ปูนสกิม เพื่อให้ผนังเรียบเนียนสุดๆ
ความแตกต่างระหว่างผนังสกิม กับไม่ได้สกิม มองออกไหมครับ
ระหว่างสกิม ก็เตรียมเทท้อปปิ้งพื้นครับ โดยพื้นที่จะปูไม้ปาร์เกต์ ก็ต้องเตรียมขัดมันไว้รอ ที่เห็นคือการเซี๊ยมพื้น
จากนั้นก็เทปูน ขัดมัน เพื่อรอปูไม้ปาร์เก้ต์ทีหลัง
ช่างไฟก็ทำการเดินไฟต่อ ร้อยท่อไปตามจุดต่างๆ เพื่อจะได้ปิดฝ้า สำคัญนะครับ ย้ำผรม.เลยว่าเดินร้อยท่อทุกเส้น กันหนู แมลงแทะ และกันสายเปลือยหมดสภาพช๊อตเสียหายได้
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือตรงจังชั่นบ๊อก ที่จั๊มไฟ ต้องต่อสายไฟด้วย Wire Nut แล้วเก็บใส่กล่องปิดฝาให้เรียบร้อยนะครับ อย่าเอาปลายสายมาพันแล้วทับด้วยเทปพันสายไฟเฉยๆนะครับ
เริ่มปิดฝ้ากันแล้วครับ ตรงนี้เป็นโถงกลางบ้าน สูง 7 เมตร เลยต้องต่อนั่งร้านขึ้นไปทำ
ไล่ทำฝ้าห้องต่างๆไปเรื่อยๆ
ก่อนปิดฝ้า ตรวจเชคงานท่อน้ำต่างๆที่อยู่เหนือฝ้าให้เรียบร้อยนะครับ เทน้ำ ราดน้ำ ขังน้ำทิ้งไว้เลยสักสองสามวัน ถ้ารั่วจะได้แก้ไขได้เลย เพราะรอยรั่วพวกนี้บางทีอยู่ไปสักปีเพิ่งเห็น
ฝ้าภายนอกใช้แบบมีรูระบายอากาศครับ เพื่อให้ลมไล่ความร้อนใต้หลังคาออกไป
งานฝ้าจบ ก็เริ่มงานหน้าต่างต่อครับ หน้าต่างผมใช้อลูมิเนียมยูโรโปรไฟล์ แบบทำสำเร็จจากโรงงานเลย คล้ายๆ uPVC ดังนั้นจึงต้องเชคเซี๊ยมหน้าต่างให้เปะๆก่อน เพราะเขาจะเอามาติดในช่องเลย ไม่ต้องมาตัดวัดกันหน้างาน
พอถึงวันนัด หน้าต่างก็มากองใหญ่เลยครับ มาแบบสำเร็จรูปเลย ผมใช้สีดำ Powder coat ส่วนนึง และทำซาฮาร่า(Texture สากๆ) อีกส่วนนึงครับ ทำทั้งหลังไม่ไหว ราคาโดดไกล
จับยก ยัด ขันน๊อต ยาซิลิโคน เป็นอันเสร็จ
แผงนี้เป็นแผงใหญ่ของบ้านเลยครับ โถงสูงห้องนั่งเล่น+ทานข้าว
มีส่วนของหลังคา Skylight ด้วยครับ ห้องนี้ทำเป็น Living Room แต่สงสัยจะเป็น Sauna room แทน อนาคตจะติดม่านไฟฟ้าครับ เลื่อนขึ้นลงบังแดด ดูดาวได้
จบงานติอตั้งหน้าต่าง ก็จะเป็นงานพื้นไม้ละครับ บ้านผมชั้นสองจะเป็นไม้จริงทั้งหมด โดยใช้ไม้มะค่าหน้า 4 ขนาด 90-120 เซน ปูบนพื้นปูนครับ รุปนี้ไปเลือกไม้จากโรงงานเลย ร้านนี้ไม้สวยดีครับ
ลูกนอนบันได ไม้มะค่า 1 นิ้ว 1 ฟุต ยาว 120 เซน สวยมาก
