เชื่อว่าวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน มีหลายคนที่มีแนวคิดอยากจะเป็นเจ้าของกิจการด้วยตัวเอง ซึ่งก็มีกิจการยอดนิยม เช่น คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม เป็นต้น โดยบางคนอาจจะต้องใช้วิธีการเช่าที่เพื่อดำเนินธุรกิจ แต่สำหรับคนที่มีบ้าน หรือมีอาคารเก่าอยู่แล้ว ก็อาจจะใช้วิธีการปรับปรุง และตกแต่งสถานที่ใหม่ให้ตรงตามความต้องการของเราก็ได้
วันนี้ ในบ้าน ก็มีเรื่องราวที่เป็นประโยชน์จากคุณ สมาชิกหมายเลข 1248097 ที่ได้ทำการ เปลี่ยนบ้านไม้เก่า ให้กลายเป็นคาเฟ่ในฝัน โดยขั้นตอนการออกแบบ และลงมือปรับปรุงจะทำด้วยตัวเองทั้งหมด จึงได้องค์ประกอบทุกอย่างได้ตรงใจที่สุด เราไปชมเรื่องราวครั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูล และไอเดียกันได้เลยครับ
เปลี่ยนบ้านไม้เก่า เป็นคาเฟ่ในฝัน สาวออฟฟิศลุยรีโนเวทเอง
(ฉบับไม่จ้างช่าง)
(โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 1248097)
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้จะมาบอกเล่าเรื่องราว เกี่ยวกับการเปลี่ยนร้านเล็กๆ ในบ้านไม้เก่า เป็นคาเฟ่ในฝันด้วยตัวเองค่ะ
ด้วยความที่ตัวเองชอบทำกับข้าว และเริ่มทำอาหารขายที่ออฟฟิศตัวเอง ซึ่งก็มีออเดอร์มาเรื่อยๆ จัดได้ว่าขายดีค่ะ เลยอยากเปิดร้านคาเฟ่ที่เน้นอาหารอร่อยๆ ที่ไหนสักแห่ง
เริ่มต้นคือได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินแปลงนึงจากทางบ้านแฟน แต่ประเมินค่าใช้จ่ายแล้วสร้างร้านขึ้นมาใหม่น่าจะใช้ทุนเยอะมาก
เรากับสามีเลยเริ่มมองหาตึกแถวราคาดีๆ จนมาได้ร้านเล็กๆ ในบ้านไม้เก่า หน้าโรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรีค่ะ
.
หลังจากตกลงที่จะทำร้านที่นี่ก็ประเมินดูแล้วว่า เราน่าจะต้องปรับปรุงร้านเพิ่มเติม โดยเราตัดสินใจที่จะรีโนเวทร้านนี้ด้วยตัวเองค่ะ เพราะมีพื้นฐานงานช่างจากพ่อที่เป็นผู้รับเหมามาก่อน
สิ่งที่เราคิดคือจะต้องทาสี ปรับภูมิทัศน์ ให้ดูสวยสะอาดขึ้น เพราะเราเป็นร้านอาหารค่ะ
ร้านก่อนรีโนเวท ค่อนข้างเก่า และทรุดโทรมค่ะ เราเลยวางแผนว่าจะปรับพื้นที่ใหม่ดังนี้
1. ทาสีใหม่
2. โป๊รอยแตก รอยเจาะผนังให้เรียบ
3. ย้ายแอร์ไปในตำแหน่งที่เหมาะสม (ใช้ช่างแอร์)
4. เพ้นท์กำแพงเป็นชื่อร้าน และวาดลวดลายธีมจักรวาล / กาแล็กซี่ อะไรแบบนั้น
5. ตกแต่งส่วนต่าง ๆ
งานนี้มีผู้ช่วย 1 คน จริงๆ เป็นคนที่จะมาทำร้าน แต่นางพอทำงานช่างได้เลยเราเลยให้มาช่วยค่ะ
