การจัดสวน นอกเหนือจากการปูสนามหญ้าให้สร้างพื้นที่สีเขียว และการเลือกดอกไม้ประดับมาเพิ่มสีสันให้สวนดูสดใสแล้ว การปลูกต้นไม้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะต้นไม้ เป็นตัวช่วยเพิ่มความร่มรื่นและร่มเงาให้กับพื้นที่พักผ่อนในสวน แถมบางชนิดยังออกดอกออกผล เพิ่มความมีชีวิตให้กับสวนของเราได้อีกด้วยค่ะ
วันนี้ ในบ้าน ก็อยากจะขอแนะนำ 13 ต้นไม้ประดับบ้าน ที่คนสวนใหญ่นิยมนำไปใช้ในการจัดสวน มีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นต้นโพธิ์ หูกระจง ตลอดจนต้นอัญชันที่ใฟ้สรรพคุณบำรุงสุขภาพไปในตัว พร้อมด้วยขั้นตอนการปลูกครบครัน เอาล่ะค่ะ เราลองไปชมกันเลยดีกว่า
1. ม่านบาหลี
ม่านบาหลี เป็นไม้เลื้อยทิ้งรากเป็นเส้นสีแดงดูสวยงาม ดอกสีขาวอเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
วิธีดูแล : เป็นพืชที่ชอบน้ำค่อนข้างมากและจะเลี้ยงง่ายมากรดน้ำวันละครั้ง ดินอะไรก็ได้ขึ้นหมด หรือไม่ก็ปลูกลงดินร่วนธรรมดา และชอบแดดจัด เจริญเติบโตได้เร็ว หากได้รับน้ำดี ขยายพันธุ์โดยการปักชำ เป็นใบเดี่ยว
2. อโศกน้ำ
เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปทรงกลมพุ่มทึบ ปลายกิ่งห้อยย้อยลู่ลง เปลือกเรียบสีน้ำตาลเข้มหรือแตกเป็นร่องตื้นตามยาวและขวางลำต้น
วิธีดูแล : อโศกน้ำต้องการความชื้นสูง การปลูกในพื้นที่มีความชื้นสูงหรือบริเวณชายน้ำจะทำให้ได้ต้นที่มีความสมบูรณ์ สวยงามตรงตามชนิดพันธุ์ได้ง่าย
3. เฟื่องฟ้า
เป็นไม้ยืนต้นประเภทพุ่มกึ่งเลื้อย มีหนามขึ้นตามลำต้นอยู่ ใบเดี่ยว แตกออก สลับ กับ กิ่ง หรือเยื้องกัน มีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย มีสีเขียวหรือใบด่าง
วิธีดูแล : ต้องปลูกที่มีแสงแดดจัดในสภาพกลางแจ้ง ได้รับแสงแดดตลอดวัน ถ้าได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ จะทำให้สีของใบไม่เข้มออกดอกน้อย
4. กล้วยไม้
ส่วนใหญ่เป็นพืชอิงอาศัยพืชอื่น มีลำต้นเทียมออมน้ำหรือที่เรียกว่าลำลูกกล้วย ดอกสีสดใส มีกลิ่นหอม
วิธีดูแล : ต้องปลูกกล้วยไม้ชนิดนั้น ๆ ให้เหมาะสมกับชนิดพันธุ์ เช่น รองเท้านารี เครื่องปลูกต้องเป็น อิฐมอญ ถ่าน หรือทรายที่ผสมกัน ไม่ใช่ดินล้วน ต้องห้อยแขวนต้องได้รับแสงพอเพียง ไม่ร่มสนิดเกินไปและไม่ถูกแสงแรงเกินไป น้ำที่ใช้รดกล้วยไม้ ถ้าเป็นไปได้ควรจะเป็นน้ำที่ผ่านการพักในบ่อกักอย่างน้อย 1 – 2 คืน ปุ๋ย ควรหมั่นให้ทุก ๆ 1 สัปดาห์ หากเจอแมลงหรือรารบกวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรให้ยาด้วย หมั่นตรวจคอยดูแลว่ามีโรคแทรงแซงหรือไม่ หรือมีอาการป่วยผิดปกติ
5. ต้นโพธิ์
ไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่ สูง 20-30 ม. แตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มตรง มีดอกสีเหลืองอ่อน
วิธีดูแล : นำเมล็ดพันธุ์ต้นโพธิ์มาแกะออกจากเปลือกเมล็ด พอแกะออกจากเมล็ดแล้วข้างในจะมีเมล็ดเล็กๆอยู่จำนวนมาก นำเมล็ดที่แกะออกมาไปตากแดดให้แห้งสนิท หลังจากนั้นเตรียมดินเพาะปลูกใส่ในภาชนะ โดยการโรยเมล็ดพันธุ์ต้นโพธิ์ลงดินให้ทั่วดิน พร้อมกลบดิน รดน้ำให้ชุ่มพอประมาณ วันนละ 1-2 ครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ประมาณ 3-4สัปดาห์ เมล็ดพันธุ์ก็จะค่อยๆ โผล่จากพื้นดินขึ้นมาให้เห็น เมื่อเริ่มเป็นต้นกล้าที่ใหญ่แล้วก็เริ่มแบ่งพันธุ์ต้นโพธิ์ ประมาณ1-2 ต้น ลงถุงเพาะชำที่เตรียมดินใว้แล้ว จากนั้นก็อนุบาลให้เป็นต้นใหญ่ๆๆได้เลย