ใช้วิธีปูแบบปาร์เกต์คือทากาว ปูบนพื้นปูน ไม่ได้ใช้ตง ไม้หน้า 4 ยาวไม่เกิน 120 เซน ปูแบบนี้ได้ครับ แต่ถ้ายาวหรือใหญ่กว่านี้แนะนำให้ปูบนตงไม้ครับ ไม่งั้นไม้จะยวบยาบ และกระเดิดได้ในอนาคต
ปูเสร็จก็ขัดหน้าไม้ ไม้มะค่าพอขัดหน้าไม้ออกแล้วสวยมากเลยครับ
ผมกับแฟนชอบสีโอ๊คเข้ม เลยต้องลงสีย้อมไว้รอบนึงก่อนครับ เพื่อกันหน้าไม้ เพราะเดี๋ยวต้องมีทาสีผนังและงานบิ้วอีก ตอนท้ายๆค่อยมาลงสีกันอีก 3 เที่ยว แต่ถ้าใครชอบสีธรรมชาติก็สวยไปอีกแบบนะครับ
ชั้นล่างผมใช้เป็นแกรนิโต้ 60×60 ทั้งหมดครับ สีขาวล้วนเลย ช่างก็เริ่มปูแล้วครับ
ไล่ปูไปตามแนว
เกือบเสร็จละ
ในห้องครัวผมจะมีท่อแก๊ซต่อเข้ามาจากนอกบ้านด้วยครับ โดยถังแก๊ซผมจะตั้งอยู่นอกบ้าน แล้วเดินท่อเข้ามาในครัว โผล่มาตรงกลางไอแลนด์ครัวซึ่งผมจะติดตั้งหัวเตาแก๊ซครับ ได้ประโยชน์เรื่องความปลอดภัยด้วย และคนส่งแก๊ซไม่ต้องเดินเข้ามาในบ้านด้วยครับ ใครอยากทำแบบนี้ก็ลอกไอเดียได้นะ
มีไล่ปูกระเบื้องห้องน้ำบางส่วนด้วยครับ รูปรวมของห้องน้ำจะมีอีกทีตอนงานตกแต่งภายใน
ทำพื้นเสร็จก็ทำบันได บันไดบ้านผมเป็นโครงเหล็กโปร่งๆครับ ต้องมีการวัดระดับ วัดระยะยุ่งยากกันพอสมควรเลย ต้องทำคานไว้รองรับเหล็ก
บีมด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าจะเอาเหล็กไปยึดกับผนังก่ออิฐไม่ได้นะ
แบบบันได ยึดกับคานบ้านเลยครับ ต้องทำคานตั้งแต่งานโครงสร้างเลย
วางเหล็กบีม เชื่อมเหล้กเพลตลูกนอนไปจนเสร็จครับ
รูปนี้ตอนเอาไม้ลูกนอนมาวางแล้วครับ จริงๆลูกนอนนี่ผมวางทีหลังเลยนะครับ เพราะถ้าวางไม้ไปก่อน ช่างเดินขึ้นลงจะพังซะก่อน
ตรงนี้เป็นบันไดทางขึ้นระเบียงหลังบ้านครับ เป็นบันไดปูนเปลือย เก๋ดี
ติดตั้งฮูดดูดควันในครัว ครัวผมจะเป็นครัวผสม ไทย-เทศ แฟนไม่ชอบมีสองครัว ก็เลยรวบเป็นครัวเดียวเลย ใช้เครื่องดูดควันแรงๆหน่อย ของไทยเนี่ยแหล่ะครับ ดูดแรงดี ราคาไม่แพงมาก เห็นไอแลนด์ไหมครับ นั่นแหล่ะที่ท่อแก๊ซโผล่ขึ้นมา
ออกมานอกบ้านกันบ้างครับ ภาพนี้ด้านหลังของบ้าน เริ่มทาสีจริงภายนอก โดยทาครึ่งบนของบ้านก่อน ครึ่งล่างทาทีหลัง เพราะดิน ฝุ่นยังเยอะอยู่ ชั้นล่างของบ้านบางส่วนเป็นกระเบื้องเคนไซนะครับ แพงระยับเลย สถาปนิกก็ออกแบบมาซะเยอะเคนไซ
