ในปัจจุบันจะเห็นว่าเทรนด์ในการรักษ์โลกกำลังมาแรงมาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนของเหลือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขยะที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ ไปจนถึงการนำของเหลือมาใช้ซ้ำนั่นเอง…
และวันนี้ ในบ้าน เลยอยากจะชวนเพื่อนๆ มาเปลี่ยน “เศษอาหารเหลือ” ให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง แทนที่เราจะต้องทิ้งเศษอาหารไปเปล่าๆ นั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะสาธิตวิธีโดย Eco Fellow ค่ะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยากแน่นอน
วิธีเปลี่ยน “เศษอาหารเหลือ” ให้กลายเป็น “ดินปุ๋ย” ลดปัญหาขยะเน่าเหม็น แถมได้ปุ๋ยธรรมชาติไว้ใช้ด้วย
(โดย Eco Fellow)
อยากชวนทุกคนมาลองเปลี่ยน “เศษอาหาร” ในบ้านให้กลายเป็น “ดิน” กัน
ปกติเวลากินข้าวไม่หมด ทุกคนทิ้งเศษอาหารที่เหลือกันยังไง?
ถ้าใครเขี่ย เขี่ย เขี่ย ลงถุงก๊อบแก๊บแล้ว ผูก ผูก ผูกให้แน่น เดินเอาไปทิ้งหน้าบ้าน อยากบอกว่า
เลิกเถอะ เสียดายของ
เพราะสุดท้าย พี่ๆ กทม. เขาจะขนขยะบ้านเราไปทิ้งบ่อฝังกลบ นอนเน่าเหม็นอยู่ในนั้นไปอีกนาน (ใครบ้านอยู่แถวบ่อขยะอ่อนนุชจะรู้เลยว่ากลิ่นมันฆ่าจมูกแค่ไหน)
อาหารที่ท้องเรารับไม่ไหวแล้ว อย่าไปทิ้งให้เสียดายของ มาเปลี่ยนมันให้เป็นดินดีๆ หอมๆ ด้วยถังใบเล็กๆ กันดีกว่า บ้านไหนก็ทำได้ ช่วยกันไม่ให้ “เศษอาหาร” ที่สมควรจะเป็น “ดิน” ต้องกลายเป็นขยะเน่าๆ ล้นโลกอีกต่อไป
เศษอาหารเป็นขยะที่ทุกบ้านต
นี่คือหน้าตา “ถัง” ที่เราจะโยนเศษอาหารเหลือลง
ปล. ถังไซส์นี้เหมาะกับบ้านที่อ
เพิ่มเติม : ใครที่สนใจถังใส่เศษอาหาร สามารถไปลองดูเพิ่มเติมที่ ผักDone ได้เลย (สามารถซื้อดินได้ที่นี่ด้ว
สำหรับใครที่มีภาพว่าการเปลี่ยนเศษอาหารเป็นดินคือต้องมีพื้นที่ ต้องหยิบจอบขุดดิน พรวนดิน หมักปุ๋ยเหนื่อยๆ นานๆ อยากจะบอกว่าไม่ใช่เลย เพราะถังนี้เปิดมาก็จะเจอดินอยู่ข้างใน ซึ่งจริงๆ แล้วดินอันนี้เป็น starter (หรือแปลเป็นไทยเต็มยศคือ วัสดุหมักตั้งต้น)
สรุปคือ ทุกคนสามารถช่วยลดขยะ ไม่ให้เศษอาหารไปอี๋ๆ ได้ด้วยการแค่เขี่ยอะไรที่เรากินไม่หมดลงถัง จบ ไม่ได้ต้องเปลี่ยนอะไรเยอะเลย นอกจากเขี่ยใส่ถุงมาลงถังเท่านั้นเอง
ส่วนข้างล่างถังจะมีดินเผาล
วิธีใช้ถังนี้ง่ายมากๆ หัวใจ 3 ประการคือ เขี่ย-คลุก-คลุม เริ่มที่สเต็ปแรก “เขี่ย” กินอะไรไม่หมด ให้เขี่ยลงไปได้เลย ขอแค่กรองน้ำออกก่อน แต่ถ้าให้ดีที่สุดคือ พยายามกินให้หมดตั้งแต่แรก ยกเว้นอะไรที่กินไม่ได้แล้ว
