มูส ขนมเนื้อละมุนที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชอบ สอดแทรกเอาฟองอากาศไว้จนฟูนุ่ม ตั้งแต่เนื้อเบานุ่มไปจนถึงเนื้อครีมละมุน มีรสชาติที่หลากหลาย ทั้งช็อคโกแล็ตมูส มูสมะนาว มูสวานิลลา ฯลฯ
วันนี้ ในบ้าน ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับ “ราสเบอรี่มูสเค้ก” สูตรเด็ดจากคุณ นำเอาส่วนผสมที่สุดลงตัวอย่างราสเบอรี่และมูสมารวมไว้ด้วยกัน จะอร่อยขนาดไหนนั้น ไปชมกันเลยค่ะ
ส่วนผสม
1. แคร็กเกอร์ทรงสี่เหลี่ยม 4 ชิ้น
2. ครีม 200 มิลลิลิตร
3. ราสเบอรี่ 150 กรัม (ใช้ได้ทั้งแบบสดและแช่แข็ง)
4. ราสเบอรี่สด 100 กรัม (สำหรับตกแต่ง)
5. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
6. เจลาติน ½ ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาล 7 ช้อนชา
8. น้ำมันพืช
วิธีทำ
1. ทาน้ำมันพืชบางๆ ที่ก้นภาชนะ หลังจากนั้นตัดกระดาษไขสำหรับทำขนมรองที่ก้นภาชนะและให้ปลายกระดาษเลยขึ้นมาเหนือขอบภาชนะประมาณ 2-3 เซนติเมตรเพื่อให้ง่ายต่อการดึงออกจากพิมพ์หลังจากมูสเซทตัวแล้ว
2. จัดเรียงแครกเกอร์ไว้ที่ก้นพิมพ์
3. ละลายเจลาตินในน้ำมะนาว เมื่อละลายเข้ากันดีแล้วตั้งพักไว้
4. เริ่มทำซอสราสเบอรรี่ โดยนำราสเบอรี่ 150 กรัมมาปั่นให้เนื้อเนียนละเอียด
5. เมื่อปั่นละเอียดแล้ว นำเนื้อที่ได้มากรองผ่านกระชอนเพื่อกรองเมล็ดออก
6. ราสเบอรี่ 150 กรัมจะได้ซอสราสเบอรี่ออกมาประมาณ 70 มิลลิลิตร
7. หลังจากนั้นตั้งเตาด้วยไฟอ่อนๆ ผสมซอสราสเบอรรี่กับน้ำตาล 5 ช้อนชาเข้าด้วยกัน ค่อยๆ อุ่นบนเตาจนเกิดฟองเล็กๆ ที่ขอบหม้อ เติมนำมะนาวที่ผสมเจลาตินลงไป คนไปเรื่อยๆ ราว 1 นาที จนเจลาตินละลายดี แล้วยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น
8. ผสมครีมและน้ำตาล 2 ช้อนชาในถ้วยผสม แล้วตีให้เข้ากันและตัวครีมเซทตัวดี
9. เติมซอสราสเบอรี่ที่พักไว้ใส่ลงในครีม
10. ใช้ไม้พายค่อยๆ คนให้เข้ากันอย่างเบามือ
11. เมื่อเนื้อครีมเริ่มเข้ากันดีและกลายเป็นสีชมพูทั่วกันแล้วถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ
12. ตักเนื้อมูสลงในพิมพ์แล้วเกลี่ยหน้ามูสให้เรียบโดยใช้ส้อมหรือช้อน
13. จัดเรียงราสเบอรี่สดบนเนื้อมูสให้สวยงาม หลังจากนั้น ปิดหน้าด้วยพลาสติกนำไปแช่ในตู้เย็นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อมูสเซทตัวดี
14. ขั้นตอนสุดท้าย นำออกจากตู้เย็น ค่อยดึงมูสออกจากพิมพ์ โดยดึงกระดาษไขที่เราใช้รองก้นพิมพ์ไว้ตอนแรก
.
เนื้อมูสเซตตัวแล้ว สีชมพูเข้ากันกับราสเบอรี่สดได้แบบสมบูรณ์แบบเลยค่ะ สวยจนไม่อยากตักมาทานกันเลยทีเดียว เป็นเมนูที่ทานเมื่อไหร่ก็สดชื่นไปกับรสชาติผลไม้และความนุ่มเบาของเนื้อมูส ซึ่งตัวมูสนี้ใช้ผสมกับผลไม้อะไรก็เข้ากันไปหมด เพื่อนๆ ลองนำไปใช้กับผลไม้ที่ชอบดูนะคะ
ที่มา : yumofchina