ทาสีครึ่งบนภาพด่นหน้าบ้าน มีการติดเคนไซตามเสา ตามผนังบ้านแล้วครับ เริ่มมีมิติมากขึ้น เคลียพื้นที่ทำถนนเข้าบ้านละ
ก่อนเทถนนก็ทำการฝังหลักดินลงในตำแหน่งที่ความต่างศักดิ์เยอะๆ ไฟจะได้ไหลมาง่ายหน่อย
เข้าแบบ เทถนน ถนนผม On ground นะครับ คือตบอัดดินแน่นๆ ผูกเหล็ก แล้วเทเลย ไม่ลงเสา 6 เหลี่ยม เพราะดินที่นี่แข็งมากครับ แต่ตอนเทก็เว้นระยะห่างตัวบ้านไว้ครับ เผื่อทรุดในอนาคตจะได้ไม่ดึงบ้านลงไปด้วย
เทเสร็จละ เป็นวงเวียนแบบนี้ จริงๆสถาปนิกไม่อยากให้ทำวงเวียน บอกว่าเสียพื้นที่บ้าน แต่แฟนรีเควสครับ แฟนผมขับรถไม่เก่ง ไม่ชอบถอยเข้าออก เลยทำวงเวียนซะเลย หมุนรถง่ายๆ…เดี๋ยวพื้นปูนนี้จะทำสแตมป์คอนกรีตต่อครับ แต่ไว้ทำสุดท้ายเลย
เข้ามาข้างใน เป็นงานติดตั้งผนังหินอ่อนครับ ใช้หินลาย White Valagus ตอนแรกชอบคาราร่ามาก แต่ว่าตอนที่ผมหาหิน ลายคาราร่ามันไม่สวยเลย ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ลายนี้ ก่อนติดหินก็ต้องมาปูที่พื้นคัดลายก่อน
พอ OK ลายก็ยกขึ้นปูครับ ของผมใช้วิธีปูแบบเปียก คือใช้ปูนกาวโปะ แล้วยึดด้วยกาวตะปูอีกทีครับ อีกวิธีคือปูแบบแห้ง จะใช้พุกยึดกับผนังเลย แบบแห้งแข็งแรงกว่า แต่แพงกว่าครับ
ประตูมาแว้วววว ผมใช้เป็นไม้จริงทั้งหมดครับ น่าจะไม้ตะแบกมั๊ง แล้วเซาะร่องยาวๆให้ออกแนวโมเดิร์นหน่อย รูปแบบลายประตูได้มาจากพี่ๆที่เคยรีวิวบ้านใน pantip เนี่ยแหล่ะ ผมจำไม่ได้แล้วว่าท่านไหน
ช่างกำลังติดประตูอย่างหนักหน่วง
ลูกบิดผมใช้เป็นเขาขวายของ Hafele ทั้งบ้านเลยครับ ไปซื้อตอนลดราคาตรงบางนา ในรูปบานซ้ายเป็นทางเข้าห้องนอนเล็ก บานขวาเป็นห้องน้ำ แบบนี้ทั้งบ้านครับ ขี้เกียจคิดเยอะ 555+
ประตูทางเข้าหลักของบ้าน เป็นไม้สักตันเลยครับทั้งสองบ้าน แอบแพง แต่ก็สวยดีครับ ลูกบิดก็ Hafele เหมือนกัน อันนี้ในไทยไม่มี ต้องสั่งนำเข้า
ส่วนบานนี้เป็นบานที่ต่อจากโรงรถเข้าบ้าน และน่าจะเป็นบานที่ใช้เข้าบ้านบ่อยสุด เลยติดลูกบิดอัตโนมัติของ Yale เวลาลงจากรถ เข้าบ้าน ไม่ต้องพะวงหากุญแจ แตะบัตร ไม่ก็กดรหัสโลด
