สิ่งที่จะแต่งแต้มให้สวนเราสวยงามก็คือ ดอกไม้ นานาชนิด นอกจากสีสันที่สดใสแล้ว ดอกไม้บางชนิดยังมีกลิ่นหอมเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวอีกด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนับมาประดับสวน
วันนี้ ในบ้าน ก็จะมาแนะนำให้ชาวเว็บได้รู้จักกับ 10 ดอกไม้สำหรับจัดสวนกลางแจ้งที่มีกลิ่นหอมฟุ้ง หอมสดชื่นทั้งวัน ใครที่กำลังหาดอกไม้หอมๆ มาประดับสวนกันอยู่ ตามมาดูกันเลยครับ
แนะนำ 10 ดอกไม้จัดสวนกลางแจ้ง กลิ่นหอมฟุ้ง หอมสดชื่นทั้งวัน
1. มะลิ
มะลิเป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 1-2 เมตร ดอกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ โดยการนำกิ่งพันธุ์ที่กึ่งอ่อนกึ่งแก่ ความยาว 4 นิ้ว ลิดใบออก ปักลงในดินร่วนผสมทราย แกลบ และปุ๋ยคอก เมื่อดูแลรดน้ำจนรากออก ให้ย้ายไปปลูกในถุงเพาะต้นกล้าจนแข็งแรง แล้วค่อยย้ายมาปลูกในกระถางใหญ่ ดูแลด้วยการรดน้ำวันละ 2 ครั้ง ระวังอย่าให้แฉะจนเกินไป ใส่ปุ๋ยคอก ตั้งกระถางให้โดนแดดจัด ตัดแต่งกิ่งให้ต้นแตกตาบ้าง
2. แก้ว
นอกจากปลูกในสวนแล้ว ยังสามารถปลูกต้นแก้วเพื่อทำแนวรั้วได้ด้วย นอกจากนี้ตอนกลางคืนจะหอมไกลไปทั่วทั้งสวนเลยทีเดียว หากจะปลูกให้หาพันธุ์ต้นกล้ามาปลูกจะง่ายกว่า โดยนำมาปลูกในหลุมดินร่วนผสมปุ๋ยหมักขนาด 30×30 เซนติเมตร ดูแลรดน้ำวันละ 3 ครั้ง ตั้งให้โดนแดด หมั่นใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกปีละ 5 ครั้ง แต่ถ้าปลูกในกระถางก็ควรเปลี่ยนกระถางบ้าง เพื่อให้รากเจริญเติบโตได้เต็มที่
3. กุหลาบ
กุหลาบเป็นไม้ดอกที่ให้ความสวยงาม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และสรรพคุณอีกมากมาย มีหลากหลายสายพันธุ์และสีสันที่แตกต่างกันออกไป วิธีปลูกจะต้องพิถีพิถันและดูแลอย่างใจเย็นถึงจะได้ผลดี เริ่มจากนำต้นพันธุ์ที่ต้องการมาลิดใบ โดยนับจากใบแรกลงไป 5 ใบ แล้วนำไปเพาะในถุงเพาะที่มีดินผสมปุ๋ยบำรุง รดน้ำตอนเช้า ตากแดดวันแรกประมาณ 1 ชั่วโมง และเพิ่มอีกวันละ 1 ชั่วโมงในวันต่อไปจนกว่าจะครบ 7 วัน เมื่อกุหลาบจะแตกตาใหม่ ให้นำไปปลูกลงในกระถางที่มีดินรองอยู่ 3 นิ้ว เติมดินและกลบโคนต้นด้วยขุยมะพร้าวที่แช่น้ำไว้ 1 คืน ดินต้องระบายน้ำได้ดี ไม่ไหลผ่านช้าและไม่เร็วจนเกินไป วางให้โดนแดดวันละ 6 ชั่วโมง รดน้ำที่โคนต้นวันละ 2 ครั้ง อย่าให้ดินชื้นแฉะจนเกิดโรครา
4. สายหยุด
ไม้เลื้อยที่ออกใบกว้างช่วยบังแดด และออกดอกสีเหลืองนวล ส่งกลิ่นหอมสดชื่นไปทั่วทั้งสวน การปลูกสายหยุดนิยมปลูกด้วยเมล็ด โดยการนำเมล็ดสายหยุดมาปลูกลงในดินร่วนผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เพื่อบำรุงให้ดินอุดมสมบูรณ์ รดน้ำให้ชุ่มวันละ 1 ครั้ง แต่ต้องระวังอย่าให้แฉะจนเกินไป และเป็นไม้ดอกที่ชอบแดดมาก
5. ปีบ
อีกหนึ่งในต้นไม้มงคลที่คนไทยนิยมนำมาปลูกไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่าจะให้โชคเรื่องทรัพย์ และเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ออกดอกสีขาวอมชมพู ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไปทั่วทั้งสวน วิธีการปลูกเริ่มจากนำเมล็ดมาปลูกลงในหลุมขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ใส่ดินร่วนผสมปุ๋ยหมักในอัตราส่วนที่เท่ากัน ดูแลรดน้ำปานกลาง อย่าให้แฉะจนเกินไป ชอบแดดจัด ใส่บำรุงปุ๋ยปีละ 4-5 ครั้ง ที่สำคัญต้องวัดระยะห่างจากตัวบ้านให้ได้ร่มเงาที่พอดีด้วย