อันนี้เป็นภาพด้านในร้าน
เราเริ่มจากการทำความสะอาดก่อน โดยวางระยะเวลาในการโป๊ผนัง และทาสีให้เสร็จใน 1 อาทิตย์ค่ะ
ด้านนอกตัวร้าน งานเก่าไม่เรียบร้อยและต้องแก้ และเก็บหลายอย่างค่ะ
ผนังเดิมทำจากไม้อัด เลยไม่เรียบสม่ำเสมอ และดูแล้วผู้เช่าเก่าน่าจะทาสีเอง สีเลยไม่เรียบสวย และมีเลอะบางส่วนค่ะ แต่ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าเราไม่ใช่ช่าง เพียงแต่มีความรู้ และพยายามหาความรู้เกี่ยวกับงานช่าง
เราจะมีพื้นฐานจากพ่อที่ทำงานด้านนี้มานาน แต่ครั้งนี้เราลงมือเองทั้งหมดเพราะพ่ออายุมากและสายตาไม่ดีค่ะ
เมื่อทำความสะอาดแล้วขั้นตอนต่อไปคือต้องทำความสะอาดสีเก่าที่หลุดร่อน และเริ่มโป๊กำแพงที่เป็นรู จากการถูกเจาะจนเป็นรูพรุนค่ะ
อุปกรณ์คือใช้ปูนโป๊และเกรียงบ้านๆ เลย ซื้อมาคนละอันช่วยกันกับผู้ช่วย ราคาถ้วยละ 60-80 บาท ตอนแรกซื้อมาอันเดียวกะว่าอยู่ สบายๆ
ปรากฏหมดไป 3 ถ้วย เพราะกำแพงเยินมาก ด้วยความที่เจ้าของบ้านไม่ค่อยเคร่งครัดค่ะ ผู้เช่าเลยเจาะรูกันตามอำเภอใจ
กว่ากำแพงจะเริ่มใช้ได้แต่ไม่ถึงกับเนียนก็นานค่ะ จากสาวออฟฟิศในห้องแอร์ กลายเป็นกรรมกร กลับบ้านในสภาพเยินกว่ากำแพงร้านอีก
ตรงนี้ด้านนอกเป็นกำแพงกรุด้วยไม้อัด เลยต้องใช้ปูนโป๊กลบรอยต่อเยอะหน่อยค่ะ
หลังจากนั้นปล่อยให้แห้ง จริงๆ คือทำงานแข่งกันเวลาค่ะ เพราะปูนมันแห้งเร็วมากเราเองก็ไม่ได้ชำนาญด้วย แต่ก็สู้ตายนะ
หลังจากโป๊กำแพงแบบถูๆ ไถๆ และรอแห้ง ก็จะได้ประมาณนี้
.
ส่วนตรงที่เป็นรูโบ๋ เราใช้เทปกาวแปะแล้วใช้ปูนโป๊ให้เนียนอีกชั้นค่ะ เพราะคิดว่าร้าน ไม่ใช่บ้าน น่าจะไม่ถาวรเท่าไร
ส่วนการโป๊ เรากับผู้ช่วยช่วยกัน 1 วันเต็มๆ เลยค่ะ กะให้เนียนที่สุด
หลังจากโป๊ร่อยรอยต่างๆ ดิฉันก็หายขัดใจค่ะ หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนของการทาสีผนัง โดยเริ่มจากในครัวก่อนค่ะ
แล้วไล่มาจนถึงหน้าร้าน
ก่อนทาสี ต้องปูกระดาษ/ผ้าใบ กันเปื้อนพื้นค่ะโดยใช่เทปกาวแปะกันซึม
เริ่มทาด้วยลูกกลิ้งปกติค่ะ ส่วนสีที่เลือกมาเป็นสีดำ เราชอบสีดำอยู่แล้ว และคิดว่า สีดำแต่งด้วยสีอะไรก็สวยค่ะ
.
ภาพก่อนและหลังทาสี
เคล็ดลับทาสีให้สวยฉบับเราเอง : เก็บพื้นผนังให้เรียบก่อน รวมถึงต้องทำความสะอาดพื้นผนังให้สะอาด ทิ้งให้แห้งสนิทดี ค่อยลงสี ส่วนสีเข้ม ต้องลงซ้ำ 2-3 ครั้ง ที่สำคัญคือระหว่างทาสีต้องใส่หน้ากากป้องกันสารระเหยด้วยค่ะ
Before
ตู้ไม้เก่านี้เป็นของเจ้าของบ้าน เราขอให้เจ้าของบ้านช่วยเอาออกไป เพราะคงไม่ได้ใช้งานค่ะ
.