หมดเรื่องประตู มาดูเรื่องไฟกันบ้าง พอทำฝ้าเสร็จก็ทาสีฝ้า พอสีฝ้าเสร็จก็เริมติดโคมไฟดาวน์ไลท์ ตรงนี้เป็นโถงใหญ่กลาบ้าน ใช้ LED 33 วัตตน์อย่างดี ค่าหลอดกับอแดปเตอร์แพงมาก แต่ก็ยอมเพราะโถง 7 เมตร คงไม่ปีนเปลี่ยนหลอดกันง่ายๆ
ไปเดินเลือกซื้อจาก Lamptitude บางนาครับ ที่นี่มีโคมให้เลือกเพียบ เลือกกันไม่ถูกทีเดียว
ไฟในห้องนอนทุกห้อง ใช้โคมสีขาวฝังฝ้า สี่เหลี่ยมเรียบๆโมเดิลๆ หลอดใช้ LED ทั้งบ้านครับ ตรงโรงรถจะใช้หลอด Motion Sensor ด้วย เวลารถเข้ามาก็ติดอัตโนมัติ
ไฟโถงหน้าบ้าน เป็นดาวไลท์แบบยื่นลงมาสีดำใหญ่หน่อย
มี Point นิดนึงตรงนี้ไฟ จากรูปจะเห็นไฟดวงเล็กๆ อยู่ตรงกลางที่ลูกศรชี้ ตรงนั้นคือไฟฉุกเฉินครับ ลากสายยาวต่อมาจากแบตเตอรี่ไฟฉุกเฉิน ที่ติดตามสถานที่ทั่วไป ปกติจะเป็นแบบหูมิกกี้เมาส์ใช่ไหมครับ แต่ผมถอดออกหัวนึง แล้วลากสายโยงมาติดไฟ LED ดวงเล็กๆไว้ตรงบันได เวลาไฟดับ มันก็จะติด ทำให้มองเห็นทางเดินในบ้านได้ครับ ไม่ต้องเกาะคลำทางเดิน
ติดเสร็จก็เทสไฟสักนิดนึง ออกมาสวยใช้ได้
ไฟโถงสว่าง สีสวยยังกะพวกห้าง หรือโชว์รูม แฟนบอกสว่างไปหน่อย แต่ก็โอเคครับ เวลาใช้งานคงไม่เปิด 16 ดวงแบบนี้
มาต่อที่งานตกแต่งภายในกันเลย
นี่เป็นภาพ 3D ที่อินทีเรียออกแบบมาให้ ผมให้โจทย์ไปว่า ขอเรียบ หรู น้อยแต่ดูดีแนวโมเดิลหน่อย ออกมาภาพแรกก็ถูกใจเลยครับ อินทีเรียออกแบบมาได้ถูกใจทุกห้อง แทบไม่ต้องแก้เลย ชอบมาก
รูปนี้เป็นห้อนอนครับ การตกแต่งผมจะแนวๆนี้หมดทุกห้องเลย
ห้องนอนใหญ่ หัวเตียงและตู้ปลายเตียง ลองเทียบกับภาพด้านบนดู ใกล้เคียงนะ
ห้องนอนเล็ก ให้สังเกตุที่พื้นครับ ตอนที่ถ่ายรูปนี้ช่างไม้มาทำพื้นรอบ 2 – 3 และเคลือบเรียบร้อยแล้ว สวยดี
โถงรับแขก
แขวนไฟห้อยเข้าไป (ไม่อยากเรียแชนเดอเลีย เพราะมันเป็นแค่ลูกกลมๆ เอามาห้อย 6 ลูกแค่นั้น 555+) สีตัดกันดีกับผนังหินอ่อน สวยดีครับ
ห้องสมุด
ห้องครัว
ห้องน้ำใหญ่
ห้องน้ำรับแขก
ห้องน้ำเล็กสองห้อง สมมาตรกัน ใช้ตู้ของ MEGEN
มาดูงานข้างนอกกันบ้างครับ เริ่มทำรั้วแล้ว รั้วบ้านผมเป็นรั้วต้นไม้ครับ โดยในภาพเป็นการทำกระถางไว้รอปลุกต้นไทรเกาหลี
ทาสีขาว
หาเหล็กดัดสีดำมาติด ไม่ให้มันโล้นๆ เหลือต้นไม้ จะเอามาลงพร้อมงานสวน
