การก่อสร้างบ้าน นอกจากจะมุ้งเน้นเรื่องของความสวยงาม และแบบแปลนพื้นที่ใช้สอยภายในแล้ว ในเรื่องของความแข็งแรงและความมั่นคง ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรได้รับความใส่ใจเป็นอย่างมาก ดังนั้น การจะก่อสร้างบ้านแต่ละครั้งจึงจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้นตอน เพื่อให้บ้านมีโครงสร้างที่ถูกต้องตามรูปแบบ และลดปัญหาความผิดพลาดระหว่างผู้รับเหมาและเจ้าของบ้าน
และในเรื่องของ ‘ลำดับขั้นการก่อสร้าง’ ไม่ใช่แค่เพียงผู้รับเหมาเท่านั้นที่ควรทราบ แต่เจ้าของบ้านเองก็ควรทราบข้อมูลต่างๆ ไว้ด้วยเช่นกัน เพราะขั้นตอนเหล่านี้ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับลำดับงวดงานควบคู่กับการจ่ายเงิน เจ้าของบ้านจึงควรศึกษาไว้ เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงานในเบื้องต้น หลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
วันนี้ ในบ้าน จะพาชาวเว็บทุกท่านไปเรียนรู้ 10 ลำดับขั้นตอนสำหรับ ‘ก่อสร้างบ้าน’ เป็นข้อมูลจาก SCG Building Material รวบรวมไว้ด้วยรายละเอียดและลำดับขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างบ้าง ไล่ตั้งแต่โครงสร้างจากชั้นหนึ่ง และชั้นสองตามลำดับ ไปจนถึงติดตั้งหลังคา ก่อผนัง และเตรียมงานระบบ เนื้อหาจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามกันเลยค่ะ
1. เตรียมพื้นที่
เมื่อมีแบบก่อสร้างบ้าน และทำสัญญากับผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว ทางผู้รับเหมาจะเริ่มเข้าหน้างานเตรียมพื้นที่ กำหนดจุดวางและขนย้ายเครื่องมืออุปกรณ์ อาจมีสถานที่พักสำหรับคนงาน (ในกรณีที่คนงานพักในพื้นที่) หากมีบ้านเดิมจะต้องรื้อถอนออกก่อน หรือหากเป็นที่ดินเปล่าจะมีการขอน้ำและไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับใช้งาน
สำหรับงานเตรียมพื้นที่ จะครอบคลุมอยู่หลายเรื่อง ตั้งแต่ระดับพื้นบ้านที่ต้องพิจารณา อาจต้องถมที่ดินเพื่อปรับระดับ ให้เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปจะถมให้สูงกว่าระดับถนน 50-80 ซม. และควรสูงกว่าท่อระบายน้ำสาธารณะ ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการถมดินอยู่ในช่วงหน้าแล้ง (ช่วงเดือนธันวาคม – พฤษภาคม) เพราะสามารถทำงานได้สะดวก ได้ดินที่แน่นและมีคุณภาพ เพราะหากถมในช่วงหน้าฝนอาจเกิดเหตุการณ์ดินไหลได้
2. งานวางผังอาคาร
เมื่อเตรียมพื้นที่เรียบร้อย จะเริ่มวางผังแนวอาคารซึ่งเป็นการกำหนดตำแหน่งของเสาเข็มโดยอ้างอิงจากแบบ เพื่อให้ทุกฝ่ายทั้งเจ้าของบ้าน ผู้ออกแบบ วิศวกร บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทรับเหมางานเสาเข็มมีความเข้าใจที่ตรงกัน ในขั้นตอนนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับระยะต่างๆ ให้เหมาะสมได้เนื่องจากอาจพบอุปสรรคที่หน้างาน เช่น แนวต้นไม้ใหญ่ แนวเสาเข็มโครงสร้างอาคารเดิม หรือตำแหน่งอาคารข้างเคียงที่มีผลต่อพื้นที่ใช้สอยอาคาร เป็นต้น โดยผู้รับเหมาจะนำเสนอแนวทางแก้ไขให้ผู้ออกแบบเซ็นชื่อรับรอง เพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไป
3. งานเสาเข็ม
สำหรับงานเสาเข็มมักจะจ้างบริษัทรับเหมางานเสาเข็มโดยเฉพาะ ซึ่งทางผู้ออกแบบจะสำรวจหน้างานและกำหนดมาแล้วว่าบ้านแต่ละหลังเหมาะจะใช้เสาเข็มประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นเสาเข็มตอกหรือเสาเข็มเจาะ