นี่คือผู้ช่วยของดิฉันเองค่ะ นางทำได้ทุกอย่างทั้งอาหาร และเป็นลูกมืองานช่างด้วย
มาถึงการทาสีห้องกลางค่ะ ซึ่งจะเป็นทางผ่าน ตรงนี้จะทำเป็นห้องพักผ่อน และจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ มีแผนก่อนหน้านี้ว่าจะติดโคมไฟ หลักๆ จะเป็นพื้นที่ให้ลูกชายนั่งเล่นค่ะ
ด้านหน้าร้าน หลังโป๊สีค่ะ และขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการปรับปรุงหน้าร้านค่ะ เราตัดสินใจในนาทีสุดท้ายว่าจะทาสีดำจากตอนแรกที่อยากทาสีปูนเปลือย
เหตุผลคือพอลองทาสีดำในครัวแล้วสวยมาก ถูกใจค่ะ
ภาพจุดดำๆ คือเราแต้มสีจุดที่โป๊สีไว้ให้สีแน่นๆ ป้องกันตอนทาเสร็จสีออกมาด่างค่ะ
ที่สำคัญอย่าลืมนะคะทุกจุดจะต้องปูพื้นและแปะเทปกาว กันเลอะในจุดที่ไม่ต้องการให้เลอะเช่น ปลั๊กไฟ พัดลม ค่ะ
มีบางวันที่ทำงานไม่เสร็จ ก็ต้องอยู่กันจนดึกค่ะ เพราะสีดำจะต้องทาซ้ำหลายรอบเลย
ส่วนอุปสรรคคืออุปกรณ์ต่างๆ เรามีไม่พอ เช่นบันไดที่ใช้ปีนไปทาสีในที่สูง แต่แก้ปัญหาด้วยการปีนโต๊ะขึ้นไปทาค่ะ
แต่หลังจากเสร็จงานก็ได้หลายแผลจากการปีนขึ้นๆ ลงๆ ค่ะ
.
เราตั้งใจว่าจะมีชื่อร้าน และเพ้นท์สีเองแบบง่ายๆ มีต้นแบบ และแรงบันดาลใจ มาจากแบบในต่างประเทศค่ะ
ส่วนโลโก้ร้าน เราใช้วิธีตัดสติ๊กเกอร์แล้วใช้สีถมลงไป ลอกออกแล้วเก็บขอบ เราเลือกสีน้ำเงินเข้มมา 1 ลิตร ค่ะเพราะใช้ไม่เยอะ
สีน้ำเงินนี้เราทาซ้ำทั้งหมด 3 รอบ และตามเก็บขอบอีก 1 ครั้งด้วยแปรง สีออกมาเนียนดีเลยค่ะ สามีชมด้วย ดีใจสุด ๆ
อันนี้คือแปะสติ๊กเกอร์เพื่อรอถมสีขาวลงไปเป็นชื่อร้านค่ะ ติ๊กเกอร์จ้างเขาตัดมา บางส่วนตัดเองค่ะ
แว๊บเอาภาพ backdrop หลังเพ้นท์มาให้ดูค่ะ ส่วนชื่อร้านมีที่มาจากการที่เราอยากได้ชื่อร้านพยางค์เดียว ซึ่งคำว่า ‘เค้ง’ เป็นคำที่เราใช้บ่อยค่ะ เพราะชอบใช้กับลูกชาย ที่ยังเล็ก เช่น เรียกให้มานอนเค้งค่ะ
ส่วนสีขาวที่เพ้นท์ สะท้องแสงที่สาดมาช่วงเย็นดีมากค่ะ อุปกรณ์ที่ใช้คือ ปลายด้ามพู่กัน จิ้มสีและแตะๆ ค่ะ แตะหลาย ๆ ครั้ง ได้ขนาดดาวเรียงจากใหญ่ไปเล็ก ไม่ยากเย็นอะไร
งานด้านในร้านเสร็จแล้วค่ะตอนนี้ ต่อกันที่การปรับปรุงพื้นที่ด้านหน้าร้านค่ะ เราใช้สีลอฟ บริเวณหน้าร้านค่ะ โดยสั่งสีมาราคา 4 กิโล 780 บาท และเกรียงที่แถมมาในกระป๋องเลยค่ะ
พอลองทำดูแล้ว ไม่ยากอย่างที่กังวลนะคะ แค่ต้องซ้ำ 2 รอบ ไม่จำเป็นต้องเกลี่ยให้เนียน เพราะเสน่ห์ของปูนเปลือยคือความไม่เนียนนี่หล่ะค่ะ
ปัญหาตอนนี้คือยังทำไม่เสร็จ เพราะต้องไปหาบันไดก่อน
แวะเอาเมนูอาหารที่เราจะทำขายที่ร้าน และ Delivery มาให้ชมไปพลางค่ะ จริงๆ แล้วทักษะของเรา ที่เราถนัดจริงๆ คือมีแค่การทำอาหารจริง ๆ นะ
แต่งานช่างนี่ เงินในกระเป๋าบังคับให้ทำเอง เรื่องถ่ายภาพก็เหมือนกันค่ะ ภาพอาหารต่างๆ เราก็ถ่ายเอง สวยบ้างไม่สวยบ้าง แต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องจ้างช่าง
.