6. ปีบ
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบ ลำต้นตรง สูงได้ถึง 25 เมตร เปลือกต้นหนาสีน้ำตาลอ่อนปนเทา แตกเป็นร่องลึก มีช่องอากาศ ยอดอ่อนมีขนนุ่ม
วิธีดูแล : เป็นไม้ที่ค่อนข้างชอบอากาศชุ่มชื้น แต่ทนความแห้งแล้งได้ดี ไม่เลือกดิน แต่ถ้าเป็นดินค่อนข้างร่วนปนทรายจะชอบมาก ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน เพื่อให้ต้นไม้ที่ปลูกมีการเจริญเติบโตที่ดี และเปอร์เซ็นต์การรอดตายสูง ส่วนระยะปลูกนั้น การที่จะปลูกถี่หรือห่างขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการปลูกเป็นปัจจัยสำคัญ
.
7. ดอกอัญชัญ
อัญชันเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบแบบขนนก ดอกสีขาว ฟ้า และม่วง ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคู่ตามซอกใบ
วิธีดูแล : นำเมล็ดแห้งมาแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นห่อด้วยผ้า 2–3 วันให้รากงอกออกมา และนำไปปลูกในกระถางเพื่อเป็นต้นกล้ารอนำไปปลูกต่อที่แปลง
8. ต้นพญาสัตบรรณ
ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15 – 35 เมตร โคนต้นมักเป็นพูพอน ออกดอกเล็กสีเขียวอมเหลืองหรืออมขาวออกเป็นกลุ่มในช่อซึ่งแยกกิ่งก้าน ออกจากจุดเดียวกันตามปลายกิ่ง
วิธีดูแล : นำเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ มาปลูกลงในกระถางเพาะกล้าที่มีดินร่วนปนทรายผสมขุยมะพร้าว และรองก้นด้วยปุ๋ยคอก ควรจะเพาะต้นกล้าแค่กระถางละ 1 ต้น จากนั้นก็ดูแลรดน้ำทั้งเช้าและเย็น รดให้พอชุ่มแต่อย่าแฉะหรือมีน้ำขังโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจเสี่ยงเป็นโรคราได้ หลังจากปลูกไปได้ 90 วัน บวกกับว่าต้นมีความแข็งแรงดีแล้ว ก็ให้ย้ายต้นกล้าตีนเป็ดมาปลูกในหลุมปลูกดินร่วน เน้นบริเวณที่เป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีเสาไฟหรือสายไฟฟ้าพาดผ่าน ปลูกให้ห่างจากตัวบ้านหรือแนวกั้นรั้วสักประมาณ 20-30 เมตร เพื่อไม่ให้รากขนาดใหญ่ชอนไชทำร้ายฐานรากของสิ่งก่อสร้าง
9. หูกระจง
เป็นไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงามแตกกิ่งเป็นชั้น ๆ เป็นไม้ที่ชอบน้ำ ที่ตั้งชื่อว่า หูกระจงเป็นเพราะลักษณะใบคล้ายกับหูกวาง แต่ใบหูกระจงจะมีขนาดเล็กกว่าหูกวาง สำหรับดอกมีสีขาวคล้ายดอกกระถินณรงค์ เมล็ดหูกระจงจะคล้ายกับเมล็ดพุทรา
วิธีดูแล : นำเอาเมล็ดหูกระจงไปแช่น้ำ จากนั้นแกะเปลือกออก โดยการเตรียมดินใส่ไว้ในหลุม เมื่อแกะเปลือกออกเรียบร้อยแล้
10. แสงจันทร์
แสงจันทร์เป็นไม้พุ่มชนิดหนึ่งที่มีใบบางค่อนข้างใหญ่สีเขียวอมเหลือง ซึ่งแตกต่างกับไม้ทั่วไปที่มักมีใบสีเขียวเข้ม
วิธีดูแล : เป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดดเพียงรำไร ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณ ปานกลาง ปลูกขึ้นได้ดีในดินที่อุดมสมบูรณ์ร่วนซุย อย่างไรก็ตาม ให้ระวังอย่าให้โดดแดดมากเกินไป เพราะจะทำให้ใบเหลืองและร่วงได้ง่าย รวมถึงเรื่องการรดน้ำ ให้รดแค่เพียง 5-7 วันต่อครั้งก็พอ อย่ารดมากเกินไปเพราะแสงจันทร์เป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องการน้ำมากและไม่จำเป็นต้องดูแลเยอะ เพียงแต่ถ้าช่วงไหนอากาศร้อนและแห้งแล้งหน่อย ๆ จะรดน้ำทุก ๆ 2-3 วันก็ได้
