ในปัจจุบันตามเมืองใหญ่ๆ มีคอนโดเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งมันก็กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่อยากได้ที่พักอาศัยใจกลางเมืองในราคาที่สามารถจับต้องได้ และส่วนใหญ่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในคอนโดแล้วต่างก็รอไม่ไหวที่จะได้ตกแต่งพื้นที่ให้กลายเป็นคอนโดในฝันของตัวเอง
ครั้งนี้ ในบ้าน เองก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ การแต่งคอนโดสไตล์ชายโสด ของคุณ Aumboghini มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าแม้จะเป็นพื้นที่ขนาดเล็กแต่ก็สามารถแต่งให้อบอุ่นน่าอยู่ และตรงกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการได้ดีทีเดียวเลย ถ้าใครได้ชมแล้วรับรองต้องได้แรงบันดาลใจกลับไปแน่นอน
แต่งคอนโดแบบไม่ใช้บิวท์อิน ขนาด 23 Sqm อาจจะไม่สวยมากมายแต่รายล้อมไปด้วยความสุข
(โดยคุณ Aumboghini)
ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่ได้กะจะอาศัย อยู่ที่เมืองใหญ่นี้ ไปจนแก่เฒ่า คอนโดชานเมือง (อาจจะเรียกว่านอกเมืองเลยก็ได้) แต่พอเดินทางได้อย่างสะดวก และสามารถซื้อได้ด้วยเงินทุบกระปุกอันน้อยนิดของเรา
จึงกลายเป็นคำตอบ ของเด็กบ้านนอกอย่างเรา ที่อยากจะมีห้องเล็กๆ เป็นของตัวเองบ้างวันแล้ววันเล่า ที่เรารอให้ห้องเสร็จ ก็ใช้เวลาอยู่นานโขทีเดียว ในที่สุด ทางโครงการก็เรียกเราไปตรวจห้อง (ภาพอาจจะปนจากหลายๆ กล้อง ขออภัยในความไม่สมูท) และนี่คือวันแรกที่เราพบกัน
.
ตามสูตร เมื่อตรวจรับห้องเรียบร้อยจากบริษัทแล้ว สิ่งที่ต้องทำ ก็คือ วัด วัด แล้วก็ วัด ! ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้การจดบันทึกพื้นที่นั้นง่ายและสะดวกสำหรับคนไม่มีสกิลอย่างเรา
.
.
.
.
.
ตอนนี้สิ่งที่เรามี ก็คือ ข้อมูลขนาดจริงของห้องทั้งหมด สิ่งต่อไปที่ต้องหาก็คือ Mood and Tone ซึ่งคนอ่อนศิลปะ ประกอบกับงบจำกัดแบบเรา บอกได้เลยว่ามันก็ไม่ค่อยได้ตาม Ref. เท่าไรนัก และอาจจะดูงงๆ กับการ Matching ขออย่าถือสา ซึ่งตอนแรกก็วางไว้ว่าอยากใช้โทนประมาณนี้
.
เราเลือกใช้สีเทาเป็นสีหลักภายในห้อง เพราะชอบส่วนตัวเลยไม่มีเหตุผลอย่างอื่น หลังจากหาร้านวอลเปเปอร์เจ้าที่คุ้มค่าอยู่นาน ในที่สุดดดด เจ้าห้องขาวเปล่าๆ ก็จะได้ดูมีสีสันกับเขาสักที !!
ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้มากมายนักในระหว่างทำ เพราะว่า ยุ่งกับการสั่งอาหารมาเลี้ยงพี่ๆ ช่างต้องให้เขากินอิ่มท้อง เขาจะได้ทำงานอย่างมีความสุขครับ จริงไหม? จึงได้ภาพก่อนงานเสร็จมาแค่ภาพเดียวถ้วน
เนื่องจากเรานัดช่างสามอย่างมาในวันเดียวกันเพื่อประหยัดเวลา เตียง sideboard ผ้าม่าน และวอลเปเปอร์ จึงมาพร้อมกัน ไปดูผลงานของพี่ๆ ช่างผู้ใจดี และมีฝีมือกันเลยดีกว่า
.