6. โมก
แม้ต้นโมกจะดูคล้ายคลึงกับต้นแก้ว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือ ต้นโมกจะส่งกลิ่นหอมสดชื่นทั้งวัน ต่างจากต้นแก้วที่ส่งกลิ่นหอมในตอนกลางคืน นิยมนำมาทำแนวกั้นรั้วบ้าน เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับบ้านได้อีกด้วย การปลูกต้นโมกจะต้องนำต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์มาปลูกลงกระถางหรือหลุมปลูกที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยคอกกับขุยมะพร้าว ดูแลรดน้ำปานกลาง อย่าปล่อยให้มีน้ำขัง บำรุงปุ๋ยปีละ 4 ครั้งและตั้งให้โดนแดดจัด
7. พุดซ้อน
นอกจากจะส่งกลิ่นหอมแล้ว ยังเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าช่วยให้ผู้ปลูกประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย ต้นพุดซ้อนเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ออกใบหนาเป็นทรงพุ่ม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ให้นำมาปลูกลงในหลุมดินร่วนที่ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ขนาดหลุมประมาณ 50x50x50 เซนติเมตร รดน้ำปานกลาง ต้องดูแลเรื่องน้ำขังเป็นพิเศษ ชอบแดดจัด และบำรุงปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
8. กรรณิการ์
จัดว่าเป็นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ 2-4 เมตร คนไทยนิยมปลูกเช่นเดียวกัน ดอกจะบานในตอนกลางคืน มีกลิ่นหอมแรง ออกดอกสีขาวตลอดทั้งปี แถมยังนำมาใช้เป็นสมุนไพรได้อีกด้วย ขยายโดยการเพาะเมล็ดและปักชำกิ่ง ลงในดินร่วนซุยที่ผสมปุ๋ยคอก ให้มีสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์ วางไว้ในที่ที่มีแดดรำไร เพื่อรักษาความชื้นของดินเอาไว้ รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ เน้นรดที่โคนต้น มิเช่นนั้นดอกจะเน่าง่าย และหมั่นตัดแต่งกิ่งเพื่อทำให้แตกยอดใหม่เรื่อย ๆ
9. ชมนาด
อีกหนึ่งไม้เลื้อยที่สามารถนำมาทำซุ้มบังแดด เพราะส่งกลิ่นหอมสดชื่นยาวนานและยังมีสรรพคุณทางสมุนไพรอีกด้วย วิธีการปลูกให้นำต้นกล้ามาปลูกในหลุมดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ดูแลรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะวันละ 2 ครั้ง และหลังจากที่ต้นโตเต็มที่แล้วให้เปลี่ยนมารดแค่วันละ 1 ครั้ง ตั้งให้โดนแสงแดดที่เพียงพอ เพื่อให้ออกดอกได้จำนวนมาก และบำรุงด้วยปุ๋ยหมักเดือนละ 1 ครั้ง
10. หอมเจ็ดชั้น
ไม้พุ่มขนาดกลาง ออกดอกเป็นช่อสีขาวและสีเหลือง จุดเด่นคือส่งกลิ่นหอมหวานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง เพราะรอเพียงแค่ 2 เดือน รากก็จะงอกออกมา แต่ก็สามารถปลูกด้วยเมล็ดได้เช่นกัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ต้นแข็งแรงกว่า โดยนำเมล็ดมาปลูกลงดินร่วนปนทราย ดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ เน้นน้ำมากแต่ต้องไม่แฉะจนเกิดน้ำขัง ชอบแดดจัด แรก ๆ ดอกจะมีสีขาวแล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง
ที่มา : Kapook