11. พุทธรักษา
พุทธรักษาเป็นพรรณไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนอวบน้ำ ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า มีการเจริญเติบโตโดยแตกหน่อเป็นกอคล้ายกับกล้วย
วิธีดูแล : ถ้าปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ควรใช้แปลงปลูกขนาด 2 x 10 เมตร โดยการยกร่องคล้ายแปลงปลูกผัก การเตรียมดินใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 10–20 กิโลกรัม/แปลง ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 แต่ถ้าปลูกเพื่อประดับบ้าน คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เป็นแนวรั้วบ้านหรือปลูกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ในพื้นที่ที่จำกัด ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก
การปลูกในกระถางเพื่อประดับอาคารบ้านเรือน ส่วนใหญ่ใช้เป็นดอกประดับภายนอก ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10–16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:แกลบผุ:ดินร่วนอัตรา1:1:1ผสมดินปลูกและควร เปลี่ยนกระถาง1-2ครั้งต่อปีเพราะการขยายตัวของหน่อแน่นเกินไป และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพ
12. ลีลาวดี
ไม้ยืนต้น มีขนาดตั้งแต่พุ่มเตี้ยแคระสูงประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงต้นที่สูงมาก อาจสูงถึง 12เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาและพุ่มใบสวยงาม
วิธีดูแล : หากจะปลูกต้นลีลาวดีควรใช้ต้นตอที่สมบูรณ์แข็งแรง ถ้าเป็นตอเพาะเมล็ดจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 5 เดือน และต้องไม่มีปุ๋ยตกค้าง(ไม่อัดปุ๋ย) ถ้าเป็นกิ่งชำควรจะชำไว้ไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ให้กิ่งออกใบและเห็นรากโผล่พ้นกรถางแล้ว(สำหรับเสียบยอดพันธุ์ขนาดใหญ่) จากนั้นรดน้ำต้นไม้และให้ต้นลีลาวดีโดนแสงอาทิตย์
13. มะยม
มะยมเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง สูง 5 – 10 เมตร ลำต้นตรงและแตกกิ่งก้านสาขาบริเวณปลายยอด กิ่งก้านจะเปราะและแตกง่าย ผิวเปลือกของลำต้นขรุขระสีเทาปนน้ำตาล
วิธีดูแล : การปลูกมะยมนิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ด โดยการใช้ผลมะยมที่แก่จัดและหล่นจากต้น หลังจากได้ผลมะยมมาแล้ว ให้ปล่อยผลมะยมเน่าเปื่อยจนเหลือแต่เมล็ด หรือให้ปอกเนื้อมะยมออกให้หมดจนเหลือแต่เมล็ด แล้วนำเมล็ดมาตากแดดจนแห้ง จากนั้นนำมาแช่ในน้ำร้อนประมาณ 1 นาที ก่อนลงเพาะในถุงเพาะชำ หรือ นำเมล็ดฝังดินบริเวณที่ต้องการให้เกิด ซึ่งให้ใส่เมล็ดประมาณ 2-3 เมล็ด/หลุม เมื่อกล้ามะยมเกิดแล้วค่อยถอนต้นออกให้เหลือต้นที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงต้นเดียว
และทั้งหมดนี้ก็เป็นต้นไม้ที่สามารถปลูกภายในเขตรั้วบ้านได้ หากใครอยากให้บ้านร่มรื่นและมีออกซิเจนเพิ่มเติม ก็ลองนำพืชเหล่านี้ไปปลูกกันดูได้นะคะ
ที่มา : tkc-panayaschool .