.
.
.
ไฟป้ายเหลืองจากอิเกียค่ะ เพิ่มความเด่นให้ชื่อร้าน อันนี้วานคุณพ่อบ้านไปซื้อมาราคาประมาณ 300 บาท อันนี้ชอบมาก
อัพเดทความคืบหน้าค่ะ วันนี้มาติดโคมไฟ อันนี้ในไทยราคา 500-800 แต่เราสั่งมาจากต่างประเทศราคา 200 นิดๆ แต่รอนานหน่อย
พอติดโคมไฟแล้วใกล้ความจริงมาก
.
ภาพตอนเปิดไฟค่ะ
วันหยุดเลยมีเวลามาต่อนะคะ
วันนี้แผนของเราคือทำ 2 อย่าง
1. ทาสีลอฟท์ให้เสร็จ
2. ทำชั้นวางหนังสือนิทานของลูกที่ใช้ตกแต่งร้านค่ะ
หน้าตาออกมาพอดูได้
ส่วนชั้นวาง เราได้แบบมาจากใน pinterest เหมือนเดิมค่ะ
แบบจะเป็นประมาณนี้ เราซื้อไม้มาจากร้านไม้มัดละ 280 และไม้บัวเส้นละ 50 จำนวน 2 เส้นค่ะ
เลื่อยใช้เลื่อยเหล็กค่ะ รู้สึกถนัดกว่าเลื่อยไม้
ใช้น็อตเพื่อยึดไม้ด้วยกัน
ขั้นตอนการทาสีค่ะ
อัพเดท วันที่ 17 มิ.ย. 2562 ค่ะ วันนี้เป็นวันที่เราพยายามเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จ
เพราะเราสรุปแล้วว่าจะเปิดร้านวันเสาร์ที่ 22 มิ.ย.2562 นี้แล้วค่ะ ต้องพยายามเคลียร์ทุกอย่างให้จบในวันนี้
ทั้งสามีทั้งลูก เหนื่อยจนนั่งหลับค่ะ
เคาท์เตอร์มาส่งแล้วให้ความรู้สึกใกล้ความจริงมาก
สรุปงานในวันนี้ดำเนินไป 90% ความรู้สึกคือเหนื่อยจนจะร้องไห้ค่ะ แต่พอใจกับรูปแบบของร้าน
อัพเดทความคืบหน้าค่ะ เนื่องจากพรุ่งนี้ เราเปิดร้านเป็นวันแรกแล้ว วันนี้มาติดชั้นวางที่ต่อค้างไว้
บริเวณขอบจะมีรอยกาวต่างๆ เลอะค่ะ แต่กลับมาเก็บด้วยสีตามนี้
.
โซนเคาท์เตอร์ตรงนี้ค่ะ จะเป็นโซนทำน้ำปั่น และวางขนม รวมถึงน้ำสมุนไพรต่างๆ
ภาพถ่ายรวมๆ ของร้านก่อนกลับบ้านค่ะ
อัพเดทชั้นวางหนังสือค่ะ เพิ่งเสร็จเช้านี้หมาดๆ เลยค่ะ
ถ่ายภาพกับพีอาร์ร้านหน่อยค่ะ
แม้ว่าร้านจะเปิดแล้ว แต่งานตกแต่งก็ยังไม่เสร็จเสียที วันนี้มาติดตั้งภาพทีาผนัง เป็นภาพดวงจันทร์ค่ะ
ส่วนเคาท์เตอร์ก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอย มีของใช้วางรกขึ้น แต่ดูเป็นงานเป็นการมากขึ้น
ที่มา : สมาชิกหมายเลข 1248097
Facebook ร้าน : เค้ง – The Cafe .