การตรวจสอบคุณภาพเสาเข็มต้องทดสอบความแข็งแรง (Load Test) สามารถรับน้ำหนักได้ตามมาตรฐาน ไม่เยื้องศูนย์ แต่หากเกิดความผิดพลาดหรืออุปสรรคในการตอกหรือเจาะเสาเข็ม ผู้ออกแบบอาจต้องแก้ไขแบบเพื่อให้เสาเข็มและฐานรากดังกล่าวสามารถรับน้ำหนักได้ นอกจากนี้สำหรับการตัดหัวเสาเข็มเพื่อเตรียมหล่อฐานราก ผู้รับเหมางานเสาเข็ม และผู้รับเหมาหลักต้องยืนยันระดับฐานรากให้ตรงกันก่อนส่งต่องาน
4. งานฐานรากโครงสร้างชั้นล่าง
เมื่อตัดหัวเสาเข็มแล้ว ผู้รับเหมาหลักจะเริ่มงานส่วนโครงสร้างฐานราก ซึ่งประกอบด้วยฐานรากและเสาตอม่อ จากนั้นจึงขึ้นโครงสร้างชั้น 1 ซึ่งประกอบด้วย คานคอดิน เสา คาน และพื้นชั้นล่าง โดยอาจอาจเลือกเป็นพื้นหล่อในที่ (พื้นห้องน้ำ) ร่วมกับพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป
หากโครงสร้างต่างๆ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ควรมีขนาดและค่ากำลังอัด ตามที่วิศวกรได้คำนวณไว้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการบ่มคอนกรีต และถอดแบบค้ำยัน ช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ประมาณ 14-28 วัน ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและประเภทปูน) เพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรง พร้อมรับน้ำหนักโครงสร้างอื่นๆ ต่อไป แต่ในกรณีที่สร้างบ้านโครงสร้างเหล็ก ก็จะเริ่มนำชิ้นส่วนเหล็กในแต่ละส่วนมาเชื่อมกันทั้งในส่วน เสา คาน ตง เป็นต้น
ในระหว่างขั้นตอนนี้ จะมีการขุดดินเพื่อวางระบบสุขาภิบาล เช่น บ่อพัก Manhole ระบบท่อน้ำทิ้ง ท่อประปา เป็นต้น ซึ่งเจ้าของบ้านควรถ่ายรูปและจดบันทึกตำแหน่งและระยะงานระบบเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงหากมีการซ่อมแซมในอนาคต
5. งานโครงสร้างชั้นสอง โครงหลังคา และโครงสร้างงานระบบสุขาภิบาล
งานโครงสร้างชั้นสองก็ทำเช่นเดียวกับโครงสร้างชั้นล่าง ทั้งเสา คาน อเส (คานหลังคา) และอาจมีงานหล่อชิ้นส่วนตกแต่ง เช่น บัว กันสาด ขอบปูน ซึ่งโครงสร้างแต่ละส่วนจะต้องใช้ระยะเวลาบ่มคอนกรีตเช่นเดียวกับโครงสร้างชั้นล่าง นอกจากนี้จะเริ่มขึ้นโครงหลังคา ซึ่งมีหลายประเภท เช่น โครงหลังคาเหล็ก หรือโครงหลังคาสำเร็จรูป เป็นต้น
ในส่วนของงานระบบประปาและสุขาภิบาลทั้งถังเก็บน้ำใต้ดิน ท่อน้ำทิ้ง และถังบำบัดจะถูกติดตั้งในช่วงนี้โดยสมบูรณ์เพื่อเตรียมการเดินท่อเข้าภายในบ้าน
6. งานมุงหลังคา และโครงสร้างบันได
เมื่องานโครงสร้างหลักเสร็จเรียบร้อย จะเริ่มติดตั้งวัสดุมุงหลังคาเพื่อให้ภายในบ้านมีร่มเงาและลดอุปสรรคจากลมฟ้าอากาศในการทำงาน ในช่วงนี้จะเริ่มหล่อโครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือติดตั้งบันไดเหล็กตามที่แบบระบุ นอกจากนี้อาจเก็บงานโครงสร้างในส่วนอื่นๆ ให้พร้อมก่อนเริ่มงานก่อผนังและติดตั้งวัสดุปิดผิว
7. งานก่อผนัง ติดตั้งวงกบไม้ประตู-หน้าต่าง และงานระบบไฟฟ้า-ประปา
เมื่อมุงหลังคาเรียบร้อย จะเข้าสู่ขั้นตอนการก่อผนังและหล่อเสาเอ็น – คานเอ็น ในขั้นตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับบ้านแต่ละหลังว่าเลือกใช้ผนังบ้านแบบใด เช่น ผนังก่ออิฐ หรือผนังเบา ซึ่งในช่วงนี้จะเดินท่องานระบบต่างๆ ที่ฝังในผนังไปด้วย ทั้งระบบไฟฟ้าและประปา รวมถึงติดตั้งวงกบไม้ประตูหน้าต่างตามตำแหน่งที่ระบุตามแบบ