รั้วด้านหน้าบ้าน ทำเป็นครึ่งปูน ครึ่งอลูมิเนียมครับ ที่เห็นนี่อลูมิเนียมลายไม้ ประตูบานเลื่อนติดมอเตอร์ ทำแค่ 20 เมตรครับ ทำทั้งบ้านไม่ไหวเป็นล้า
ถังขยะแบบฝังรั้ว หาซื้อยากมากกกกกก ต้องสั่งในเนตให้มาส่ง
ราวบันได และราวกันตกมาแล้วจ้าาาา สวยแบบที่ชอบเลย กระจกหนา 10 มม. เทมเปอร์ รูปนี้เอามาจากเวบของร้านที่มาติดตั้ง เจา้ของเขาขอเอาภาพไปลงเวบเขาครับ Sensor ชื่อตัวเองออกนิสนึง
ทางเดินชั้นสองของบ้าน เชื่อมห้องนอนใหญ่ และห้องลูกๆ
ระเบียงห้องนอน
ราวกันตกระเบียงหลังบ้าน
บันไดทางขึ้นระเบียงรูปด้านบน
ปูไม้เทียม ทำสีโอ๊คเข้มอีกแล้ว เหมือนในบ้านเลย
งานสวน
งานสวนนี้จริงๆ ก็ไม่อยากเรียกว่าสวนนะครับ เพราะมีแต่การปูหญ้า กับระบบสปริงเกอร์ล้วนๆเลย ผมไม่ชอบต้นไม้รกๆ เลยขอแค่สนามหญ้าโล่งๆเอาไว้เตะบอล
เริ่มจากรื้อแคมป์คนงาน และเคลียริ่งรอบสุดท้าย
ติดตั้งสปริงเกอร์อัตโนมัติ แยกเป็นสามโซนครับ
เป็นความโชคดีที่นิติบุคคลให้ใช้น้ำใน lake หลังบ้านมารดต้นไม้ได้ ไม่งั้นค่าน้ำคงหลายพัน
ด้านนอกบ้าน ก็เอาต้นไทรเกาหลีมารอลงที่กระถางรั้ว
เอาลงเรียบร้อย เป็นอันเสร็จงานรั้ว
เอาหญ้ามาลงแล้ว ผมใช้หญ้าพาสพาลัมครับ เพราะมันเขี๊ยวเขียวดี ไม่เหลืองง่ายเหมือนนวลน้อย
จัดสวนอินทผลาลัมตรงวงเวียน ตอนแรกว่าจะทำน้ำพุ แต่ขี้เกียจดูแล ต้นไม้ดีกว่า
ท้า ดาาา เสร็จแล้วครับ
สรุปรวบยอด
- เนื้อที่บ้าน 529 ตร.ว
- ขนาดบ้าน 590 ตร.ม. แบ่งเป็นส่วนที่มีหลังคา CPAC คลุม 450 ตร.ม และส่วนหลังคา Slab 140 ตร.ม
- ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี โอ้ว มายก้อดดดดด
- ตอนนี้ยังไม่ได้ติดม่านครับ เพราะยังไม่รีบเข้าอยู่ รอซื้อเฟอร์ลอยตัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ราคาก่อสร้าง รวมตกแต่ง รวมสวน ตีกลมๆก็ 20M แบ่งเป็นเงินตามสัญญาก่อสร้าง 14M สัญญาตกแต่งภายใน 2.5M และของที่ต้องควักซื้อเองพวกกระเบื้อง สุขภัณท์ และอื่นๆที่ไม่อยู่ใน BOQ 3.5M
- อย่าถามเรื่อง ผรม. เพราะดีตอนต้น มาตกม้าตายตอนท้ายครับ ไม่อยากแนะนำใครทั้งสิ้น เพื่อผมที่สร้างไล่ๆกัน ก็ใช้ ผรม.เจ้าเดียวกับผม ปรากฏว่าตอนนี้ไมเกรนกินกบาลแล้ว ผมเองกว่าจะถึงจุดนี้ เครียดกระเพาะแทบทะลุ
