นอกจากการตกแต่งภายในบ้านแล้ว บรรยากาศรอบบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ภาพลักษณ์ของพื้นที่บ้านทั้งหมดดูน่าสนใจและสวยงาม นอกจากประโยชน์ด้านความสวยงามแล้ว การปรับภูมิทัศน์ยังให้ประโยชน์แก่ตัวบ้านและผู้อยู่อาศัยอีกด้วย เช่น ปกป้องตัวบ้านและผู้อยู่อาศัยจากแสงแดด
วันนี้ ในบ้าน จะพาเพื่อนๆ ชาวเว็บไปพบกับ 12 คำแนะนำในการจัดสวนรอบบ้าน ที่จะให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับหลากหลายวิธีในการจัดสวนและปรับภูมิทัศน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ และเข้ากันกับบริบทของแต่ละพื้นที่ จะมีวิธีและเทคนิคอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันได้เลยครับ
1. วางแผนการตกแต่ง
ก่อนอื่นจะต้องวางแผนการตกแต่งเสียก่อน เนื่องจากต้นไม้บางชนิดต้องการการดูแลที่แตกต่างกันออกไปออกไป บางชนิดต้องการแสงแดดมาก ก็ให้ปลูกในบริเวณที่แสงแดดส่องถึง แต่บางชนิดต้องการแสงน้อยก็ให้ปลูกหรือจัดในพื้นที่ร่มเงา
2. พิจารณาวางแผนอย่างรอบครอบ
ก่อนที่คุณจะจัดสวน ต้องพิจารณาให้รอบครอบว่าต้นไม้ที่เลือกใช้นั้นว่าในระยะยาว จะมีผลกระทบต่อพื้นที่ หรือโครงสร้างของบ้านหรือไม่ เช่น รากของไม้บางชนิดอาจสร้างความเสีบหายกับโครงสร้างของบ้าน รวมถึงการจัดวางที่จะต้องไม่ก่ออันตรายแก่สมาชิกในบ้าน เช่น การปลูกพืชที่มีหนามไว้ในส่วนที่มีการใช้งานบ่อย อาจเสี่ยงต่อเกิดอุบัติเหตุ
3. จัดสรรและใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่าง
พื้นที่ว่างรอบบ้านสามารถปลูกต้นไม้เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกบ้าน รวมถึงเป็นสิ่งบดบังสายตาจากภายนอกบ้านได้เป็นอย่างดั ถ้าจัดรูปแบบของสวนอย่างเหมาะสม นอกจากนั้นพื้นที่สวนบางส่วนยังสามารถจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมของครอบครัว เช่น การประกอบอาหารนอกบ้าน
4. พิจารณาปริมาณแสงแดด
พิจารณาปริมาณแสงแดดให้เหมาะสมแก่ภูมิทัศน์ และตัวบ้านว่าควรจะปรับภูมิทัศน์ให้เหมาะสมอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากในแต่ละมุมของบ้าน แสงที่สาดลงมามีปริมาณที่แตกต่างกันไป จึงต้องคำนึงถึงชนิดของพืชที่ในการปลูกให้มีความเหมาะสมกับปริมาณของแสงในพื้นที่
5. ลองปลูกไม้พันธุ์ใหม่ๆ
ลองศึกษาพืชสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่คุณไม่เคยปลูกมาก่อน เพื่อให้เกิดความหลากหลายของรูปแบบสวน และสายพันธุ์พืชภายในบ้าน อย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่สวน และอุปกรณ์ดูแลสวนของเรามีความเหมาะสมกับพื้ชสายพันธุ์นั้นๆ
6. คำนึงถึงปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของพืช
ในการปลูกพืชแต่ละชนิดจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ ภูมิอากาศ ปริมาณแสงแดด ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน ทิศทางลม ยังรวมไปถึงพิจารณาความต้องการน้ำของพืช เพื่อการออกแบบการจัดการปริมาณน้ำภายในสวนที่มีความเหมาะสม
7. เลือกใช้ของตกแต่ง และวัสดุที่หลากหลาย
นอกจากต้นไม้แล้ว การเลือกใช้ของตกแต่งอื่นๆ เช่น ไม้ ก้อนหิน หรือโคมไฟ เป็นของตกแต่ง รวมถึงการสร้างศาลาหรือพื้นที่ชมสวนขนาดเล็กภายในสวน จะช่วยสร้างบรรยากาศให้กับภูมิทัศน์ได้เป็นอย่างดี และควรจัดวางให้เหมาะสม ไม่ให้ดูทึบหรือแออัดจนเกินไป
8. เพิ่มลูกเล่นการออกแบบ
คุณอาจจะลองออกแบบการจัดวางต้นไม้แต่ละชนิดให้เกิดความสมดุล เช่น การปลูกพืชที่มีชนิดเดียวกัน หรือมีความคล้ายกัน หรือการคลุมแปลงดอกไม้ด้วยฟางหรือหญ้าเพื่อช่วยให้แปลงดอกไม้คงความชุ่มชื้น และการใช้ประโยชน์จากกรวดและหินเพื่อความสวยงาม
9. เลือกใช้ดอกไม้หลากสีสัน และไม้พุ่ม
เพิ่มความสวยงามให้แก่สวนด้วยการเลือกใช้ดอกไม้สีสันหลากหลายเพื่อให้ความสวยงาม พืชบางชนิดสามารถจัดวางให้มีลักษณะเป็นแนวขอบพื้นที่หรือขอบรั้วไเ้ รวมไปถึงไม้พุ่มขนาดพอเหมาะกับพื้นที่ เพื่อให้สวนดูน่าดึงดูดและเหมาะแก่พักผ่อนยิ่งขึ้น
10. เพิ่มลูกเล่นให้สวนดูโดดเด่น
เพิ่มลูกเล่นให้สวนโดยการเลือกใช้ต้นไม้ที่มีลักษณะโดดเด่น เช่น การเลือกใช้ต้นไม้ที่มีลักษณะของใบที่แปลกตา มีใบขนาดใหญ่ พันธุ์ไม้หลากสีสัน จะช่วยเพิ่มความดึงดูด ความน่าสนใจและเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับสวนได้เป็นอย่างดี
11. ตกแต่งสวนด้วยบ่อน้ำหรือน้ำตก
การเพิ่มการตกแต่งพื้นที่ภายในสวนด้วย บ่อน้ำ หรือน้ำตกเล็กๆ นอกจากจะช่วยสร้างความชุ่มชื่นและเป็นแหล่งน้ำให้แก่ต้นไม้รอบบริเวณแล้ว เสียงของน้ำให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย และทำให้พื้นที่สวนดูสวยงามและโดดเด่นยิ่งขึ้น
12. ออกแบบทางเดินให้ดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์
แทนที่จะออกแบบทางเดินด้วยวัสดุธรรมดาอย่างปูนหรือคอนกรีต อาจจะลองเปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นๆ เช่น ก้อนหิน ไม้ หรือพืชบางชนิด ก็จะช่วยให้ทางเดินภายในสวนดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น
ที่มา : homedesignlover .