8. งานฉาบผนัง และงานติดตั้งฝ้าเพดาน
ในงานฉาบผนังก่ออิฐ จะต้องจับปุ่ม จับเซี้ยม หรืออาจขึงลวดกรงไก่ เพื่อฉาบผนังให้เรียบสม่ำเสมอ ส่วนผนังเบาจะต้องฉาบเก็บรอยต่อระหว่างแผ่นผนังให้เรียบเนียน เตรียมพร้อมก่อนขั้นตอนการปิดผิว ในขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความชำนาญของช่างเพื่องานที่ละเอียดเรียบร้อย ผนังต้องได้ดิ่ง-ฉากทุกพื้นที่
สำหรับฝ้าเพดานจะมีการกำหนดระดับความสูงตามแบบทั้งภายในและภายนอกบ้าน โดยติดตั้งโครงฝ้าและปิดด้วยวัสดุฝ้าเพดาน เช่น แผ่นยิปซั่ม แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นต้น ในขั้นตอนนี้จะมีการติดตั้งระบบไฟฟ้า โคมไฟ และช่องเซอร์วิสไปพร้อมกัน
9. งานวัสดุตกแต่งพื้นผิว ติดตั้งอุปกรณ์ ติดตั้งประตู-หน้าต่าง และงาน Build-In
เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความประณีตของช่างอย่างมาก เพราะทำให้บ้านเนี้ยบสวยงาม ซึ่งในขั้นตอนนี้จะประกอบไปด้วย…
9.1 วัสดุตกแต่งผนังและพื้น
ขึ้นอยู่กับการออกแบบและความชอบของเจ้าของบ้าน โดยวัสดุพื้นผิวผนัง เช่น ทาสี ฉาบสกิมโค้ท ปูกระเบื้องเซรามิก ติดวอลล์เปเปอร์ ฯลฯ ส่วนวัสดุพื้น เช่น หินขัด กรวดล้าง/ทรายล้าง ปูกระเบื้องเซรามิก ไม้ปาร์เกต์ ไม้ลามิเนต เป็นต้น
9.2 ระบบแสงสว่างและติดตั้งดวงโคมการติดตั้งแสงสว่างและหลอดไฟจะเริ่มในช่วงนี้เพราะติดตั้งฝ้าเพดาน โคมไฟ
และเดินงานระบบเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ช่างจะเดินสายไฟเชื่อมกับสวิตช์ไฟ ปลั๊ก และติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
9.3 ติดตั้งบานประตู หน้าต่างไม้ ชุดประตู-หน้าต่างไวนิล/อะลูมิเนียม
ขั้นตอนนี้จะเป็นการติดตั้งบานประตู บานกระจก หน้าต่างเข้ากับวงกบไม้ที่ติดตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงติดตั้งชุดประตู-หน้าต่างไวนิลหรืออะลูมิเนียมเข้ากับผนังที่เว้นช่องไว้ ซึ่งขอบผนังโดยรอบต้องเรียบสม่ำเสมอ ได้ระดับดิ่ง-ฉาก เพื่อให้ชุดประตู-หน้าต่างติดตั้งได้พอดี ลดความเสี่ยงการรั่วซึมในอนาคต
9.4 งาน Build-in
ด้านงาน Build-in อาจมารวมอยู่ในช่วงนี้ได้ เช่น ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ เคาน์เตอร์ครัว เป็นต้น
9.5 ติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และอุปกรณ์เครื่องครัว
วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อติดตั้งแล้วควรคลุมด้วยพลาสติกเพื่อป้องกันฝุ่นละออง รอยขีดข่วน และสีที่อาจกระกระเด็นเปรอะเปื้อนในช่วงการเก็บงาน
9.6 สวนและทางเดินรอบบ้าน
อาจเริ่มทำในช่วงนี้ หรืออาจทำในช่วงที่บ้านสร้างเสร็จแล้วก็ได้
10. ทำความสะอาดและตรวจความเรียบร้อยในขั้นตอนการเก็บงาน
ช่างจะเก็บรายละเอียดต่างๆ เช่น งานทาสี ตรวจสอบงานระบบต่างๆ ซึ่งในช่วงนี้เจ้าของบ้านควรเข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าเจอข้อผิดพลาด ควรแจ้งให้ช่างแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนจะส่งจะส่งมอบงาน จากนั้นจะเริ่มทำความสะอาด (โดยมากจะจ้างบริษัททำความสะอาดหลังงานก่อสร้างโดยตรง) แล้วเสร็จจนพร้อมส่งมอบงานให้เจ้าของบ้านขนย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้าอยู่
ที่มา : SCG Building Material .