การเลือกซื้อบ้านสักหนึ่งหลัง เป็นสิ่งที่ต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน กว่าที่จะได้เจอบ้านหรือที่ดินในฝัน อาจจะต้องใช้เวลาแรมเดือนแรมปี เมื่อคุณเจอบ้านในฝันแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือติดต่อกับเจ้าของเพื่อทำการเจรจาซื้อขาย
แต่ช้าก่อน หากคุณคิดว่าการเดินตรงเข้าไปซื้อบ้านเป็นเรื่องง่ายเหมือนไปเดินซื้อของในตลอด คุณกำลังมองข้ามสิ่งสำคัญคัญไป สำหรับในวันนี้ ทางเว็บในบ้านขอนำเสนอ ” สิ่งที่คุณต้องรู้และเข้าใจก่อนซื้อบ้าน 14 ประการ ” เพื่อให้มั่นใจว่าที่อยู่อาศัยในอนาคตของคุณ จะไม่กลายเป็นสิ่งที่ทำให้คุณคิดว่าคุณติดสินใจผิดพลาด
1. คำนึงถึงเพื่อนบ้านและพื้นที่ในชุมชน
หาข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนบ้านและสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับกิจกรรมภายในชุมชนที่เราจะย้ายเข้าไปอยู่ เพื่อให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวและสถานการณ์ จะทำให้เราปรับตัวเข้ากับเพื่อนบ้านและชุมชนได้ง่าย โดยข้อมูลอาจจะหาได้จากการค้นหาในอินเตอร์เน็ตครับ
2. คำนึงถึงงบประมาณและความสามารถในการผ่อนจ่าย
การซื้อบ้านไม่ใช่การทำธุรกรรมการเงินเล็กๆ จึงต้องมีการคำนึงถึงงบประมาณและความสามารถในการผ่อนจ่ายของเราให้ดี โดยต้องคำนึงถึงรายได้ที่เรามี ระยะเวลาที่ต้องการผ่อนซื้อบ้าน ว่าเหมาะสมกับรายรับรายจ่ายหรือไม่
3. ทดสอบขับรถ
ในวันหยุดรถย่อมติดเป็นธรรมดา แต่ถ้าเป็นวันธรรมดาล่ะ คุณไม่อยากให้รถติดแน่ๆ ลองทดสอบขับรถวัดระยะทางจากบ้านหลังใหม่ ไปที่ทำงานหรือโรงเรียน เพื่อทดสอบว่าใช้เวลาในการเดินทางมากเกินไปหรือไม่
4. คำนึงถึงโรงเรียนใกล้บ้าน
สำหรับครอบครัวที่มีลูกกำลังจะย้ายบ้าน ควรคำนึงถึงคุณภาพของโรงเรียนที่ลูกของคุณจะไปเรียนด้วย สภาพแวดล้อมที่ดีของโรงเรียน ฃจะช่วยพัฒนาเด็กไปในทางที่ดี และทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขครับ
5. ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายให้ละเอียดถี่ถ้วน
ก่อนทำการซื้อขายบ้านกับนายหน้า จะต้องอ่านเงื่อนไขสัญญาให้ละเอียดถี่ถ้วน ตรวจสอบว่าขาดตกหรือบกพร่องสิ่งใดบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง
6. ตรวจสอบบ้าน
ผู้ซื้อบ้านควรตรวจสอบว่าบ้านที่เราต้องการ พร้อมเข้าอยู่อาศัยจริงๆ หากพบว่ามีสิ่งที่ชำรุดเสียหาย หรือต้องการให้ผู้ขายซ่อมแซมหรือต่อเติม ก็สามารถเจรจาต่อรองได้ว่าจะทำอย่างไร ที่สำคัญคือตรวจสอบระบบปะปาให้ดี เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่พบกับปัญหาท่อน้ำแตกในบ้านบ่อยๆ
7. สอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวบ้าน
ผู้ซื้อบ้านควรถามรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวบ้าน เช่น บ้านหลังนี้เสี่ยงอันตรายจากภายพิบัติหรือไม่ วัสดุที่ใช้ทำจากอะไร เคยถูกปลวกขึ้นมาก่อนหรือไม่ เคยมีคนตาย หรือเหตุฆาตรกรรมเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร ฯลฯ อาจจะดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรถามเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจครับ
8. สำรวจบ้านในช่วงเวลาต่างๆ
เข้าไปสำรวจบ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ช่วงกลางวัน และช่วงกลางคืน เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ๆจะย้ายเข้าไปอยู่นั้น มีเสียงดังรบกวนจากเพื่อนบ้านหรือไม่ หรือมีงานสังสรรค์บ่อยๆเป็นประจำหรือเปล่า ควรตรวจสอบไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อบ้านครับ
9. ตรวจสอบภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ในบางพื้นที่อาจจะมีเงื่อนไขให้ต้องเข้าร่วมกับกิจกรรมของชุมชน หรือมีการเรียกเก็บเงินในกรณีต่างๆ จึงควรทำความเข้าใจและอ่านรายละเอียดให้ดี นอกจากนี้ควรตรวจสอบหน่วยค่าไฟฟ้า และค่าน้ำปะปาที่จะต้องเสียเป็นประจำด้วย เพื่อเป็นแนวทางในการคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือน
10. มองหาสถานที่อำนวยความสะดวกใกล้บ้าน
ตรวจดูว่าใกล้ๆบ้านมีโรงพยาบาล สถานีตำรวจ ห้องสมุด สวนสาธารณะ หรือสถานที่อำนวยความสะดวกต่างๆหรือไม่ นอกจากนี้ยังควรคำนวณระยะทางและเวลาที่ใช้ในการเดินทางระหว่างบ้านกับสถานที่ต่างๆอีกด้วย
11. ตรวจสอบว่าพระอาทิตย์ขึ้นและตกทางทิศใดของตัวบ้าน
อาจจะเป็นเรื่องที่หลายๆคนไม่สนใจ แต่ก็นับว่าเป็นจุดที่มองข้ามไม่ได้เสียทีเดียว ควรเลือกซื้อบ้านที่มีหน้าต่างหันไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะทำให้ตัวบ้านภายในได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติทั้งวัน
12. มีทัศนคติที่ดีและเป็นมิตรต่อเพื่อนบ้าน
เป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับเพื่อนบ้าน นอกจากจะทำให้อยู่อาศัยในชุมชนได้อย่างราบรื่นและมีความสุข อาจจะได้รับทราบข้อมูลที่น่าสนใจต่างๆ เช่น เพื่อนบ้านที่ขายของที่ไม่ใช่แล้ว หรือสถานการณ์ความสัมพันธ์ของคนต่างๆในชุมชน
13. เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม
ก่อนย้ายเข้าบ้านใหม่ แน่นอนว่าอาจจะต้องมีการซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่กันบ้างล่ะ จึงควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเลือกซื้อให้เหมาะสมกับฐานะ นอกจากนี้ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้มีสีสันเข้ากันกับบ้านด้วย
14. คำนึงถึงอนาคต
การเลือกซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หลายคนต้องการซื้อบ้านและต้องการให้มันอยู่เราไปนานๆ จึงควรคำนึงถึงอนาคตด้วยว่า ครอบครัวจะขยายหรือไม่? วางแผนว่าจะมีลูกกี่คน? เพื่อรองรับถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับ
ที่มา: Lifehack