.
.
.
เริ่มดูเข้าเค้าห้องขรึมๆสไตล์หนุ่มโสดขึ้นมาหน่อยแล้ว หลังจากนั้น ขั้นตอนต่อไปก็คือการ ซื้อ “เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า” และแน่นอนว่า จะไปสักที่แล้วมันมีครบเกือบๆทุกอย่าง จะเป็นที่ไหนไม่ได้ นอกจาก IKEA และ Homepro เราจิ้มทุกอย่างในเว็บก่อนที่จะไปซื้อจริง แล้ว Print ไปด้วย ตอนซื้อ ทำให้ลดเวลาในการเดินหาของไปได้เยอะมากๆ
และเมื่อผนวกกับเฟอร์นิเจอร์บางส่วนไป ห้องน้อยๆ ของเราก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว! มองจากตอนเข้าห้องมา
ตรงส่วนครัวผมเลือกใช้กระจกเงาทอง เพิ่มมิติไม่ให้ห้องดูทึบจนเกินไป
เครื่องชงกาแฟที่ตั้งแต่ซื้อมา ชงไปไม่ถึงสิบแก้วเลยเอามาวางไว้ประดับละกัน
มุมโต๊ะทำงานชิวๆ กับโซฟาที่ปรับมาเป็น Bed ได้ เผื่อเพื่อนมาจะได้เณรเทศตัวเองออกมานอนนอกห้อง
ผ้าปูอาจจะสีแรงไปหน่อย ใช้ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วมันยังไม่ซีดก็ใช้มันต่อไปครับ!
มุมทีวีที่ไม่ค่อยจะได้ดูบ่อยเท่าไรนัก ดูใน Desktop เสียมากกว่า 555555+
ไฟตัวนี้ ผมได้ติดตั้ง Switch Dimmer ทำให้ห้องสามารถ เปลี่ยนอารมณ์ได้ตลอด อยากสว่างๆ อ่านหนังสือก็เปิดสุด อยากดูหนังก็หรี่ให้สลัวลงได้ รวมๆ คุ้มครับ
ทีนี้ เรามาวาร์ปมาตอนที่แต่งเสร็จแล้วกันเถอะ! เปิดประตูห้องเข้ามา
หลงรักห้องตัวเองเวลาโดนแสงในช่วงเช้ามากๆ รู้สึกผ่อนคลายเสมอเลย
มุมห้องนอนเล็กๆ ที่ยังไม่ได้แต่งอะไรมากเพราะงบหมดแล้วจ้า สรุป สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการแต่งห้อง
ข้อผิดพลาด
1.ตู้เหนือทีวีใหญ่เกินไปนิด ทำให้มันดูแอบอึดอัดนิดๆ ไม่น่าโลภเพราะ ของเยอะเลย
2.การซื้อของหลายๆที่ ควรวางแผนการเดินทางให้ดี เดินทางไปเดินทางมา เปลือง !
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนไม่รู้ว่า กระทู้นี้จะให้ประโยชน์กับผู้อ่านบ้างเพียงแต่อยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้ แชร์ประสบการณ์เล็กๆ ของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้มึความรู้เรื่องบ้านเลย รวมถึงการตกแต่งก็เช่นกัน บางอย่างอาจดูขัดใจผู้อ่านไม่น่าเสียเวลามาอ่าน หรืออะไรก็ตาม
สุดท้าย บ้านของเรา มันก็เหมือน วลีที่ว่า “Home is the place where it feels right to walk around without shoes” มันคือที่ที่ “ตัวเรา” อยู่แล้ว “สบายใจ” นั่นเองครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการแต่งบ้านของตัวเองครับ
ที่มา : Aumboghini .