- ถามเรื่องสถาปนิก อินทีเรียดีไซน์ได้ เพราะเพื่อนผมเอง งานดี มีตินิดหน่อยไม่มากมาย
- ถามเรื่องวัสดุ อุปกณ์ ร้านค้า 3rd Party ได้ครับ ผมจะตอบให้
- เอาบ้านมาลงแบบนี้ไม่กลัวขโมยเหรอ ตอบคือ เข้ามาเลยครับ เพราะในบ้านไม่มีของอะไรให้เอาไปเลย สร้างบ้านจนหมดแล้วครับตังค์ ไม่เล่นพระเครื่อง ไม่เล่นกล้อง เล่นแต่โมเดลตุ๊กตาจากการ์ตูนและเกมส์ ไม่สะสมทอง ไม่สะสมเครื่องเพชร แบรนด์เนมไม่มี เข้ามาแล้วอาจจะได้แค่กินขนมในตู้เย็น เพราะตุนไว้เยอะมาก
- เขียนลง pantip เพราะอยากให้คนที่จะสร้างบ้านเองได้ทราบขั้นตอนวิธีบางอย่าง ที่บางทีหาไม่ได้ในตำรา และสมัยนี้ไม่ค่อยมีใครเขียนรีวิวแบบละเอียดแบบนี้กันเท่าไหร่แล้ว ผมหาในอากู๋มีแต่ช่วงปี 50-53 เขียนรีวิวกันเยอะมากก แต่มาปีหลังๆไม่ค่อยมีเลย ล่าสุดบ้านใหญ่ๆก็เป็น SCG Heim ผมก็ตามอ่านอยู่ครับสนุกดี
สุดท้าย ผมเขียน Blog เอาไว้ตั้งแต่ต้นจนจบเช่นกัน ใน Blog จะมีรายละเอียดเยอะกว่านี้มากๆๆๆๆ เข้าไปอ่าน พูดคุย ซักถามได้เลยครับ ถ้าใครสนใจรายละเอียดมากกว่าใน Pantip นี้ก็เข้าไปได้ที่ Blog ผมครับ กดที่ปุ่ม Bloggang หลังชื่อได้เลย หรือเข้าจาก Link agentmolder.bloggang.com ก็ได้ครับ
หวังว่ากระทู้ผมจะเป็นแรงบันดาลใจ และจะเป็นความรู้ให้คนที่อยากจะปลูกบ้านเป็นของตัวเองได้นำไปใช้ประโยชน์นะครับ เหมือนแรบันดาลใจผมคือพี่หมอโจ ที่เคยเขียนรีวิวในนี้และใน Selectcon เมื่อนานมาแล้ว สร้างบ้านไม่จำเป็นต้งอใหญ่โต แต่ให้พออยู่ พอสมฐานะที่เรามี มีมากสรา้งใหญ่ มีน้อยสร้างน้อยพอเพียงครับ แล้วจะมีความสุข
คำว่าบ้านของผม ไม่ใช่การลงทุน บางคนอาจบอกว่าสร้างบ้านทำไมใหญ่โตตั้ง 20ล้าน สร้างสัก 5 ล้าน แล้วเอาเงินไปลงทุนดีกว่า…สำหรับผมบ้านคือบ้าน คือที่ที่เราอยากกลับมาทิ้งตัวลงนอน อยากอยู่ตลอดเวลาเราหยุด กลับมาเจอภรรยาลูกๆ ที่มีความสุข วิ่งเล่นในบ้านของเรา และอาจจะเป็นที่ที่ลมหายใจสุดท้ายของเราจากไปก็ได้ เงินลงทุน หาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ลงทุนผิดก็เจ๊ง แต่บ้าน หากเราใส่ใจกับมัน ลงทุนครั้งเดียว สุขไปตลอดชีวิต ขอบคุณที่ติดตามครับ
ที่มา : Agent Molder