เขี่ยเสร็จแล้วต่อมาก็ “คลุก” หาอุปกรณ์อะไรก็ได้ที่มีในบ
สุดท้ายคือ “คลุม” พอคลุกเสร็จเรียบร้อย ให้เอาหมวกผ้าคลุมถังก็เป็นอันจบภารกิจ เศษอาหารที่เราใส่ๆ ลงไป จะใช้เวลาย่อยประมาณ 1 เดือน จริงๆ แนะนำให้มี 2 ถัง พอถังแรกเต็มแล้ว ก็ปิดฝาไว้ แล้วนับไปเลย 1 เดือน ถึงเปิดออกมาได้ ระหว่างถังแรกย่อยอยู่ ก็ใส่เศษอาหารลงถังสอง
เราจะรู้ได้เลยว่าถังบ้านเราเริ่มหมักพวกอาหารเหลือที่เราเขี่ยๆ ลงไปเมื่อเปิดหมวกคลุมถังแล้วสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุเบาๆ ยิ่งถ้าหมักไปหลายวันเข้า แค่เอามือไปจับๆ ตัวถังด้านนอกก็จะรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ เลย
ผู้รู้บอกว่าที่ถังมันร้อนก็เพราะจุลินทรีย์จำนวนมหาศาลที่อยู่ในถังมันหายใจออกมา เหมือนเวลาคนเยอะๆ ไปแออัดกันอยู่ในห้อง ห้องก็จะร้อน ดังนั้น วันไหนจับถังแล้วไม่ร้อน แสดงว่าถังตายแล้ว ไม่ทำงาน จุลินทรีย์ไม่หายใจ บ้านไหนถังร้อนแสดงว่ามาถูกทาง จุลินทรีย์ยังหายใจอยู่
หลังจากใช้ถังนี้ไปแค่สองวัน เปิดมาดูก็เริ่มเห็นราสีขาวๆ ขึ้นเต็มเลย บ่งบอกว่าเศษอาหารของเรากำลังถูกแปรสภาพไปเป็นดิน ถ้าใส่ในถุงพลาสติก เศษอาหารก็จะค้างเติ่งเน่าอยู่ในถุงแบบนั้น แต่พอเปลี่ยนมาใส่ถังนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนปลูกต้นไม้ ที่อยากจะแวะไปเปิดดูบ่อยๆ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง เช่น เริ่มร้อนหรือยัง ราขึ้นมายัง บางทีทิ้งหัวหอมลงไป เปิดมาอีกทีเจอหน่อสีเขียวสดเล็กๆ แทงยอดขึ้นมาอีก
สำหรับคนที่กังวลเรื่องกลิ่น ขอตอบว่า ไม่มี เพราะหลักการคือ เขี่ย คลุก คลุม พอเราคลุกเข้ากับดิน เศษอาหารก็ไม่เน่าแล้ว ไม่มีกลิ่นใดๆ ดังนั้น พวกแมลงสาบ แมลงหวี่ก็ไม่ต้องห่วง ไม่โผล่มาให้เห็นเลย
และนี่คือสภาพเศษอาหารเหลือๆ หลังผ่านมา 1 เดือน กลายเป็นดินเรียบร้อย จากเดิมที่ต้องไปนอนเน่าเหม็นในถุงก๊อบแก๊บไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไปโดนอะไรก็ไปทำเขาเปื้อนสกปรกไปหมด ก็เปลี่ยนสภาพมาเป็นดินสีดำกลิ่นหอมที่เต็มไปด้วยสารอาหาร สามารถตักจากถังเอาไปโรยตามกระถางผักสวนครัวที่ปลูกไว้ได้เลย (เพราะดินปกติที่เราซื้อกันข้างทางอาจจะไม่ได้มีสารอาหารเยอะเท่าไหร่)
ที่สำคัญพอแยกเศษอาหารออกมาแล้วจะเห็นเลยว่าขยะที่ต้องผูกไปทิ้งหน้าบ้านรอให้กทม. มาเก็บมันจะลดจำนวนลงไปเยอะมาก ลองทำกันดู เลิกส่งเศษอาหารไปนอนเน่าที่บ่อขยะกัน เพราะ เศษอาหาร ไม่ใช่ ขยะ เศษอาหาร คือ ดินปุ๋ย และเราทุกคนสามารถเปลี่ยนมันเป็นดินได้ง่ายๆ ด้วยตัวเราเอง
ที่มา : Eco Fellow .